xs
xsm
sm
md
lg

โฆษกหุ่นเชิด เถียงพันธมิตรฯ ปัดรัฐ ตร.อ้างยศพระราชทาน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“โฆษกรัฐบาล” ขำกลิ้ง “พันธมิตรฯ” กุข่าวรัฐบาลสร้างรัฐตำรวจ โต้ “รัฐบาล คมช.” เป็นรัฐทหารงั้นสิ เปรียบแสบเหมือนพิษการเมือง แสบทรวงอ้างยศพระราชทานติดตัวจนตาย

วันนี้ (13 มี.ค.) พล.ต.ท.วิเชียรโชติ สุกโชติรัตน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่กลุ่มพันธมิตรฯ ออกแถลงการณ์ว่า รัฐบาลกำลังสร้างรัฐตำรวจ ว่า “ผมฟังแล้วขำกลิ้งเลยนะ ขำกลิ้งเลย เพราะผมก็เป็นตำรวจ แต่ปัจจุบันผมเป็นโฆษกรัฐบาล” ยศตำรวจเป็นยศพระราชทาน ซึ่งตนพ้นจากตำรวจมา 10 ปีแล้ว แต่ยศติดตัวมา เหมือน ร.ต.ต. เกรียงศักดิ์ โลหะชาละ แต่ท่านได้เป็นปลัด กทม.เพราะฉะนั้นเรื่องยศนั้นไม่เกี่ยวกับหน้าที่การงาน เพราะมันติดตัวมา เหมือนกับครูพละที่มียศว่าที่ร้อยตรีเยอะแยะ แต่ไม่ได้เกี่ยวกับกองทัพบก แต่บังเอิญตำรวจก็ไปลงสมัครรับเลือกตั้งบ้าง ไปลง ส.ว.บ้าง ซึ่งตอนนี้ ส.ว.ที่เป็นอดีตตำรวจก็เยอะแยะ แล้วท่านนายกรัฐมนตรีก็ไม่ใช่ตำรวจ เพราะฉะนั้นจะเป็นรัฐตำรวจได้ยังไง เพราะอาจจะมีตำรวจที่ได้รับความไว้วางใจจากประชาชนถูกเลือกให้มาทำงานการเมืองมากหน่อย แต่ก็เป็นอดีตหมดเลย พ้นตำแหน่งกันคนละ 5 ปี 10 ปี แต่ความจริงเป็นพลเรือนเต็มขั้นที่ยังมียศนำหน้า

“ยศนี้เป็นยศพระราชทานเอาออกจากตัวไปไม่ได้ เหมือนอาจารย์ปุระชัย ที่ท่านออกจากตำรวจตั้งแต่ยศร้อยตำรวจเอก ที่ยังติดยศมาจนถึงทุกวันนี้ เพราะฉะนั้นคำว่ารัฐตำรวจก็ไม่เข้าใจว่าหมายความว่าอย่างไร ถ้าหมายความว่าคนที่เป็นตำรวจได้รับความไว้วางใจจากประชาชนมาทำงานการเมืองมาก อันนี้ถือว่าเป็นรัฐตำรวจคงไม่ได้ เพราะฉะนั้นรัฐตำรวจในที่นี้ก็คงเป็นความเพ้อฝัน คิดอะไรไป ไม่เป็นเรื่องเป็นราวมากกว่า” พล.ต.ท.วิเชียรโชติ กล่าวด้วยความเข้าใจหัวอกตำรวจ

เมื่อผู้สื่อข่าวบอกว่า หมายความว่า การคืนตำแหน่งให้ตำรวจ อาทิ พล.ต.อ.จุมพล มั่นหมาย พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ กลับมามีตำแหน่งเหมือนในอดีต โฆษกรัฐบาล กล่าวว่า ไม่ใช่ ทั้ง 4 ท่านเคยเป็นตำรวจรับราชการประจำ ในตำแหน่งประจำของตำรวจมาก่อน แต่ท่านจุมพลท่านเป็น สมช.ท่านก็พ้นจากตำรวจแล้ว ส่วนท่าน พล.ต.อ.พีรพันธ์ เปรมภูติ ท่านก็ไม่ได้เป็นตำรวจ แต่ท่านเป็นปลัด สปน.ท่านเคยเป็นตำรวจท่านก็มาเป็นเลขา ปปง.ท่านจึงเป็นพลเรือน แต่มียศตำรวจติด

“แล้ว 2 วันหลังปฏิวัติ ทั้ง 4 ท่านก็ถูกสั่งให้พ้นจากตำแหน่งเดิมให้มาช่วยราชการที่สำนายกฯ เพราะว่ามีการปฏิวัติเกิดขึ้น ในช่วง 1 ปีครึ่ง ก็มีการโยกย้ายไปประมาณ 400 ตำแหน่ง อย่างที่มีการรับทราบกันดี แต่ตอนนี้เมื่อภาวะบ้านเมืองกลับมาสู่ภาวะปกติ มีรัฐบาลที่ประชาชนเลือกตั้งมาในระบอบประชาธิปไตยเรียบร้อยแล้วก็เป็นหน้าที่ของรัฐบาลนี้จะต้องดูว่าสิ่งที่ทำมาในการแต่งตั้งโยกย้ายนั้น อะไรที่มันไม่ถูกต้อง เช่น เอาคนที่มีหน้าที่ควรทำงานในที่ที่นึงมาฝากไว้ในสำนักนายกฯก็ต้องส่งเขากลับไปที่เดิม นอกจากว่าเขายังพอใจอยู่ที่นี่ก็เท่านั้นเอง” พล.ต.ท.วิเชียรโชติ กล่าว

ประเทศนี้อย่าปกครองด้วยความอำเภอใจ มันต้องมีกฎหมายมีระเบียบ ถ้าไม่ปกครองด้วยกฎหมายใดประเทศก็จะล่มจมอยู่ไม่ได้ และขณะเป็นประชาธิปไตยเต็มใบ ประเทศนี้ขณะนี้ได้รับการเลือกตั้งโดยประชาชนที่มีเสียงส่วนใหญ่ และ 6 พรรคที่เป็นรัฐบาลเรียบร้อยแล้ว เป็นประชาธิปไตยร้อยเปอร์เซ็นต์ ไม่มีตรงไหนที่ไม่เป็นประชาธิปไตยเลย และตนอยากถามว่าจะมาเรียกร้องประชาธิปไตยอะไรกันอีก และช่วงที่มีการปฏิวัติ 1 ปี 6 เดือน กลุ่มชนที่มีการเคลื่อนไหวเรียกร้องประชาธิไตยกลุ่มคนพวกนี้ไปอยู่ที่ไหนกัน

เมื่อถามว่า ทำไมไม่ตั้งคนอื่นที่เข้ามาบ้าง ทำไมต้องเอาคนเดิม โฆษกรัฐบาลย้อนถามว่า แล้วจะให้ตั้งใครไปไหนหละ

“ถ้าสมมติว่า ตำรวจ 4 คนยังอยู่สำนักนายกฯ สิ น่าจะคิดว่าเป็นรัฐตำรวจนะ แต่เอาตำรวจกลับไปกรมกอง ก็เหมือนเอาทหารกลับ ฉะนั้น ที่ผ่านมา 1 ปี 6 เดือน ก็เหมือนกับเป็นรัฐทหารใช่ไหม ที่ทหารเป็นบอร์ดรัฐวิสาหกิจทุกแห่งเลย และถ้าคนทั้ง 4 คน มีความผิดแล้วถูกย้ายมาก็ต้องถูกตั้งกรรมการสอบมาเรียบร้อยแล้ว สมมติเขาเป็นตำรวจอยู่ดีๆ ย้ายมาสำนักนายกฯในสมัยรัฐบาล คมช.โดยไม่มีความผิด เป็นตำรวจต่อไปไม่ได้ ให้มาอยู่สำนักนายกฯทั้ง 4 คนก็ต้องถูกตั้งกรรมการสอบ” พล.ต.ท.วิเชียรโชติ กล่าว

เมื่อถามว่า อันนี้เป็นเรื่องทางการเมือง พล.ต.ท.วิเชียรโชติ กล่าวว่า ตนไม่ทราบ แต่อันนี้พอเปลี่ยนแปลงเป็นระบอบประชาธิปไตยแล้วเขาควรจะอยู่ตรงนี้ต่อไปใช่ไหม เขาควรจะกลับต้นสังกัดเขาเหมือนกับทหารเวลานี้ที่กลับกรมกองหมดเรียบร้อยแล้ว

“เพราะฉะนั้นเมื่อตำรวจถูกย้ายออกนอกหน่วย มาฝากไว้ที่นี่แล้วไม่มีงานทำ เขาก็มีสิทธิ์ชอบธรรมที่จะขอกลับไปที่เดิมได้ เป็นเรื่องปกติ เพราะให้อยู่นี่ก็ไม่มีงานทำ” โฆษกรัฐบาล กล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากนั้นผู้สื่อข่าวได้ยุติการถาม และ นางสาวศุภรัตน์ นาคบุญนำ กล่าวว่า “โอเคนะค่ะ” ซึ่งหมายถึงการแถลงข่าวเสร็จสิ้น แต่ทาง พล.ต.ท.วิเชียรโชติ กล่าวท้วงว่าเดี๋ยวสิยังไม่จบประเด็น มีอะไรถามให้จบมาเลย เพราะตนเป็นนักกฎหมาย นักปกครอง นักรัฐศาสตร์ ตอบได้ทุกคำถาม มันต้องมีที่มาที่ไป คือ ประเทศนี้อย่าปกครองกันด้วยอำเภอใจ มันต้องมีกฎหมายมีระเบียบ ถ้าไม่ปกครองตามกฎหมายตามระเบียบแล้วประเทศมันก็ล่มจม แล้วขณะนี้เป็นประชาธิปไตยเต็มใบแล้ว ได้รับการเลือกตั้งโยประชาชนที่มีส่วนใหญ่ โดย 6 พรรครวมกันตั้งเป็นรัฐบาลเรียบร้อยแล้ว เป็นประชาธิปไตย 100% ไม่มีตรงไหนที่ไม่ใช่ประชาธิปไตยเลย

“และผมอยากจะรู้ว่ามาเรียกร้องประชาธิปไตยกันอีก และช่วงที่มีการปฏิวัติ 1 ปี 6 เดือน กลุ่มชนที่มีความเคลื่อนไหวเรียกร้องประชาธิปไตยพวกนี้ไปอยู่ที่ไหนกัน บางคนไปรับเงินเดือนอยู่ที่ที่ไม่ควรอยู่ด้วยซ้ำ เพราะฉะนั้นผมไม่อยากให้ประชาชนสับสน” โฆษก กล่าว และผู้สื่อข่าวถามว่า ไปรับเงินเดือนที่ไหนบ้าง พล.ต.ท.วิเชียรโชติ กล่าวว่า ก็ไปดูใน สนช.สิครับว่ามีใครอยู่บ้าง เพราะฉะนั้นตนอยากจะฝากประชาชนว่าขณะนี้บ้านเมืองกลับมาสู่สภาพปกติแล้ว ไอ้ที่ผ่านมา 1 ปี 6 เดือน เป็นสภาพอุบัติเหตุที่อะไรก็เกิดขึ้นได้ แต่ขณะนี้ปกติทุกอย่างกฎหมายบ้านเมืองมีทุกอย่างแล้ว รัฐบาลกำลังเดินหน้าแก้ปัญหาทุกอย่างให้กลับไปอยู่สภาพเดิม ต่างประเทศได้กลับมาลงทุนในประเทศไทย ทูตทุกประเทศเข้ามาแสดงความยินดีที่เราเป็นประชาธิปไตยสมบูรณ์แล้ว

“อยากรู้ว่าอยากให้เปลี่ยนแปลงเป็นระบบคอมมิวนิสต์ และเผด็จการหรืออย่างไร เพราะฉะนั้นประชาชนควรทราบถึงความเคลื่อนไหว และการใช้คำว่าเพื่อประชาธิปไตย ไม่อยากจะเรียกอย่างนั้นทำให้ประชาชนสับสน ดังนั้น เราควรจะมารับผิดชอบในฐานะที่เป็นคนไทยร่วมกันเสียที แล้วไปสร้างข่าวกุข่าวว่าจะเกิดกลียุค คนที่เขารู้เรื่องดีเขาขำกลิ้ง ว่า เอ๊ะ เมื่อเมืองไทยเป็นอย่างนี้แล้วจะเอาอะไรกันอีก” พล.ต.ท.วิเชียรโชติ กล่าว

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า สำหรับการเคลื่อนไหวนั้น บ้านเมืองมีขื่อมีแป เพราะฉะนั้นจะทำอะไรก็ตาม ตามรัฐธรรมนูญสามารถทำได้ภายใต้กรอบรัฐธรรมนูญ จะเคลื่อนไหวจะชุมนุมอะไรก็แล้วแต่ แต่เมื่อไรที่ไปละเมิดสิทธิของบุคคลอื่น ทำให้เกิดความเสียหายกับประเทศชาติ เสียหายต่อระบอบการปกครองในระบอบประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขแล้ว ทางฝ่ายบ้านเมืองที่บังคับใช้ กม.จะต้องบังคับใช้อย่างเคร่งครัดจะทำอะไรก็ได้อย่าฝ่าฝืน กม.ก็แล้วกัน เพราะ กม.จะต้องรักษาสิทธิของคนส่วนใหญ่ในประเทศ

ต่อข้อถามว่า มองว่า เหตุผลการเคลื่อนไหวและระยะเวลาที่รัฐบาลเข้ามาทำงานจะมีเหตุผลเพียงพอหรือไม่ในการเคลื่อนไหว โฆษก กล่าวว่า ส่วนตัวตนไม่ทราบ ซึ่งการชุมนุมเป็นเรื่องความคิดของแต่ละคน คงจะไปห้ามกันไม่ได้ แต่การชุมนุมต้องอยู่ในกรอบของ กม.ตนคิดว่าประเทศชาติบอบช้ำมามากแล้ว น่าจะร่วมมือร่วมใจกันช่วยกันสร้างชาติ แล้วการตรวจสอบเรื่องการทุจริตประพฤติมิชอบนั้น ถูกตรวจสอบอย่างละเอียดยิบเลย เพราะฉะนั้น ตนเชื่อว่า ถ้ามีคนทำผิดในแง่การทุจริตคอร์รัปชันเป็นเรื่องที่ปิดไม่ได้ และจะต้องถูกดำเนินคดีอย่างเฉียบขาด
กำลังโหลดความคิดเห็น