xs
xsm
sm
md
lg

"หมัก"พล่ามช่อง 11 รับเป็นกระบอกเสียงพม่า - โวยสื่อชื่นชม"อภิรักษ์" - แขวะพันธมิตรฯ ตั้งวงไล่

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี จัดรายการ “สนทนาประสาสมัคร” ถ่ายทอดสดทางสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย ช่อง 11 และสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย เมื่อเช้าวันอาทิตย์ที่ 16 มี.ค.2551 ประเด็นหลักได้เล่าถึงภารกิจเยือนพม่า ซึ่งนายสมัครรับเป็นตัวกลางคุยกับนานาชาติให้เข้าใจพม่า พร้อมสานต่อเมกะโปรเจกต์ร่วมกันของ 2 ประเทศ ขณะเดียวกันได้ถือโอกาสแก้ตัวกรณีที่ไม่ลาออกหลังถูกกล่าวหาคดีรถดับเพลิงเหมือน"อภิรักษ์" พร้อมแขวะพันธมิตรฯว่าตามล้างตามเช็ด ยัดเยียดตั้งรัฐตำรวจ อ้างเป็นทุกข์แทนหมอ ไม่กล้าผ่าตัดกลัวโดนฟ้อง

คลิกที่นี่ เพื่อฟัง รายการ สนทนาประสาสมัคร

รับเป็น"กระบอกเสียง"รัฐบาลพม่า

นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี กล่าวตอนหนึ่งในรายการ ถึงการเดินทางไปเยือนประเทศพม่าเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า เขาได้ไปทำในสิ่งซึ่งนายกรัฐมนตรีไทยคนอื่นไม่เคยทำ คือได้สนทนากับผู้นำประเทศพม่าทุกคน ตั้งแต่ระดับเบอร์ 1 เบอร์ 2 เบอร์ 3 แม้พม่าจะให้เวลาหารือเพียง 1 ชั่วโมง แต่เขากลับได้ไว้วางใจที่จะหารือถึงเกือบ 2 ชั่วโมง

ทั้งนี้สาระในการหารือนายสมัคร ยอมรับว่า จะเป็นตัวกลางไปคุยกับคนซึ่งเขาไม่เข้าใจพม่า ซึ่งส่วนใหญ่เป็นคนต่างประเทศ ซึ่งนายกรัฐมนตรีระบุว่า เขาก็ควรจะมีสิทธิ์ที่จะนำเรื่องของพม่ามาบอกกล่าวกับนานาประเทศ เพราะเขาได้รับสิทธิ์จากผู้นำพม่าแล้ว

นายสมัครย้ำว่า ความมั่นคงของสามประเทศเพื่อนบ้านทั้งพม่า ลาวและกัมพูชา เปรียบเสมือนความมั่นคงของเรา ที่ต้องไปเพราะต้องไปเจรจาความกันการค้าในเรื่องการค้า การลงทุนและการแลกเปลี่ยนทรัพยากร

“เพราะฉะนั้น ผมก็ควรจะมีสิทธิ์ที่จะคุยว่าเหรียญอีกข้างหน้าตาเป็นอย่างไร สุภาษิตไทยบอกว่าเส้นผมบังภูเขา อยู่ตรงนี้บังแล้วมองไม่เห็น แต่เรื่องพม่า ภูเขาบังเส้นผม คือถ้าไม่ปีนภูเขาข้ามฟากไปก็หาเส้นผมไม่เจอหรอกครับ ความจริงผมหาเจอตั้งแต่แรก ผมคุยกับทางผู้คนก่อน แต่บอกว่าอย่าเพิ่งเชื่อผม ผมไปคุยกับเจ้าของเรื่อง เขายืนยันว่าเป็นความจริง เข้าใจจริง ๆ ถ้าหากไม่มีตรงนี้เขาก็พร้อมจะดำเนินการ ผมก็จะต้องคุยกับผู้คนทั้งโลกเลย ใครสนใจ ผมจะคุยกับเขา แต่จะไม่มาประกาศเอิกเกริกตรงนี้นะครับ เพราะมีคนเขาคอยพร้อมจะไม่สบายใจ ผมก็จะทำให้ทุกคนได้สบายใจ”นายสมัครกล่าว

กล่อมผุดโปรเจกต์ยักษ์ร่วม“เขื่อน-บ่อแก๊ส-แลนบริดจ์”

นายสมัคร ยังได้ระบุถึงแนวคิดดำเนินการโครงการลงทุนขนาดใหญ่ในประเทศพม่าว่า รัฐบาลไทยสนใจที่จะทำโครงการเขื่อนขนาดใหญ่ กั้นแม่น่ำระหว่างชายแดนร่วมกับพม่า เช่นเขื่อนฮัตจี หรือเขื่อนอื่น ๆ โดยรัฐบาลพม่าก็สนใจที่จะเปิดโอกาสให้คนมาลงทุน โดยจะมีการแลกเปลี่ยนกับพลังงานไฟฟ้าร่วมกัน

ขณะที่การเจรจาโครงการลงทุนแหล่งแก๊สธรรมชาติ (แหล่ง M 9) แห่งใหม่ในพม่า ได้มีการเจรจาเพื่อขอให้มีการเซ็นสัญญาตกลงระหว่าง 2 ประเทศ โดยทั้ง 2 ฝ่ายก็ไม่ขัดข้อง ซึ่งพม่าต้องการให้ไทยเข้ามาลงทุนโดยการต่อท่อก๊าซขึ้นไปใช้ โดยให้บริษัทไทยที่เข้าไปลงทุนคิดหักค่าแก๊สหากดำเนินโครงการได้จริง

นายสมัคร กล่าวอีกว่า การหารือกับผู้นำพม่า ถึงโครงการสะพานเศรษฐกิจ (แลนบริดจ์) เพื่อพัฒนาเส้นทางการค้าระหว่าง 2 ประเทศนั้น รัฐบาลพม่าได้เสนอเมืองทวาย ซึ่งอยู่ห่างชายแดนไทย ประมาณ 130 กิโลเมตร ซึ่งหากมีการสำรวจก่อสร้างท่าเรือน้ำลึกตรงเมืองทวาย เพื่อทำการขนส่งตู้คอนเทนเนอร์กับสินค้าอย่างเดียว จะสอดคล้องกับที่รัฐบาลไทยกำลังจะมีโครงการตัดถนนไป จ.กาญจนบุรี เส้นทางออกจากปลายถนนรัตนาธิเบศร์ตรงระหว่าง อ.บางใหญ่กับ อ.บางบัวทอง ระยะทาง 80 กิโลเมตร ถึง จ.กาญจนบุรี

“ถ้าเอา 130 บวก 80 เป็น 210 กิโล ถึงกรุงเทพฯ ถนนเราก็มี วงแหวนเราก็มี ถ้าวงโน้นไปถึงประตูน้ำพระอินทร์ ไกลไปหน่อย ก็ทำอีกวงหนึ่ง ยกระดับ ขนแต่สินค้าอย่างเดียว ก็อ้อมกรุงเทพฯ ก็ไปออกแหลมฉบัง 100 กิโล แหลมฉบังมีท่าเรือน้ำลึกอยู่แล้ว ถ้าหากว่าทวายมีท่าเรือน้ำลึก ระยะทางไม่เกิน 300 กิโล ก็เชื่อมกัน ขนคอนเทนเนอร์ ขนสินค้าอย่างเดียวเท่านั้นก็เหลือแหล่แล้วครับ คนทางเอเชียอยากไปยุโรปเร็ว ก็ผ่านทางนี้ ถึงบอกคงไม่ค้อนควักอะไรครับ ถ้าเขามีการว่ายอมขนทางนี้ขึ้นแล้วลากไปทางนี้ ทางด้านมาจากยุโรปขนมาทางนี้ ใครลองคิดสิครับ เมืองทวายกับสีชัง น่าคิดนะครับ ไม่ใหญ่โตเอิกเกริก เป็นเส้นทางตู้คอนเทนเนอร์ที่จะผ่านอย่างเดียว ซึ่งรัฐบาลไทยพร้อมจะหารือกับนักลงทุนในประเทศ”นายสมัครกล่าว

ตะแบง ไม่มีกฎหมายให้นายกฯ แสดงสปิริตลาออก

นายสมัคร กล่าวถึงกรณีไม่แสดงสปิริตร่วมกับ 3 รมต.ภายหลังถูก คตส.แจ้งข้อกล่าวหาทุจริตรถดับเพลิง ว่า ตนยืนยันว่าไม่ต้องถอยหรือลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเพราะพ้นหน้าที่ผู้ว่ากรุงเทพมหานครแล้ว รวมทั้ง 3 รัฐมนตรีโดยเฉพาะ น.พ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ก็ไม่จำเป็นต้องลาออกเพราะถือว่าพ้นหน้าที่ รมว.ไอซีที สมัยรัฐบาลทักษิณเช่นกัน

“ถามว่า หากผมออก จะเกิดอะไรขึ้น หัวหน้ารัฐบาลหยุดพักงาน คณะรัฐมนตรีก็หยุดหมด เปลี่ยนใหม่หมด แล้วจะทำอย่างไรกันสำหรับวันนี้ หาคณะรัฐมนตรีใหม่ หานายกรัฐมนตรีมาใหม่ ต้องตั้งมาใหม่ ต้องจัดการอะไรกันใหม่ ไม่ปั่นป่วนวุ่นวายกันหมดหรือ เดินหน้ามาอย่างนี้ ประเทศชาติล้มลุกคลุกคลานมา 16 เดือน ตั้งตัวได้กว่าจะเอาชนะเลือกตั้งกันมาได้ สู้กันได้ ทั้งระบบทั้งระเบียบ เสร็จแล้วไป ๆ มา ๆ 2 – 3 วันผมอาจจะถูก กกต.ฆ่าตายก็ได้ บอกว่าเป็นนอมินี ลงมติเลย ยุบพรรคพลังประชาชนหมด 37 คนผู้บริหาร เลิกกันเลย ก็ให้มันปั่นป่วนกันใหม่”นายสมัครกล่าว

นายสมัคร กล่าวอีกว่า พ้นมาแล้วไม่ต้องถอย "เขาเล่นงานผมตั้งแต่ปฏิวัติ แจ้งข้อหากับดีเอสไอว่าผมทุจริต ถ้าผมเป็นอย่างนั้นจะเอาบัตรประชาชนไปคืนลาออกจากตำแหน่งชั่วคราว เมื่อผมไปรายงานตัวแล้วทำไมจึงรับรายงานตัว ปล่อยให้ผมทำจนเป็นหัวหน้ารัฐบาล ปีครึ่งเกือบสองปีชี้แค่ 5 คน ถามหน่อยคนที่ 6 ทำไมไม่ชี้ ปัจจุบันมีคนตำแหน่งบริหารใหญ่ 3 ท่านทำไมไม่จัดการ ผมเป็นหัวหน้ารัฐบาลกฎหมายเขียนไว้ชัด อย่างหมอเลี๊ยบ (นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี) ตั้งแต่ตำแหน่ง รมว.ไอซีที แต่เขาพ้นมาแล้ว วันนี้เป็น รมว.คลัง”นายสมัครกล่าว

แขวะสื่อ-คอลัมนิตส์ จ้องทำลาย

นายสมัคร กล่าวอีกว่า ขณะที่ตัวเขาทำงานใหญ่โตขนาดนี้ แต่สื่อมวลชนบางฉบับในเมืองไทยมันแปลก อย่างเช่นไทยโพสต์ พาดหัวข่าว "อภิรักษ์กดดันหมัก" เป็นมาอย่างนี้ 3 วันแล้ว (นายสมัครหยิบยกหนังสือพิมพ์แนวหน้าและหนังสือพิมพ์ไทยโพตส์มาอ้าง) และกล่าวว่า ข่าวนี่ยิ่งใหญ่เหลือเกิน ทุกคอลัมนิสต์ ต่างยกย่องพากันสรรเสริญนายอภิรักษ์ (ผู้ว่าฯ กทม.) กันยกใหญ่ ครฉลาดไปทำหนังสือพิมพ์กันหมด มีแต่ไอ้หน้าโง่อย่างพวกตนที่มาเล่นการเมือง มาทำงานไปเจรจากับประเทศเพื่อนบ้านแต่กลับถูบสับโขก รัฐธรรมนูญฉบับนี้ก็เหมือนบ่วงผูกคอ จงเกลียดจงชังนายกฯ คนเก่า ก็เขียนใส่ในรัฐธรรมนูญฉบับนี้ จ้องจะยุบพรรคพลังประชาชนให้ได้

“จะเขียนดุด่าว่ากล่าวอย่างไร ก็ว่าไปเถอะ ผมเป็นคนเหมือนพวกพม่า ธรรมะธรรมโม พม่าเขาแน่ใจว่าเขาไม่ใช่คนเลวอย่างที่คนในโลกชี้หน้าเขา ผมก็แน่ใจว่าผมไม่ใช่หัวหน้านักการเมืองเลวอย่างที่หนังสือพิมพ์รุมโขกกัน เพราะเหตุว่าดูในสภาพจริง ๆ ผมจะไปลาออกกับใครที่ไหน แล้วทำไมปล่อยให้ขนขึ้นบันไดมาถึงข้างบนเสร็จปั๊บ พอคนนี้บอกสปิริต นายสมัครไม่มีสปิริต ท่านที่เขียนคอลัมน์ท่านคิดสิครับ ที่ผมพูดนี้จริงหรือเท็จไปดูในตัวบทกฎหมายก็ได้ ผมไม่ใช่เป็นคนมาจากที่อื่น ผมเรียนกฎหมายจากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ก็ได้ปริญญาเหมือนกับท่านทั้งหลายที่ออกความเห็น ก็รู้กฎหมาย มาเป็นนายกรัฐมนตรีผมรับผิดชอบในสิ่งที่ผมทำ ก็กำลังบริหารบ้านเมืองกันดีๆ ถ้าผม ขอประทานโทษครับ ขออภัย ถ้าผมจะดัดจริตไปเต้นตามนี้ลงไป”นายกรัฐมนตรีกล่าว

แขวะพันธมิตรฯ คิดตามล้างตามล่า

นายสมัคร ยังกล่าวถึงการออกมาพูดเรื่องนี้ว่า ไม่ได้ต้องการมาพูดเพื่อจะได้ผลประโยชน์กับตัวเอง แต่เห็นว่า คิดกันบ้างหรือไม่ว่า บ้านเมืองมาจนถึงขณะนี้ยังมาตามล่าตามล้าง จะเอาให้เป็นให้ตาย ใครที่ทำอย่างนี้เอาสิเอา ทำให้สำเร็จรัฐบาลอยู่มาเพียงเดือนกว่าก็ปลุกระดมกันแล้ว อย่างกรณีคำวิจารณ์ “รัฐตำรวจ” ที่ว่ามีข่าวย้ายหัวหน้าตำรวจเท่านั้นก็ไปหาว่าจะตั้งรัฐตำรวจ อยากให้ไปอ่านคำแถลง(พันธมิตรประชาชนเพื่อประชิปไตย) ที่ว่าบ้านเมืองสู่วิกฤตเป็นกลียุคแล้ว นายสมัครจะตั้งรัฐตำรวจ ฟังดูแล้วมันอะไรกันนักหนา ยังไม่ถึงวันที่ 28 มี.ค. ก็ประกาศแล้วจะมีคนมาชุมนุมถึง 30,000 คน ยังเคียดแค้นไม่หายนัดชุมนุมขับไล่รัฐบาลกันอีกแล้ว

นายสมัคร กล่าวถึงคำถามว่าจะมีการย้ายข้าราชการอีกหรือไม่ ว่า จะตอบตรงนี้เลยว่าจะต้องย้ายอีก คำอธิบายคือที่แล้วมามีการเปลี่ยนแปลงการปกครองบ้านเมือง มีการยึดอำนาจเข้ามาได้ มีการโยกย้ายแต่ไม่มีใครพูดอะไร ถามว่า 16 เดือนที่ผ่านมา ดีไหม ทนทุกข์ทรมานไหม เสียหายไหม เสร็จเรียบร้อยแล้วมีเลือกตั้งได้รัฐบาลใหม่ แล้วตนจะต้องนั่งงอมืองอเท้าอยู่ตรงนั้นหรือจะให้เป็นอย่างนั้นหรือ

นายสมัคร กล่าวว่า ตนเองรู้ตัวดีว่าต้นทุนต่ำ ใครคิดจะล้มล้างรัฐบาลนี้ ให้คิดถึงชาติบ้านเมือง หากรัฐบาลนี้ยังบริหารต่อไปจะต้องมีการโยกย้ายข้าราชการต่อไป เพราะเมื่อ 16 เดือนที่แล้วย้ายกันทั้งแผงไม่เห็นมีใครโวยวาย ดังนั้นรัฐบาลนี้จะงอมืองอเท้าไม่ได้ จะต้องโยกย้ายกันให้เข้าที่เข้าทาง

“คนอย่างผมได้เคยยืนยันไว้แล้วว่าต้นทุนน้อย ต้นทุนต่ำไม่เป็นไร ก็เป็นอยู่ธรรมดา แต่น่าสงสาร น่าเสียดายบ้านเมืองนี้ กว่าจะมาถึง กว่าจะตั้งตัวได้ ทั่วบ้านทั่วเมืองเขาหันหน้ามาแล้วกำลังจะดำเนินการ อ้าว จะถูกฆ่าเสียให้ตายแล้ว ใครคิดจะฆ่ารัฐบาลนี้ให้ตาย ใครคิดจะล้มล้างรัฐบาลนี้ ใครคิดจะยุบเลิกรัฐบาลนี้ พรรคนี้ ขอให้ใคร่ครวญดูหน่อย ผมไม่ได้ทำเพื่อส่วนตัวผม ผมอยากเรียกร้องให้คิดถึงบ้านเมืองบ้าง”นายสมัครกล่าว

นายสมัคร ยกตัวอย่างการเข้าไปตอบกระทู้ฝ่ายค้านเรื่องนายกรัฐมนตรีไม่มีคุณธรรมในการย้ายรองผู้บังคับการ จ.บุรีรัมย์ว่า ตามที่พรรคฝ่ายค้านอ้างว่า นายตำรวจคนนี้เก่งกาจที่สามารถจับผู้สมัครเลือกตั้ง จนได้ใบแดงจาก กกต. ถ้าเก่งอย่างนั้นตนจะไม่ให้ย้ายไปยัง จ.ศรีสะเกษ ซึ่งมีตำแหน่งว่าง แต่จะให้ย้ายไปจ.เพชรบูรณ์ ที่จับเงินซื้อเสียงถึง 1.3 ล้านบาท แต่ผู้สมัครกลับได้แค่ใบเหลือง

อย่างที่ฝ่ายค้านเอามาอ้างว่า นายกรัฐมนตรีประกาศจะต้องมีคุณธรรมในการอย่างโน้นอย่างนี้ หรือแปลว่าปล่อยให้เล่นในตู้ม้ากันต่อไป ปล่อยให้เล่นการพนันกันต่อไป ปล่อยให้มีบ่อนกันต่อไปอย่างนั้น เพราะว่าย้ายไม่ได้มีคุณธรรม

แล้วถ้าใครเคยระดมเอาคนเข้ามาปลุกระดมขับไล่รัฐบาลเก่า แล้วล้มรัฐบาลเก่า ยังนั่งหัวโด่อยู่อย่างนี้ แล้ววันหนึ่งไปจับย้ายเข้า ย้ายไม่ได้ ตกลงเลือกตั้งเข้ามาทำไม เปลี่ยนรัฐบาลทำไม ที่แล้วมาถ้าเขาบอกว่ารัฐบาลที่แล้วเลว เขาก็เปลี่ยนเข้ามา เขาก็จัดการย้าย ๆ ไม่เป็นไร ปฏิวัติไม่มีใครกล้าแหกปากว่า แต่ว่าเลือกตั้งเข้ามาแล้วว่าเอาๆ ย้ายไป 4 ตำแหน่งเท่านั้นเอง

อ้าง รบ.ถี่ถ้วน ระงับจัดงานโอทอป ไม่โปร่งใส

นายสมัคร อ้างว่าเขาได้สั่งให้ระงับการจัดงานโอทอป (OTOP) ในวันที่ 29 มี.ค.นี้ หลังจากมีมีหนังสือเชิญให้ไปเปิดงาน โดยเห็นว่าการใช้เงินในการจ้างออร์แกไนเซอร์จัดงานถึง 85 ล้านบาทจัดงาน เป็นเงินที่มีจำนวนมาก ดังนั้นจึงยังไม่เปิดงาน เพราะจะต้องตรวจสอบให้ถี่ถ้วนก่อน และประชาชนทั้งประเทศยังไม่รู้เลยว่า "โอทอป" อย่างไร

“เห็นไหมครับว่ารัฐบาลนี้ถี่ถ้วนแค่ไหน ถี่ถ้วนอย่างนี้ไม่มีคอลัมน์ไหนเขียนชมหรอกครับ ไม่มีครับ ไม่เห็น ผมเลยเอามาบอกให้รู้กันเองว่าเราถี่ถ้วนครับ”

เซ็นโผทหาร 7 มี.ค. เชื่อเหล่าทัพปลื้ม

นายสมัคร ยังกล่าวตอนหนึ่งว่า สื่อมวลชนพากันไปเฝ้าที่บ้านเขาเมื่อวันที่ 15 มี.ค.ที่ผ่านมา เพื่อดักรอว่าจะมีคนเอาบัญชีโยกย้ายนายทหารไปให้เซ็น ทำไมพากันเชยอย่างนี้ เพราะเขาได้ลงนามแต่งตั้งบัญชีรายชื่อโยกย้ายข้าราชการทหารกลางปี เรียบร้อยแล้ว เมื่อวันที่ 7 มีนาคม ที่ผ่านมา ซึ่งทั้ง 3 กองทัพพอใจ

ครวญเพลงสุนทราภรณ์อ้างเป็นรัฐนาวาพร้อมให้คนก่นด่า

นายสมัคร ได้ตอบคำถามที่ว่าขอให้นักวิชาการนักวิจารณ์ช่วยหยุดสัมภาษณ์วิจารณ์สัก 6 เดือน เพื่อขอรัฐบาลทำงานก่อน ซึ่งเมื่อตรงนี้นายสมัคร หัวเราะและกล่าวว่า เขาวิพากษ์วิจารณ์ไม่เป็นไรตนทนได้ จะให้ดูทนได้อย่างไร โดยนายได้ร้องเพลงของสุนทราภรณ์ที่แต่งโดยหลวงวิจิตรวาทะการ ซึ่งเปรียบเหมือนกับเขาที่มาเป็นนายกรัฐมนตรีและกำลังเผชิญกับการรุมด่า แต่ก็สามารถทนและต้านได้

“ผมมีทุกข์ กำลังนี้ ผมทุกข์เรื่องบ้านเมืองของผม ผมทุกข์เรื่องบ้านเมืองว่ากำลังจะเดินหน้าไป แต่กำลังจะมีคนที่จะฆ่าพรรคการเมืองที่บริหารอยู่ให้สิ้นสุด จะมีคนยื้อยุดฉุดกัน จะต้องทำให้บ้านเมืองเหมือนกับว่าไม่น่าไว้วางใจ เพราะเขาบอกว่าจะเป็นรัฐตำรวจแล้ว กำลังจะจัดการ จะทำอะไรต่ออะไรเลวทรามต่ำช้า ถึงขนาดนัดกันมาแล้ว นัดกันมาแล้ว ยังไม่ถึงวันที่บอกแล้วว่ามา 30,000 เห็นไหมครับ แล้วคนที่เคยไปปลุกระดมเอามาช่วยเขา ท่านลองดูสิ ท่านจะฟัดใครวันไหนอย่างไร”นายสมัครกล่าว

เผยเอสเอ็มแอลก้อนแรกหมู่บ้านละ 2 แสน

นายสมัคร กล่าวถึงกรณีที่ นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง นายสหัส บัณฑิตกุล รองนายกฯ และนายธีระพล นพรัมภา เลขาธิการนายกรัฐมนตรี เข้าพบที่บ้านเมื่อวันที่ 15 มี.ค.ว่า น.พ.สุรพงษ์ มาพบเพื่อหารือเกี่ยวกับการใช้เงิน 15,000 ล้านบาท เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ในโครงการเอสเอ็มอี เพื่อให้เงินกระจายในระดับรากหญ้า ให้ประชาชนทุกหมู่บ้านได้รับงบประมาณอย่างทั่วถึง ตนยืนยันว่าโครงการนี้ไม่ใช่ประชานิยม ขอยืนยันเงินนี้ไม่ได้ไปแจก ไม่ได้เอาไปกู้ แต่ไปไว้ในโครงการพัฒนาหมู่บ้าน ประชาชนในหมู่บ้านอยากทำโครงการอะไร ก็ตัดสินใจร่วมกัน โดยคาดว่าจะส่งไปในพื้นที่ 8 หมื่นหมู่บ้านก่อน หมู่บ้านละ 200,000 บาท

นายสมัคร ยังตอบคำถามของประชาชนถึงโครงการผันแม่น้ำโขงมายังภานอีสานว่า ตนพร้อมที่จะประชุมเรื่องนี้ในเร็วๆ นี้ เพราะต้องชี้แจงเนื่องจากมีคนคัดค้าน ที่ผ่านมาฟังแล้วเหมือนกับไปขุดแม่น้ำโขงเข้าประเทศไทย เนื่องจากแม่น้ำโขงมีปริมาณที่สูงเกินจากแผ่นดิน 3 เมตร ไทยจึงจะขอใช้สิทธิเพื่อทำเป็น tunnel (ท่ออุโมงค์)เข้ามายังอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ที่จะดำเนินการจัดสร้าง เมื่อกักเก็บไว้ในอ่างในระยะเวลา 4 เดือน เมื่อภาคอีสานต้องการใช้น้ำก็จะส่งไปตามท่อแล้วจะคลุมลงไป ดังนั้นอย่าไปพูดว่าเป็นการผันแม่น้ำโขง เป็นการกักน้ำที่ล้นทิ้งลงทะเลเอามาใช้ ตนจะดำเนินการแน่นอนขออย่าห่วงเรื่องนี้

นายสมัครตอบคำถามเรื่องรถไฟรางคู่จากมักกะสัน-หัวหมาก ว่า จะดำเนินการก่อสร้างในรัฐบาลนี้แน่นอน และขณะนี้ได้ลงมือก่อสร้างจาก จ.ฉะเชิงเทรา โดยเริ่มต้นเข้ามาตั้งแต่ด่านทับช้าง หัวหมาก ขนานคู่กันมาโดยบางพื้นที่จะเป็นการยกระดับ ขณะที่ตัวหัวจักรรถไฟ จะเป็นรถไฟที่สั่งเข้ามาเพื่อเป็นรถโดยสารชานเมือง โดยกำหนดบนราง 1 เมตร และจะมาต่อเชื่อมกับสถานี 1.435 ที่สามารถก่อสร้างได้ทันทีเช่นกัน โดยคาดว่าจะเสร็จภายใน 42 เดือนนี้

บ่นทุกข์แทนหมอไม่กล้าผ่าตัดกลัวคดีความ

นายสมัคร กล่าวถึงกรณี หมอถูกประชาชนฟ้องคดีอาญาว่า กระทรวงสาธารณสุขเตรียมนำร่าง พ.ร.บ.เกี่ยวกับการคุ้มครองแพทย์เฉพาะทาง เข้าสู่ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรในเร็วๆ นี้ เพราะขณะนี้หมอเขามีความทุกข์โดยเฉพาะตัวอย่างที่หมอถูกลงโทษทางอาญาจำคุก 3 ปี ซึ่งถือว่ากระทบกระเทือนไปหมด เมื่อเปรียบกับประเทศอื่นๆ ในโลกนี้เขาไม่มีการฟ้องคดีอาญากับหมอ จะมีบ้างคือฟ้องคดีแพ่ง เพราะเขาคิดว่าหมอมีจิตใจที่จะมาช่วยรักษาคนไข้ การที่เกิดอะไรไปก็ย่อมเกิดขึ้นได้

“ของพรรค์อย่างนี้ถ้าจะเทียบเคียงกันไป เหมือนบางอาชีพอื่น ทำอะไรต่ออะไรไป ทำอะไรไม่เป็นไรครับ ทำผิดก็ไม่เป็นไรมีกฎหมายรับรองด้วยว่าไปเอาความผิดไม่ได้ แต่หมอไม่มีความต้องการอย่างนี้”นายสมัครกล่าว

นายสมัคร กล่าวอีกว่า ขณะเดียวกันมีรายงานมายังตนว่า ผู้ที่สอบเข้าเรียนแพทย์ได้ 100 คน มีผู้สละสิทธิ์ถึง 25 คน หากดูในอดีตจะมีการแย่งกันหากมีคนสละสิทธิ์ ตามสถิติหมอบางคนจะไปเรียนต่อด้านนิติศาสตร์เพราะปัญหาที่หมอกลัวจะถูกฟ้อง โดยเฉพาะหมอที่เรียนจบมา 2 ปี หากทราบว่าตัวเองไม่มีความสามารถจะยิ่งระมัดระวังตัวเป็นพิเศษ

นายสมัคร ยังเปิดเผยข้อมูลโรงพยาบาลชุมชนทั่วประเทศกว่า 720 แห่งว่า ขณะนี้มีวิสัญญีแพทย์ (แพทย์เฉพาะทาง) เพียงแห่งเดียวเดียวอยู่ที่ จ.อุดรธานี จากปัญหาที่โรงพยาบาลชุมชนไม่มีใครกล้าผ่าตัด จะจัดส่งผู้ป่วยเข้าไปโรงพยาบาลใหญ่ จากสถิติผู้ป่วย 200 รายต้องส่งไปโรงพยาบาลใหญ่ทั้งหมด เพราะมีหมอเชี่ยวชาญอยู่ที่นั่น

ทั้งนี้นายสมัคร กล่าวก่อนหน้านี้ถึงกรณีที่มีการยื่นถอดถอนนายไชยา สะสมทรัพย์ รมว.สาธาณสุข ว่า นายไชยา ขณะนี้เขาเข้ามาก็กำลังทนทุกข์ทรมาน ที่โดนด่าฟรีไปแล้ว โดยเฉพาะเรื่องการทำซีแอลยา ที่รัฐบาลที่แล้วทำค้างคากันไว้ เขาเพียงบอกว่าจะขอดูว่าอย่างไรต่อได้ แต่กระทรวงพาณิชย์รัฐบาลที่แล้วมาว่ากระทรวงสาธารณสุขชุดใหม่ เพียงต้องการตั้งต้นใหม่ทำใหม่ พอตอนจบก็ดำเนินการกันต่อไป แต่นายไชยา กลับโดนสับโดนโขกโดนชี้ เดินหน้าเข้าชื่อจะไล่ออกเสียแล้ว












กำลังโหลดความคิดเห็น