“เจิมศักดิ์”สอนมวย ส.ส.ไข่แม้ว คิดอะไรให้ลึก จะยื่น ป.ป.ช.สอบ “นายกฯ มาร์ค” ส่งเอสเอ็มเอสเชิญประชาชนร่วมกู้วิกฤติ เข้าข่ายรับของขวัญเกิน 3,000 บาท ผิดกฎหมาย ป.ป.ช. ชี้ข้อความที่นายกฯ ส่ง เพื่อประโยชน์ของทางราชการ และเอกชนผู้ให้บริการไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่ม “อภิสิทธิ์”จึงไม่เข้าข่ายรับของขวัญเกินกำหนด
คลิกที่นี่ เพื่อฟังรายการ "รู้ทันประเทศไทย"
นายเจิมศักดิ์ ปิ่นทอง ผู้ดำเนินรายการ"รู้ทันประเทศไทย" ทางเอเอสทีวี กล่าวในรายการ เมื่อวันที่ 22 ธ.ค. กรณีที่นายสุรพงษ์ โตวิจักษ์ชัยกุล ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย จะยื่นเรื่องให้คณะกรรมการปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เอาผิดนายอภิสิทธิ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กรณีขอความร่วมมือผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือส่งข้อความสั้น(SMS)เชิญชวนประชาชนให้ร่วมแก้ไขวิกฤติชาติว่า ในช่วงนี้นายสุรพงษ์ขยันสร้างข่าวมาก กรณีนี้นายสุรพงษ์ คงจะไปตีความว่าการที่ผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือส่ง SMS ออกไปนั้น ต้องมีค่าใช้จ่าย สมมุติว่าส่ง 10 ล้านคน คนละ 1 บาท ก็เป็น 10 ล้านบาท ก็เปรียบเสมือนการให้ของขวัญแก่นายอภิสิทธิ์ 10 ล้านบาท ซึ่งเกิน 3,000 บาท ตามที่กฎหมาย ป.ป.ช.กำหนด ก็เลยจะเอาผิดฐานรับของขวัญเกินจากที่กฎหมายกำหนด
อย่างไรก็ตาม นายเจิมศักดิ์ กล่าวต่อว่า นายสุรพงษ์ต้องใจเย็นๆ และตีความอะไรมากกว่านี้ SMS ของนายอภิสิทธิ์นั้นบอกว่า"ผมนายกรัฐมนตรีคนใหม่ ขอเชิญท่านร่วมนำประเทศไทยออกจากวิกฤติ สนใจได้รับการติดต่อจากผมกรุณาส่งรหัสไปรษณีย์5หลักของท่านมาที่เบอร์9191(3บาท)" ผู้ส่ง คือ Your PM(นายกฯของท่าน) ซึ่งเมื่อดูข้อความจะเห็นว่าเป็นการส่งในฐานะนายกฯ คนใหม่ ซึ่งได้เชิญประชาชนให้ร่วมนำประเทศไทยออกจากวิกฤติ ก็แสดงว่าเป็นการขอความร่วมมือจากดีแทค เอไอเอส ทรูมูฟ หรือะไรก็แล้วแต่ เพื่อประโยชน์ของทางราชการ ว่าให้ช่วยติดต่อประชาชนคนไหนอยากจะนำประเทศออกจากวิกฤติจะได้ติดต่อกัน ถ้าเขาไม่สนใจก็ไม่ต้องติดต่อกลับมา
นายเจิมศักดิ์กล่าวอีกว่า กรณีนี้นายกรัฐมนตรีปฏิบัติราชการโดยการขอให้เครือข่ายโทรศัพท์ช่วยเอื้ออำนวยให้แล้วเครือข่ายเขาก็บอกว่าวันหนึ่งเขามีขีดความสามารถที่จะส่งได้ถึง 10 ล้าน เขาไม่ได้มีต้นทุนอะไรเกิดขึ้น เขามีของเขาอยู่แล้ว สรุปแล้ว การส่ง SMS นี้จึงไม่ใช่ของขวัญที่นายอภิสิทธิ์จะได้ประโยชน์ แต่เป็นการขอให้ส่งในฐานะนายกรัฐมนตรีต้องการจะสื่อสารกับคน
"เรื่องนี้ผมคิดว่า คุณสุรพงษ์ โตวิจักษ์ชัยกุล คิดได้ แต่ว่าก็ควรจะฟ้อง เป็นเรื่องดี แล้วในที่สุดผมคิดว่าจะไม่มีปัญหา นี่โดยความเห็นส่วนตัวนะ ส่วนคุณสุรพงษ์จะไปรับรางวัลที่ไหน ที่ทำให้เรื่องมันยุ่งได้นั้น ไม่รู้"
ส่วนประเด็นที่มีการตั้งข้อสงสัยว่านายอภิสิทธิ์ไปเอาเบอร์โทรศัพท์ที่ไหนมานั้น จริงๆ แล้วนายอภิสิทธิ์ไม่รู้ว่าใครเบอร์โทรศัพท์อะไร เพียงแต่ไปบอกผู้ให้บริการว่าช่วยส่ง SMS ให้หน่อย ส่วนใครสนใจก็ติดต่อกลับมาก็แล้วแต่คนๆ นั้นยินดีจึงส่งกลับมา
อย่างไรก็ตาม กรณีนี้มีปัญหาอยู่บ้าง ซึ่งเป็นเรื่องไม่ใหญ่คือการไปสร้างความรำคาญให้กับคนที่ไม่อยากรับ ซึ่งเป็นบทเรียน แต่ข้อกฎหมายเรื่องไม่เกิน 3 พันบาทนั้นไม่น่าห่วง
ทั้งนี้ รายการ “รู้ทันประเทศไทย” ยังได้สนทนากรณีการได้เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของนายกษิต ภิรมย์ ซึ่งนายเจิมศักดิ์ยืนยันว่า ไม่ใช่โควตาพันธมิตรฯ และจริงๆ แล้วนายกษิตเคยช่วยงานรัฐบาลนายชวน หลีกภัยมาก่อน สมัยที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตรเป็นนายกฯ ก็เคนถูกเรียกไปช่วยงานที่สำนักนายกฯ เช่นกัน แต่นายกษิตเป็นคนตรงไปตรงมา เมื่อเห็นอะไรไม่ถูกต้องก็พูดออกมา และในที่สุดต้องลาออกมาก่อน และนายกษิตเคยมาขึ้นเวทีพันธมิตรฯ ตั้งแต่ปี 2549 โดยได้เปิดโปงว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ใช้เวลาราชการระหว่างไปญี่ปุ่นโทรศัพท์ติดต่อเข้ามาสั่งซื้อขายหุ้นในไทย ซึ่งเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย
นอกจากนี้รายการยังได้สนทนาในประเด็นปัญหาการปฏิรูปตำรวจ โดยมีนายสุรสีห์ โกศลนาวิน กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ และนายนายทวี สุรฤทธิกุล อาจารย์คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช ที่เคยเป็นกรรมการปรับปรุงโครงสร้างตำรวจร่วมสนทนาในรายการ
