“ครูยุ่น” สับเละนโยบายเปิดบ่อนของ “รัฐบาล” ทำอาชญากรรมพุ่ง แฉ “พ่อ-แม่” ทำร้าย “ลูก” เหตุเพราะเล่นเสียการพนัน พร้อมจี้ต่อมสำนึกรัฐบาลต้องไม่ทำสวนทาง ศก.พอเพียง ด้าน “สังศิต” อ้างเหตุหนุน “กาสิโน” ป้องเงินคนไทยไหลสู่ต่างชาติ
รายการ “ตาสว่าง” ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ โมเดิร์นไนน์ ทีวี คืนวันที่ 5 มี.ค.ที่ผ่านมา โดยมีนายสัญญา คุณากร เป็นผู้ดำเนินรายการ ซึ่งเปิดประเด็นซักถาม นายสังศิต พิริยะรังสรรค์ อดีตรองประธานสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และนายมนตรี สินทวิชัย หรือครูยุ่น เลขาธิการมูลนิธิคุ้มครองเด็ก ถึงกรณีที่รัฐบาลประกาศเดินหน้าเปิดสถานกาสิโน แล้วจะส่งผลดี หรือผลกระทบอย่างไรต่อสังคมนั้น
โดย นายสังศิต กล่าวว่า กาสิโนเกิดขึ้นที่แรกในประเทศอังกฤษ เพราะมีสาเหตุมาจากบ่อนเถื่อนจำนวนมาก จนทำให้มาเฟียหรือผู้มีอิทธิพลเรียกเก็บเงิน ทางรัฐบาลอังกฤษจึงตั้งกาสิโนขึ้นมา และปฏิรูปตำรวจไปควบคู่กัน โดยไม่ให้เข้ามายุ่งเกี่ยวกับกาสิโน ซึ่งใครที่เข้าไปเล่นจะต้องเป็นสมาชิกเสียก่อน ซึ่งต้องรอเวลาตอบรับจากกาสิโนว่าตกแล้วต้องการที่เล่นการพนันจริงหรือไม่ ซึ่งรายได้จากกาสิโนนั้น รัฐบาลอังกฤษเก็บได้เพียงน้อยนิดเท่านั้น ฉะนั้นเวลาที่บ้านเราจะตั้งกาสิโน จะต้องตอบจุดมุ่งหมายให้ได้ว่าจะแก้ปัญหาอะไรให้ประเทศเรา
“เหมือนประเทศนิวซีแลนด์ ประเทศเขามีแต่ธรรมชาติ เขาต้องการที่จะหารายได้จึงตัดสินใจตั้งกาสิโนขึ้นมาก่อน โดยหวังรายได้จากคนออสเตรเลีย จนกระทั่งรัฐบาลออสเตรเลียเห็นว่าเงินไหลออกจากประเทศเป็นจำนวนมาก จึงเสนอกฎหมายเข้าสภา ทำให้เกิดการถกเถียงกันครั้งใหญ่ จนท้ายที่สุดก็สามารถเปิดกาสิโนเพื่อสกัดไม่ให้คนของตัวเองไปเล่น ซึ่งเมื่อเปิดขึ้นมาคนจากรัฐอื่นในออสเตรเลียก็เลยแห่กันไปเล่น แต่การปกครองของเขาเป็นระบบรัฐ ดังนั้นในแต่ละรัฐจึงตั้งกาสิโนขึ้นมา เพราะไม่ต้องการให้เงินของรัฐตัวเองรั่วไหลออกไปสู่รัฐอื่น” นายสังศิต กล่าว
นายสังศิต กล่าวอีกว่า ตอนที่ไปทำวิจัยที่ประเทศออสเตรเลีย ไปถามเขาว่ามีบ่อนเถื่อนหรือไม่ เขาตอบว่ามี แต่เป็นบ่อนที่มีคนจีนเปิดบ้านเล่นกัน 4-5 คน ซึ่งเขาถือว่าเป็นบ่อนเถื่อน ดังนั้นโจทย์ของบ้านเราก็คือ ต้องป้องกันเงินไหลออกไปนอกประเทศเป็นอันดับแรกก่อน แต่ต้องยอมรับว่าเงินเราจะยังคงไหลออกนอกประเทศต่อไป เพราะบ่อนเราเปิดทีหลังประเทศอื่นที่เขามีกาสิโนชั้นดี อย่างที่มาเก๊า หรือสิงคโปร์ ซึ่งเป็นบ่อนระดับโลก ฉะนั้นเราต้องเข้าใจพฤติกรรมของคนที่ไปเล่นว่าเขามีรายได้ระดับสูง
“ที่ระบุว่าหากเปิดกาสิโนแล้วแก้ปัญหาไม่ได้ทั้งหมด ก็อย่าเปิดดีกว่านั้น ผมคิดว่าการเปิดบ่อน คือเราพยายามที่จะทำให้เงินอยู่ในประเทศของเรา สมมติว่าเงิน 100 บาท เราสามารถดึงกลับคืนมาได้ 30 บาท ก็ถือว่าเก่งแล้ว” นายสังศิต ระบุ
ด้าน นายมนตรี กล่าวว่า หลังจากที่ฟังดูแล้ว ก็เหมือนจะเคลิ้มตามว่าสามารถแก้ปัญหาได้ทั้งหมด แต่ความจริง คือ ไม่ว่าจะบ่อนเถื่อน หรือบ่อนถูกกฎหมายถ้าจะทำ มันก็ทำให้คนฉิบหายเหมือนกัน และโดยส่วนตัวแล้วยังไม่เคยเห็นใครรวยเพราะการพนัน ฉะนั้นบ่อนถูกกฎหมายจึงไม่ได้หมายความว่าทำให้ความรุนแรงน้อยลง เพียงแต่ถูกการันตีโดยกฎหมายเท่านั้น รวมทั้งไม่ได้หมายความว่าคนที่มีรายได้ซึ่งมีสิทธิเข้าไปเล่นแล้วจะไม่มีปัญหาครอบครัว คือ ถ้าวันไหนเล่นเสียสุขภาพจิตก็เป็นไปอีกแบบหนึ่ง เพราะถ้าเสียคนจะอารมณ์ไม่ดี บางครั้งถึงขั้นลงมือทำร้ายลูก
“ไอ้ที่บอกว่าลดอาชญากรรมนั้น ทำได้จริงหรือไม่ เพราะผลการวิจัยบางที่เขาบอกว่าหลังจากที่มีการเปิดบ่อนแล้วทำให้อาชญากรรมเพิ่มขึ้น ส่วนการกำหนดอาชีพของคนที่จะเข้าไปเล่นในกาสิโนนั้น ถ้าจะทำอะไรต้องมีความเสมอภาค โดยต้องให้คนทั่วไปสามารถเข้าไปเล่นได้ด้วย ถ้าเห็นดีงามว่าเศรษฐกิจจะดีขึ้น ถามว่ามีหวยบนดิน แล้วหวยใต้ดินหมดไปหรือไม่ แล้วเจ้ามือหวยบนดินก็เป็นที่ถ่ายเท ออกตัวของหวยใต้ดินใช่หรือไม่” นายมนตรี กล่าว
เลขาฯ มูลนิธิคุ้มครองเด็ก กล่าวอีกว่า ความชัดเจนในขณะนี้ก็คือ เราไม่สามารถแก้ปัญหาบ่อนเถื่อนได้ รวมทั้งกรณีที่ระบุว่าคนเล่นจะไม่มากขึ้นนั้น ตนไม่เชื่อ เพราะคนมี 3 กลุ่ม โดยกลุ่มแรกคือ จะถูกกฎหมาย หรือไม่ถูกกฎหมายก็จะไม่เล่น เพราะไม่ชอบ ส่วนอีกกลุ่มหนึ่ง คือ จะถูกกฎหมาย หรือไม่ถูกกฎหมายก็จะเล่น แต่ยังมีอีกกลุ่มหนึ่ง คือ กลุ่มตรงกลาง ถ้าคิดว่าเป็นความชอบธรรมเขาก็อาจะเล่น เพราะขนาดรัฐบาลยังอนุญาตให้เปิดได้
“ถ้าเกิดคนมีความหวังว่า ถ้าขยันเสียอย่างถึงยังไงก็ได้เงินแน่นอน เขาเหล่านั้นก็คงจะไม่มาหวังลมๆ แล้งๆ หรอก เพราะเลขท้าย 2 ตัวนั้น ความน่าจะเป็น คือ 1 ใน 100 แต่ถ้า 3 ตัว ก็คือ 1 ใน 1,000 ซึ่งการพนันจะงอกงามมาก ถ้าประชาชนส่วนใหญ่จนตรอกเรื่องความหวัง ดังนั้นเราควรจะสร้างความหวังให้กับพวกเขาในเรื่องอาชีพ หรือเรื่องอื่นๆ สำคัญที่สุด คือ นโยบายด้านเศรษฐกิจ โดยรัฐจะต้องดำเนินตาม และส่งเสริมปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง แล้วเปิดบ่อนใช่เศรษฐกิจพอเพียงหรือไม่ ซึ่งการกระทำบางอย่าง ก็ต้องเคารพรัฐธรรมนูญด้วย” นายมนตรี กล่าว