“ชวน” เตือน “หมัก” อย่าพูดส่งเดชกล่าวหามี “ไอ้โม่ง” ชักใยอยู่เบื้องหลังยุบพรรคพลังประชาชน อย่าพูดกำกวมให้คนสงสัยต้องกล้าพูดออกมาว่าเป็นใคร ชี้ที่ผ่านมาไม่เคยยอมรับความจริงดีแต่โทษคนอื่น หรือโทษกฎหมาย เตือนนายกฯ-มท.1 อย่ากลัวตายจนลืมหน้าที่
วันนี้ (22 มี.ค.) นายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่พรรคพลังประชาชนเสนอให้แก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 237 ที่เกี่ยวกับการความผิดของกรรมการบริหารพรรคว่า เป็นเรื่องที่หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ได้ให้แนวทางไปแล้ว ซึ่งหากจะมีการศึกษาไว้ก่อนก็เป็นเรื่องที่ดี และดูเวลาที่เหมาะสมในการแก้ไข อย่างไรก็ตาม รัฐธรรมนูญฉบับนี้มองได้ 2 ด้าน ด้านดี คือ บางมาตรามีความเข้มงวดจนพรรคการเมืองต้องระมัดระวังตัวมาก โอกาสพลาดพลั้งเกิดได้ง่าย เพราะจะเป็นเรื่องที่กรรมการบริหารมักไม่ค่อยรู้ ขณะเดียวกัน ก็เป็นช่องทางให้คนขี้โกงใช้โอกาสนี้ไปตายเอาดาบหน้าแล้วไปวิ่งเต้นภายหลัง ซึ่งก็แล้วแต่คนมอง แต่วันนี้ต้องเคารพกฎหมายบ้านเมือง ถ้ามีปัญหาก็ต้องดำเนินตามกฎหมาย และถ้าเห็นว่าเข้มงวดก็ต้องแก้ไขในภายหลัง
ส่วนกรณีที่นายกรัฐมนตรีระบุว่ามีความพยายามที่จะยุบพรรคพลังประชาชนและพรรคร่วมรัฐบาลนั้น นายชวน ขอให้นายกรัฐมนตรีระบุให้ชัดเจนว่าใครเป็นผู้อยู่เบื้องหลัง เมื่อกล้าพูดก็ต้องกล้าระบุว่าเป็นใคร คิดว่าปัญหาขณะนี้พรรคพลังประชาชนและพรรคร่วมรัฐบาลไม่รู้จะโทษใคร ไม่โทษตัวเอง โทษกฎหมาย และกล่าวหาว่ามีผู้อยู่เบื้องหลัง เชื่อว่าความคิดที่องค์กรต่างๆ จะกลั่นแกล้งขณะนี้ไม่มี
“ปัญหาอยู่ที่ว่าเขาทำขัดต่อกฎหมายหรือไม่ ต้องทบทวนเอง ถ้าถูกกฎหมายใครจะไปแกล้ง เพราะไม่เช่นนั้นคนแกล้งก็มีโอกาสถูกดำเนินคดีเหมือนกัน นายกฯ สมัครพูดลับลมคมใน พูดให้เกิดความระแวงผู้หนึ่งผู้ใด ซึ่งไม่เกิดประโยชน์อะไรเลย คิดว่าเป็นเรื่องที่ต้องการปัดการกระทำตัวเองมากกว่า ตอนนี้ใครผิดก็ต้องว่าไปตามผิด ต้องรักษากฎเกณฑ์ของบ้านเมืองไว้ก่อน แต่ถ้าเห็นว่ากฎหมายเข้มงวดเกินไปก็มาหารือแก้ไขกันต่อไป” นายชวน กล่าว
นายชวนปฏิเสธไม่ให้ความเห็นเรื่องการยุบพรรคพลังประชาชน เพราะยังไม่ถึงเวลา เนื่องจากเรื่องที่ค้างอยู่คือ กรณีของนายยงยุทธ ติยะไพรัช ประธานสภาผู้แทนราษฎร และเรื่องของสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ที่ถูกตัดสินคดีจำคุกไปแล้ว ดังนั้น ทั้ง 2เรื่องเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนจัดตั้งรัฐบาล ก่อนหน้านี้ เรายังคิดว่ารัฐบาลกล้ามากที่แต่งตั้งคนเหล่านี้ เพราะมีคดีมาก่อน ไม่ใช่อยู่ในตำแหน่งแล้วมามีคดี ดังนั้น การเมืองที่ยังไม่จบสาเหตุไม่ได้เกิดจากเรื่องกฎหมาย แต่เกิดจากพฤติกรรมที่เกิดก่อนเลือกตั้งด้วย
นอกจากนี้ นายชวนยังกล่าวถึงแนวทางการแก้ไขปัญหาภาคใต้ของรัฐบาลว่า ยังไม่มีความชัดเจน เพราะยังมีหลายเรื่องที่รัฐบาลยังไม่รู้ว่าอะไรเกิดขึ้น เชื่อว่ายังอาจอยู่ในขั้นศึกษา ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์ได้ให้ข้อมูลและข้อเสนอในการแก้ปัญหาแก่รัฐบาลไปแล้ว และการที่ถูกมองหัวหน้ารัฐบาลและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยไม่กล้าลงพื้นที่ ทำให้คนที่อยู่ในพื้นที่ก็มองด้วยความกลัวเช่นกัน
“ผมเข้าใจว่านายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีมหาดไทยย่อมมีความกลัว แต่เห็นว่าความกลัวต้องไม่สำคัญไปกว่าหน้าที่ความรับผิดชอบ เราต้องตัดความกลัวไป แต่ถ้าไปในพื้นที่แล้วต้องมีเจ้าหน้าที่นับพันคนมาดูแลก็ไม่สมควร ต้องไปแบบธรรมดา ถ้าต้องขนมาทั้งจังหวัด กลัวถึงขนาดนั้นอย่าไปดีกว่า ผมเห็นใจนะ แต่การทำแบบนี้ทำให้รู้สึกเห็นใจคนที่เขาทำหน้าที่อยู่ในพื้นที่มากกว่า การที่ระดับบริหารกลัวขนาดนั้น แล้วชาวบ้าน เจ้าหน้าที่จะกลัวขนาดไหน เหตุอะไรจะเกิดมันไม่แน่นอน บังเอิญโชคร้ายก็ตูมได้ แต่ผู้ใหญ่ไปไม่มีหรอก เพราะเจ้าหน้าที่เขาจะตรวจแล้วอย่างดี แต่หากต้องใช้กำลังมาดูแลมากเหมือนสมัยอดีตนายกฯ ทักษิณ อย่าไปดีกว่า” นายชวน กล่าว
/0110