เล่นกันทุกกระบวนการ ล่าสุด ถึงคิวนักวิชาการ “ไข่แม้ว” ออกโรงช่วยลูกพี่-นายใหญ่ กันเต็มพิกัด ล่าสุด รวบรวมชื่อชงให้รัฐบาลแก้กฎหมาย อ้างเสื้อคลุมประชาธิปไตยรื้อกฎหมายที่ออกในสมัย สนช.ที่มีประมาณ กว่า 200 ฉบับ แต่ไม่วายเผยไต๋มีเป้าหมายล้ม คตส.พิรุธตัดตอน “คดีแม้วทุจริต”
วันนี้ (17 มี.ค.) ที่ทำเนียบฯ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายวรพล พรหมิกบุตร อาจารย์คณะสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เป็นตัวแทนคณะนักวิชาการ เข้ายื่นหนังสือต่อ นายชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เพื่อขอให้รัฐบาลพิจารณาทบทวนกฎหมายที่ผ่านการพิจารณาของสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) รวมถึงรัฐธรรมนูญปี 2550 เนื่องจากเห็นว่าเป็นช่วงที่การเมืองไทยถูกควบคุมโดยอำนาจรัฐประหาร
นายวรพล กล่าวว่า หลังจากที่มีการหารือกับคณาจารย์บางส่วนจากหลายมหาวิทยาลัย เห็นว่า ช่วงปีกว่าๆ ที่ผ่านมา มีกฎหมายที่ผ่านการพิจารณาจาก สนช.รวมถึงรัฐธรรมนูญปี 2550 ถูกประกาศใช้ในช่วงที่การเมืองไทยอยู่ในช่วงของอำนาจรัฐประหาร ทั้งนี้ เมื่อมีสภาผู้แทนราษฎรและรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งโดยประชาชน จึงเห็นว่า อยากให้รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งได้ตรวจสอบและทบทวนกฎหมายต่างๆ ที่มีไม่ต่ำกว่า 200 ฉบับ โดยขอให้มีการประเมินว่ากฎหมายฉบับใดเป็นคุณและเป็นโทษ หากพบว่ากฎหมายฉบับใดมีประโยชน์สภาผู้แทนฯ ก็สามารถนำมาศึกษาพิจารณารับรองก็ได้ แต่ต้องเป็นสภาฯ ที่มาจากการเลือกตั้งเป็นผู้รับรองไม่ใช่กฎหมายที่มาจาก สนช.เพราะฉะนั้นจะเป็นเยี่ยงอย่างที่ไม่ดีในอนาคตที่จะมีการนำมากล่าวอ้างว่าใครยืดอำนาจก็สามารถออกกฎหมายได้ ขณะเดียวกัน หากพบว่ากฎหมายใดเป็นโทษก็สามารถยกเลิกได้เลยทั้งฉบับแล้วออกกฎหมายฉบับใหม่มาแทน หรือปรับปรุงแก้ไข
นายวรพล กล่าวว่า ยกตัวอย่างเช่นรัฐธรรมนูญปี 2550 การได้มาของสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ที่กำหนดให้มี ส.ว.ที่มาการสรรหาและการเลือกตั้ง ตรงนี้ถือว่าขัดต่อระบอบประชาธิไตยและจะเกิดปัญหาในอนาคต นอกจากนี้ ยังมี พ.ร.บ.สภาองค์กรชุมชนที่สงสัยว่าจะกระทบหรือซ้ำซ้อนกับโครงสร้างการเมืองท้องถิ่น ฉะนั้น อยากให้มีการศึกษาในสาระต่างๆ ว่ามีอะไรที่ขัดต่อหลักนิติธรรมหรือเห็นว่ากฎหมายใดเมื่อใช้ไปแล้วจะมีผลกระทบต่อสังคมในทางที่อาจจะเป็นภัยต่อระบอบประชาธิปไตย อย่างไรก็ตาม เราจะติดตามความคืบหน้าทุกระยะเพื่อให้การเมืองไทยไปสู่ความเป็นประชาธิปไตย
ผู้สื่อข่าวถามว่า จะมีการทบทวนในส่วนของกฎหมายที่ออกช่วงท้ายๆ รัฐบาลชุดที่แล้วหรือไม่ เช่น พ.ร.บ.ความมั่นคงภายใน นายวรพล กล่าวว่า หากเห็นว่าเป็นการเร่งรีบก็ไม่ถูกต้องนัก เพราะเขามีขั้นตอนการดำเนินการ แต่เนื้อหาของ พ.ร.บ.เราเห็นว่ามีปัญหา รวมถึง พ.ร.บ.การนำศึกษาออกนอกระบบที่เห็นว่าควรมีการนำไปศึกษาทบทวนด้วย
ด้าน นายชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ในส่วนของรัฐบาลตนจะนำเรื่องนี้เสนอต่อคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) เพื่อพิจารณาถึงความเหมาะสม เพื่อศึกษาในเรื่องนี้ อย่างไรก้ตาม ขอแนะนำให้คณะนักวิชาการได้เสนอเรื่องไปยังพรรคร่วมรัฐบาลและฝ่ายค้านด้วย เพื่อไม่ให้เห็นว่าพรรคพลังประชาชนทำเพียงฝ่ายเดียว ซึ่งหากทุกฝ่ายเห็นพ้องต้องกันก็มีการเสนอเป็นญัติเข้าที่ประชุมสภาฯ เพื่อตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญฯศึกษาเรื่องดังกล่าว
ถามว่า กฎหมายที่ออกมาจาก สนช.มีกี่ฉบับ นายชูศักดิ์ กล่าวว่า จำตัวเลขไม่ได้แต่ที่แถลงต่อสภาไปมีทั้งหมด 221 ฉบับ และประกาศอีกประมาณ 60 ฉบับ คาดว่ามน่าจะเกือบ 300 ฉบับ เมื่อถามถึงความเป็นไปได้ในการทบทวนประกาศคำสั่ง คปค.นายชูศักดิ์ กล่าวว่า จะรวมอยู่ด้วย
เมื่อถามว่า จะมีการก้าวล่วงไปถึงการประกาศตั้งคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) นายชูศักดิ์ กล่าวว่า ส่วนตัวเห็นว่าน่าจะรวมไปถึงประกาศดังกล่าวด้วย เพราะอย่าลืมว่าประกาศ คปค.หลายฉบับ สนช.มีส่วนในการรับรองด้วย เช่น การประกาศขยายอายุ คตส. นอกจากนี้ ยังมีการระบุว่า หากจะฟ้อง คตส.จะต้องไปร้องต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ก่อน ฉะนั้น จึงมีความเกี่ยวพันกัน
เมื่อซักว่า จะทำให้เกิดข้อครหาว่าฝ่ายรัฐบาลพยายามตัดตอนกระบวนการยุติธรรมหรือไม่ นายชูศักดิ์ กล่าวว่า เรายังไม่ได้บอกว่าจะยกเลิกหรือทำอะไร เพียงแต่เมื่อนักวิชาการยื่นเรื่องมาก็เห็นว่าควรจะมีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาพิจารณา โดยเราเน้นว่าหากอะไรที่ไม่เป็นไปตามหลักนิติธรรมก็ควรได้รับการแก้ไข แต่รายละเอียดทางคณะกรรมาธิการฯ ไปพิจารณา
นายวรพล กล่าวเสริมว่า ประกาศ คปค.ว่าด้วยการตั้ง คตส.นั้น ในส่วนความเห็นของนักวิชาการที่ไม่เกี่ยวข้องกับการเมืองเห็นว่า กฎหมายที่ออกมาหลายฉบับขัดต่อหลักนิติธรรม เช่น คตส.เป็นกลุ่มคณะบุคคลที่แต่งตั้งโดยอำนาจรัฐประหาร และใช้อำนาจทางการเมืองในการวินิจฉัยตัดสินการกระทำของรัฐบาลชุดก่อน ทั้งนี้ ประชาชนอาจจะเห็นว่าสิ่งที่ดำเนินการในช่วง คมช.และคตส. เป็นกระบวนการยุติธรรม แต่ส่วนตัวกลับเห็นว่ากระบวนการที่คล้ายกับการใช้กฎหมายหรือองค์กรที่แต่งตั้งทางกฎมหายมหาชน เป็นกระบวนการไม่ยุติธรรมหาก พบว่าสิ่งที่คตส.ดำเนินไม่ใช่กระบวนการนิติธรรมแล้วมีการดำเนินการแก้ไข เราต่างหากที่ทำให้กระบวนการนิติธรรมกลับคืนมา
นอกจากนี้ นายวรพล กล่าวถึงกรณีการแต่งตั้งตุลาการรัฐธรรมนูญมาวินิจฉัยคดียุบพรรคว่า เป็นการใช้ข้อเท็จจริงที่ไม่มีการพิสูจน์ทางกระบวนการยุติธรรม เนื่องจากมีการใช้ข้อกฎหมายที่ขัดต่อหลักนิติธรรมคือมีการกำหนดโทษย้อนหลัง อย่างไรก็ตาม ในวันที่ 19 มี.ค.นี้ ตนจะเดินทางไปยื่นหนังสือต่อสภาผู้แทนราษฎรและฝ่ายค้าน พร้อมทั้งขอให้สภาผู้แทนราษฎรรวบรวมเอกสารกฎหมายที่ยังรวบรวมไม่ได้มาให้กลุ่มเราได้ศึกษา ทั้งนี้ จะมีการจัดสัมมนาเรื่อง “กฎหมายกับการใช้อำนาจกฎหมายขององค์กรที่เกี่ยวข้องกรณีศึกษาการสั่งยุบพรรคไทยรักไทย” เวลา 08.30-12.00 น.ที่มหาวิทยาลัยราชภัฏจันทรเกษม
ด้าน นายวสันต์ ลิมป์เฉลิม มหาวิทยาลัยราชภัฏธนบุรี กล่าวว่า การเพิกถอนสิทธิคณะกรรมการบริหารพรรค 5 ปี หลังวินิจฉัยการยุบพรรคแล้วตรงนี้ไม่มีในรัฐธรรมนูญ ฉะนั้น ประกาศ คปค.ฉบับที่ 27 เป็นตัวอย่างกฎหมายที่ขัดต่อนิติธรรม
สำหรับรายชื่อคณะนักวิชาการผู้ร่วมเสนอให้ทบทวนกฎหมาย สนช.เป็นอาจารย์จากคณะนิติศาสตร์ ประกอบด้วย นายวรพล พรหมิกบุตร มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ นายวสันต์ ลิมป์เฉลิม มหาวิทยาลัยภัฏธนบุรี นายภูริชญา วัฒนรุ่ง นายธีระ สิงหพันธุ์ นายนิพนธ์ จูห้อง นายจรัญ โฆษณานันท์ นายภูมิ โชคเหมาะ นายวินัย ล้ำเลิศ มหาวิทยาลัยรามคำแหง นายเจนพล ทองยืน มหาวิทยาลัยราชภัฏจันทรเกษม นายเมธาพันธ์ โพธิธีรโรจน์ มหาวิทยาลัยมหามกุฎราชวิทยาลัย และ นายเอกพงษ์ สารน้อย ผู้ช่วยคณบดีฝ่ายกิจการนักศึกษา มหาวิทยาลัยราชภัฏจันทรเกษม
เป็นที่น่าสังเกตว่า ในส่วนของ นายเมธาพันธ์ โพธิธีรโรจน์ ถือเป็น 1 ใน 9 แกนนำ นปก.รุ่นที่ 2 ที่เคยขึ้นเวทีปราศรัยโจมตี คมช.ที่ท้องสนามหลวง รวมถึง นายวรพล พรหมิกบุตร ที่เป็นถูกทาบทามให้เข้ามาดูแลสถานีโทรทัศน์ เอ็มวี 26 เพื่อนำเสนอข่าวสารในการเลือกตั้งช่วงปลายปีของพรรคการในซีกกลุ่มอำนาจเก่า นอกจากนี้ ยังมีข่าวว่า นายจักรภพ เพ็ญแข รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี อดีตแกนนำ นปก.รุ่น 1 ได้ทาบทามนายวรพลให้มาดำรงตำแหน่งโฆษกรัฐบาล แต่ภายหลัง พล.ต.ท.วิเชียรโชติ สุกโชติรัตน์ คนสนิทของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้เข้ามาดำรงตำแหน่งดังกล่าวแทน
ขณะเดียวกัน ก่อนหน้านี้ นายวรพล ยังเป็นหนึ่งในนักวิชาการที่เข้าร้องทุกข์กล่าวโทษให้ดำเนินดคีกับกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย โดยอ้างว่าทำลายความสงบในบ้านเมืองในกรณีออกแถลงการณ์โดยอ้างว่าเนื้อหาสาระของคำแถลงการณ์ดังกล่าวสร้างความแตกแยก
/0110
