xs
xsm
sm
md
lg

แฉใช้เงินฟาดหัวละล้านโหวต ปธ.วุฒิ “คำนูณ” วอน ส.ว.คิดให้ดี

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“คำนูณ สิทธิสมาน” ระบุการเลือกประธานวุฒิสภาพรุ่งนี้ (14 มี.ค.) ส่งผลชี้ชะตาต่อสถานการณ์ในอนาคต รวมทั้งเป็นการพิสูจน์ว่าสภาสูงชุดใหม่ทำหน้าที่อย่างอิสระและกล้าหาญหรือไม่ วอนอย่าแบ่งแยกสรรหาหรือเลือกตั้งแต่ให้พิจารณาปูมหลังเป็นหลัก ขณะเดียวกัน มี ส.ว.แฉมีล็อบบี้เสนอเงิน 1 ล้านแลกยกมือหนุนเก้าอี้ประธานฯ

วันนี้ (13 มี.ค.) นายคำนูณ สิทธิสมาน ส.ว.สรรหา กล่าวว่า การเลือกประธานวุฒิสภาในวันที่ 14 มี.ค.นี้ มีความสำคัญอย่างยิ่งในสถานการณ์ปัจจุบัน เพราะจะเป็นการส่งสัญญาณไปสู่ประชาชนว่า ส.ว.ชุดใหม่จะสามารถทำหน้าที่ตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญได้อย่างเป็นอิสระ เป็นกลาง และกล้าหาญหรือไม่ ท่ามกลางวิกฤตศรัทธาที่ประชาชนมีต่อองค์กรทางการเมืองต่างๆ วุฒิสภาน่าจะเป็นความหวังสุดท้ายที่ประชาชนเห็นว่าจะเป็นองค์กรที่สามารถแก้วิกฤติการณ์ในระบอบการเมืองได้ หาไม่แล้วการเมืองนอกระบบอาจจะกลับขึ้นสู่กระแสสูงอีกครั้ง

“โดยส่วนตัวของผมคิดว่า การเลือกประธานวุฒิสภาไม่ควรจะพิจารณาว่ามาจากการสรรหา หรือมาจากเลือกตั้ง แต่ควรพิจารณาคุณสมบัติเฉพาะด้าน และบทบาทของประธานวุฒิสภาในสถานการณ์ปัจจุบัน ซึ่งถือได้ว่ามีสถานการณ์พิเศษ เพราะเชื่อว่าในช่วง 2-3 เดือนจากนี้ไปผู้ได้รับเลือกเป็นประธานวุฒิสภาจะทำหน้าที่รักษาการประธานรัฐสภาโดยตำแหน่งด้วย” นายคำนูณ ระบุ

นายคำนูณ ยังกล่าวถึงกระแสข่าวมีการเสนอให้เงินหัวละ 1 ล้านบาท เพื่อล็อบบี้เลือก ส.ส.บางคนเป็นประธานวุฒิสภาว่า สำหรับตนเองไม่มีคนติดต่อในเรื่องเงินทอง ซึ่งความรู้สึกแรกที่ได้ยินข่าวนี้ รู้สึกว่ามีการเอาเงินมาล็อบบี้ถึงขนาดนี้เชียวหรือ แต่ก็มีสมาชิกบางคนที่ได้รับการติดต่อแล้วมาเล่าให้ฟัง ทั้งนี้ในเรื่องของการรับหรือไม่รับเงินนั้น เชื่อในสมาชิกวุฒิสภาทุกคนว่าจะไม่หวั่นไหว การล็อบบี้หรือวิ่งเต้นไม่เป็นเรื่องที่น่าเกลียด ซึ่งสมาชิกแต่ละคนจะจับกลุ่มรับประทานอาหารกันเพื่อล็อบบี้ซึ่งก็ถือเป็นปกติ ยกเว้นมีการเสนอผลประโยชน์ เพราะเท่ากับแสดงให้เห็นว่าทรยศต่อประชาชนที่เลือกเข้ามาและทรยศต่อประเทศชาติ

ผู้สื่อข่าวถามว่า วางคุณสมบัติของผู้ที่จะมาดำคงตำแหน่งปรธานวุฒิสภาอย่างไร นายคำนูณ กล่าวว่า มีหลักของตัวเองไว้แล้วจะไม่พิจารณาว่าบุคคลนั้นจะมาจากการเลือกตั้งหรือว่าสรรหา แต่จะพิจารณาจากการแสดงวิสัยทัศน์เป็นหลัก และบุคคลนั้นจะต้องเป็นบุคคลที่เป็นกลางระหว่างพรรคการเมืองกับกลุ่มต่างๆ และเป็นอิสระ มีความกล้าหาญในการตัดสินใจ

“มีเพื่อนสมาชิกมาเล่าให้ฟังว่า มีคนมาเสนอผลประโยชน์ให้โดยพูดทำนองว่าให้ช่วยสนับสนุนคนนี้หน่อย แล้วจะช่วยดูแลคุณตลอดอายุการทำงาน อย่างไรก็ตาม ผลจะออกมาอย่างไรก็ขึ้นอยู่กับการเลือกในวันพรุ่งนี้ และขึ้นอยู่กับว่าประธานที่ได้รับเลือกนั้น จะทำงานออกมาอย่างไร เวลาจะเป็นตัวพิสูจน์ เพราะตำแหน่งประธานวุฒิสภาเป็นตำแหน่งที่มีความสำคัญ” นายคำนูณ กล่าว

นอกจากนี้ นายคำนูณยังกล่าวถึงกรณีที่นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ผู้ว่าฯ กทม. ยุติการทำหน้าที่ชั่วคราว ภายหลัง คตส.แจ้งข้อกล่าวหาว่ามีความผิดกรณีจัดซื้อรถและเรือดับเพลิงของ กทม.ว่า การที่นายอภิรักษ์ยุติบทบาทชั่วคราวนั้นถือว่าทำถูกต้องแล้ว แต่กรณีของนายอภิรักษ์แตกต่างจากกรณีของ 3 รัฐมนตรีที่ถูกชี้มูลความผิดเรื่องหวยบนดิน รวมทั้งกรณีของนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมด้วย อยากถามว่า รัฐมนตรีทั้ง 3 คนจะยุติการทำงานได้หรือไม่ ซึ่งสามารถที่จะทำงานต่อไปได้ แต่จะถูกต้องหรือไม่นั้นถือเป็นอีกเรื่อง ซึ่งถ้าหากถามตน หากรัฐมนตรีทั้ง 3 คนยังทำงานต่อไป เกรงว่าจะใช้อำนาจแทรกแซงกระบวนการยุติธรรม จึงไม่อยากให้นิติกรรมต่างๆ เสียไปด้วย

ด้าน นายสมชาย แสวงการ ส.ว.สรรหา ยอมรับว่ามีการเสนอเงินให้เป็นรายเดือนเพื่อให้เลือกประธานวุฒิสภา โดยตนเองได้รับการติดต่อจาก ส.ว.ท่านหนึ่งซึ่งเป็นอดีต ส.ส.หลายสมัยจากภาคอีสานโดยเสนอให้เงินเดือนหากเลือก ส.ว.ที่มาจากการเลือกตั้งท่านหนึ่งเป็นประธานวุฒิสภา และจากการพูดคุยกันในหมู่ ส.ว.หลายคนก็ได้รับการติดต่อในลักษณะเดียวกันด้วย

“ผมเห็นว่าถ้ายังมี ส.ว.ประเภทนี้อยู่มาบงการก็ทำให้ภาพ ส.ว.เลือกตั้งไม่แตกต่างจากในอดีต ทำให้ ประชาชนไม่ศรัทธา” ส.ว.ผู้นี้ระบุ

รายงานข่าวระบุว่า การดำเนินการลักษณะนี้เป็นรูปแบบของนายหน้าที่ซึ่งมีหลายกลุ่มทั้งที่เป็น ส.ว.ด้วยกันหรือมาจากกลุ่มการเมืองอื่นๆทำหน้าที่ ไปล็อบบี้ ส.ว.เพื่อให้สนับสนุน ส.ว.คนหนึ่งให้ได้รับเลือกเป็นประธานวุฒิสภา โดยการล็อบบี้ดังกล่าวได้เสนอเงินเดือนประจำเดือนให้

นอกเหนือจากนี้รายงานข่าวระบุอีกว่า เมื่อรวบรวม ส.ว.ได้จำนวนหนึ่งแล้วก็จะนำเข้าสังกัดกลุ่มการเมืองซึ่งจะมีลักษณะเหมือนกับ ส.ว.ในอดีตก่อนการยึดอำนาจ

ด้าน นางนฤมล ศิริวัฒน์ สมาชิกวุฒิสภา จังหวัดอุตรดิตถ์ กล่าวยอมรับว่า มีการล็อบบี้กันจริง เพราะตนก็ถูกล็อบบี้เหมือนกัน เป็นเรื่องที่น่าเสียใจ และคิดว่าถึงเวลาแล้วที่เราจะต้องออกมาตีแผ่ เปิดโปงตัวคนที่ล็อบบี้ เพราะสภาแห่งนี้เป็นสภาอันทรงเกียรติ กลุ่มการเมืองไม่ควรเข้ามาแทรกแซง เพราะหน้าที่ของคนที่เป็น ส.ว.มีหน้าที่เอาใจประชาชน เอาใจประเทศชาติ ไม่ได้มีหน้าที่เอาใจรัฐบาล ส่วนตำแหน่งรองประธานวุฒิสภาคนที่ 2 จากการตกลงในการประชุมนอกรอบ ที่เปิดโอกาสให้ ส.ว.หญิงนั่งในตำแหน่งนี้ เมื่อตกลงกันแล้วก็ไม่อยากเห็นว่า มีการตีรวน หรือคนที่พลาดจากตำแหน่งประธานสภาแล้วลงมาแข่งชิงตำแหน่งรองประธาน
กำลังโหลดความคิดเห็น