วิกฤตของบ้านเมืองขณะนี้เป็นวิกฤตที่คนโกงเลือกตั้งและคนโกงบ้านโกงเมืองยังเชิดหน้าชูตาลอยนวลและอยู่ในอำนาจ โดยที่เงื้อมมือของกฎหมายยังเอื้อมไปไม่ถึง ทั้ง ๆ ที่เรื่องราวทั้งหลายคาราคาซังและเป็นที่ประจักษ์แก่คนทั้งบ้านทั้งเมืองอยู่แล้ว
การถ่วงคดีความ และถ่วงเวลาจึงเป็นต้นตอที่สำคัญของปัญหาวิกฤตในบ้านเมือง จนส่อเค้าว่าจะเกิดสงครามกลางเมืองเต็มทีแล้ว
ที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่าคนชั่วทั้งหลายเมื่อได้อำนาจแล้วก็พยายามใช้อำนาจทุกรูปแบบเพื่อรักษาอำนาจไว้ ในขณะที่ประชาชนก็ไม่ยอมรับ เหตุนี้ความขัดแย้งจึงนับวันทวีความรุนแรงมากขึ้น และเป็นเรื่องที่พวกขายความยุติธรรมนั่นแหละที่ต้องรับผิดชอบ
ตำรวจเป็นหน่วยงานหนึ่งที่ถูกครหานินทา ถูกประจาน ถูกกล่าวหาอย่างต่อเนื่องว่าปกป้องอุ้มชูคนชั่ว ถ่วงรั้งคดีไม่เอาคนชั่วเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม กระทั่งถูกกล่าวหาว่าปกป้องคนผิด กลั่นแกล้งคนดี จนเป็นที่มาของเสียงเรียกร้องที่ดังกึกก้องให้ปฏิรูปตำรวจ
อัยการก็ติดอันดับตามมา เพราะปรากฏข้อเท็จจริงว่ามีเรื่องราวจำนวนมากที่ไปค้างคาอยู่ที่อัยการ ดังเช่นคดีก่อการจลาจลหน้าบ้านประธานองคมนตรี ที่ไปนอนนิ่งไม่ไหวติงอยู่ช้านาน จนเวลาก็ล่วงเลยการควบคุมตัวและต้องปล่อยผู้ต้องหาไปแล้ว ถึงวันนี้ก็ยังไม่รู้ว่าจะฟ้องคดีได้เมื่อใด
ทั้งยังมีคดีโกงบ้านกินเมือง คดีโกงการเลือกตั้งที่ยังไม่ขยับเขยื้อน จนมีผู้ไปฟ้องร้องต่อหน่วยงานที่รับผิดชอบเพื่อให้ดำเนินคดีอาญากับอัยการกันไปแล้ว
แต่นั่นไม่ร้ายเท่ากับความเชื่อถือศรัทธาของประชาชนที่หมดสิ้นความเชื่อถือต่อกระบวนการยุติธรรมเหล่านี้
และถ้ายังไม่สำนึกในหน้าที่รับผิดชอบแล้วกลับเนื้อกลับตัว ทำหน้าที่ให้ถูกต้อง ทันท่วงที และมีประสิทธิภาพแล้ว ในที่สุดคนที่ทำไม่ถูกต้องก็จะต้องตกเป็นจำเลยในคดีอาญาเสียเองในสักวันหนึ่ง แม้ผลกรรมชั่วนั้นก็ย่อมสนองเอากับคนชั่วอย่างแน่นอน
วันนี้ต้องพูดถึง ป.ป.ช. สักครั้งหนึ่ง เพราะเริ่มมีข้อครหาว่าร้ายมาถึง ป.ป.ช. แล้ว
นั่นคือข้อครหาว่าแทนที่ ป.ป.ช. จะทำหน้าที่ป้องกันและปราบปรามการทุจริต กำลังจะกลายเป็นการปกป้องคนชั่วให้ลอยนวลอยู่ในอำนาจไปแล้ว
ไม่ต้องพูดถึงการทำผิดทำชั่วที่ฉ้อฉลปล้นชาติดาษดื่นไปทั้งแผ่นดินที่ล่าช้าไม่ทันการณ์และมีผลงานออกมาน้อยมาก เอากันแค่เรื่องราวใหญ่ ๆ ที่มีผลกระทบใหญ่หลวงต่อบ้านเมืองก็พอ
เรื่องราวเหล่านั้นหาก ป.ป.ช. ทำหน้าที่ให้ทันท่วงที มีประสิทธิภาพ และยุติธรรมจริงแล้ว คนชั่วก็จะไม่สามารถลอยนวล เชิดหน้าชูตาอยู่ในอำนาจได้เลย จะต้องถูกอำนาจแห่งความยุติธรรมและกฎหมายกวาดล้างออกจากอำนาจปกครองไปอย่างแน่นอน
มาดูกันว่ามีเรื่องอะไรบ้างที่ผู้คนกำลังกังขาอยู่?
เรื่องแรก คือเรื่องราวที่รับมาจาก คตส. ไม่เกิน 20 เรื่อง ซึ่งมีการไต่สวนกันมาอย่างละเอียดถี่ถ้วน และทั้งหมดนั้นยังนิ่งเงียบอยู่ใน ป.ป.ช. ไม่ปรากฏข่าวความคืบหน้าใด ๆ ทั้ง ๆ ที่หากชี้มูลเรื่องใดเรื่องหนึ่ง ก็จะมีผลต่อการหยุดยั้งคนชั่วไม่ให้มีอำนาจในบ้านเมืองได้แล้ว เรื่องราวเหล่านี้ถ้าเอากันจริง ๆ ก็แทบจะกวาดคนชั่วออกจากอำนาจได้แทบหมดสิ้น
เรื่องที่สอง คือเรื่องทุจริตในสนามบินสุวรรณภูมิที่โกงชาติผลาญแผ่นดินนับแสนล้านบาท และมีเรื่องราวจำนวนมากค้างคา ป.ป.ช. อยู่ แต่ไม่มีความคืบหน้า คนชั่วยังลอยหน้าลอยนวลอยู่ในอำนาจ และสร้างความพินาศฉิบหายให้กับบ้านเมืองต่อไปอย่างไม่หยุดยั้ง
เรื่องที่สาม เรื่องการปล้นอธิปไตยเขาพระวิหารให้กับต่างชาติ ซึ่งทั้งศาลรัฐธรรมนูญและศาลปกครองสูงสุดต่างก็ได้พิจารณาวินิจฉัยพิพากษาเป็นที่สิ้นสุดยุติแล้วว่ามีการกระทำการฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญ มีข้อเท็จจริงที่ผูกมัดเป็นยุติ ไม่จำต้องไต่สวนอะไรกันอีก สามารถชี้มูลได้ทันที แต่ก็ยังกลายเป็นทองไม่รู้ร้อนรู้หนาวอยู่จนถึงวันนี้
เรื่องที่สี่ คือเรื่องคนใหญ่คนโตในบ้านเมืองโกงชาติจนร่ำรวยผิดปกติแล้วปล่อยปละละเลยให้อนุกรรมการคนสองคนหมกเรื่องหมกฝังสำนวน เหยียบคดีไว้เป็นปี ๆ ไม่มีความคืบหน้าอะไร มิหนำซ้ำพอถูกคนเขาสงสัยก็โผล่หน้าออกมาแก้ต่างให้คนผิดเสียอีก แค่ท่าทีแบบนี้ก็เหมือนกับการอ้าปากแล้วเห็นลิ้นไก่ ป.ป.ช. ชุดใหญ่จึงควรต้องรีบจัดการแก้ไขให้ทันท่วงที
นักการเมืองมีวาระปกติแค่ 4 ปี ป.ป.ช. จึงต้องตระหนักถึงความทันท่วงที ความทันการณ์ และความมีประสิทธิภาพ ไม่ใช่ทอดหุ่ยจนพ้น 4 ปีไปแล้ว จะมีความหมายอะไรกันเล่า?
การชี้มูลความผิดไม่ใช่การพิพากษาคดีของศาล ทั้งรัฐธรรมนูญและกฎหมาย ป.ป.ช. ให้พิจารณาขั้นแรกเพียงแค่ “ส่อ” ว่าทำผิดก็ต้องชี้มูลแล้ว คนชั่วก็ต้องหยุดทำหน้าที่ จากนั้นจึงเป็นกระบวนการไต่สวนต่อไป
เพราะไม่ทำหน้าที่เช่นนั้นไม่ใช่หรือ ป.ป.ช. จึงแทบไม่มีบทบาทในการป้องกันความเสียหายให้กับแผ่นดินและประชาชน ส่งผลให้คนชั่วที่โกงเลือกตั้งก็ดี ที่โกงบ้านผลาญเมืองก็ดี ที่ใช้อำนาจหน้าที่โดยไม่ถูกต้องก็ดี ร่ำรวยผิดปกติก็ดีสามารถเชิดหน้าชูตาลอยนวลอยู่จนถึงวันนี้
บ้านเมืองพินาศฉิบหายใกล้จะวายวอดอยู่แล้ว ประชาชนแตกแยกระส่ำระสายทั่วประเทศ จนใกล้เกิดสงครามกลางเมืองแล้ว จึงขอวิงวอนเถิด รีบ ช่วยชาติ ช่วยแผ่นดิน ช่วยประชาชน รีบพิจารณาและชี้มูลความผิดในเรื่องที่มีผลเกี่ยวกับชาติบ้านเมืองได้แล้ว อนุกรรมการคณะไหนที่ทำงานล่าช้า ส่อว่าหมกคดี ก็ควรที่จะรีบเรียกเรื่องคืนแล้วมอบให้คนอื่นไปจัดการจะดีกว่า.
การถ่วงคดีความ และถ่วงเวลาจึงเป็นต้นตอที่สำคัญของปัญหาวิกฤตในบ้านเมือง จนส่อเค้าว่าจะเกิดสงครามกลางเมืองเต็มทีแล้ว
ที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่าคนชั่วทั้งหลายเมื่อได้อำนาจแล้วก็พยายามใช้อำนาจทุกรูปแบบเพื่อรักษาอำนาจไว้ ในขณะที่ประชาชนก็ไม่ยอมรับ เหตุนี้ความขัดแย้งจึงนับวันทวีความรุนแรงมากขึ้น และเป็นเรื่องที่พวกขายความยุติธรรมนั่นแหละที่ต้องรับผิดชอบ
ตำรวจเป็นหน่วยงานหนึ่งที่ถูกครหานินทา ถูกประจาน ถูกกล่าวหาอย่างต่อเนื่องว่าปกป้องอุ้มชูคนชั่ว ถ่วงรั้งคดีไม่เอาคนชั่วเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม กระทั่งถูกกล่าวหาว่าปกป้องคนผิด กลั่นแกล้งคนดี จนเป็นที่มาของเสียงเรียกร้องที่ดังกึกก้องให้ปฏิรูปตำรวจ
อัยการก็ติดอันดับตามมา เพราะปรากฏข้อเท็จจริงว่ามีเรื่องราวจำนวนมากที่ไปค้างคาอยู่ที่อัยการ ดังเช่นคดีก่อการจลาจลหน้าบ้านประธานองคมนตรี ที่ไปนอนนิ่งไม่ไหวติงอยู่ช้านาน จนเวลาก็ล่วงเลยการควบคุมตัวและต้องปล่อยผู้ต้องหาไปแล้ว ถึงวันนี้ก็ยังไม่รู้ว่าจะฟ้องคดีได้เมื่อใด
ทั้งยังมีคดีโกงบ้านกินเมือง คดีโกงการเลือกตั้งที่ยังไม่ขยับเขยื้อน จนมีผู้ไปฟ้องร้องต่อหน่วยงานที่รับผิดชอบเพื่อให้ดำเนินคดีอาญากับอัยการกันไปแล้ว
แต่นั่นไม่ร้ายเท่ากับความเชื่อถือศรัทธาของประชาชนที่หมดสิ้นความเชื่อถือต่อกระบวนการยุติธรรมเหล่านี้
และถ้ายังไม่สำนึกในหน้าที่รับผิดชอบแล้วกลับเนื้อกลับตัว ทำหน้าที่ให้ถูกต้อง ทันท่วงที และมีประสิทธิภาพแล้ว ในที่สุดคนที่ทำไม่ถูกต้องก็จะต้องตกเป็นจำเลยในคดีอาญาเสียเองในสักวันหนึ่ง แม้ผลกรรมชั่วนั้นก็ย่อมสนองเอากับคนชั่วอย่างแน่นอน
วันนี้ต้องพูดถึง ป.ป.ช. สักครั้งหนึ่ง เพราะเริ่มมีข้อครหาว่าร้ายมาถึง ป.ป.ช. แล้ว
นั่นคือข้อครหาว่าแทนที่ ป.ป.ช. จะทำหน้าที่ป้องกันและปราบปรามการทุจริต กำลังจะกลายเป็นการปกป้องคนชั่วให้ลอยนวลอยู่ในอำนาจไปแล้ว
ไม่ต้องพูดถึงการทำผิดทำชั่วที่ฉ้อฉลปล้นชาติดาษดื่นไปทั้งแผ่นดินที่ล่าช้าไม่ทันการณ์และมีผลงานออกมาน้อยมาก เอากันแค่เรื่องราวใหญ่ ๆ ที่มีผลกระทบใหญ่หลวงต่อบ้านเมืองก็พอ
เรื่องราวเหล่านั้นหาก ป.ป.ช. ทำหน้าที่ให้ทันท่วงที มีประสิทธิภาพ และยุติธรรมจริงแล้ว คนชั่วก็จะไม่สามารถลอยนวล เชิดหน้าชูตาอยู่ในอำนาจได้เลย จะต้องถูกอำนาจแห่งความยุติธรรมและกฎหมายกวาดล้างออกจากอำนาจปกครองไปอย่างแน่นอน
มาดูกันว่ามีเรื่องอะไรบ้างที่ผู้คนกำลังกังขาอยู่?
เรื่องแรก คือเรื่องราวที่รับมาจาก คตส. ไม่เกิน 20 เรื่อง ซึ่งมีการไต่สวนกันมาอย่างละเอียดถี่ถ้วน และทั้งหมดนั้นยังนิ่งเงียบอยู่ใน ป.ป.ช. ไม่ปรากฏข่าวความคืบหน้าใด ๆ ทั้ง ๆ ที่หากชี้มูลเรื่องใดเรื่องหนึ่ง ก็จะมีผลต่อการหยุดยั้งคนชั่วไม่ให้มีอำนาจในบ้านเมืองได้แล้ว เรื่องราวเหล่านี้ถ้าเอากันจริง ๆ ก็แทบจะกวาดคนชั่วออกจากอำนาจได้แทบหมดสิ้น
เรื่องที่สอง คือเรื่องทุจริตในสนามบินสุวรรณภูมิที่โกงชาติผลาญแผ่นดินนับแสนล้านบาท และมีเรื่องราวจำนวนมากค้างคา ป.ป.ช. อยู่ แต่ไม่มีความคืบหน้า คนชั่วยังลอยหน้าลอยนวลอยู่ในอำนาจ และสร้างความพินาศฉิบหายให้กับบ้านเมืองต่อไปอย่างไม่หยุดยั้ง
เรื่องที่สาม เรื่องการปล้นอธิปไตยเขาพระวิหารให้กับต่างชาติ ซึ่งทั้งศาลรัฐธรรมนูญและศาลปกครองสูงสุดต่างก็ได้พิจารณาวินิจฉัยพิพากษาเป็นที่สิ้นสุดยุติแล้วว่ามีการกระทำการฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญ มีข้อเท็จจริงที่ผูกมัดเป็นยุติ ไม่จำต้องไต่สวนอะไรกันอีก สามารถชี้มูลได้ทันที แต่ก็ยังกลายเป็นทองไม่รู้ร้อนรู้หนาวอยู่จนถึงวันนี้
เรื่องที่สี่ คือเรื่องคนใหญ่คนโตในบ้านเมืองโกงชาติจนร่ำรวยผิดปกติแล้วปล่อยปละละเลยให้อนุกรรมการคนสองคนหมกเรื่องหมกฝังสำนวน เหยียบคดีไว้เป็นปี ๆ ไม่มีความคืบหน้าอะไร มิหนำซ้ำพอถูกคนเขาสงสัยก็โผล่หน้าออกมาแก้ต่างให้คนผิดเสียอีก แค่ท่าทีแบบนี้ก็เหมือนกับการอ้าปากแล้วเห็นลิ้นไก่ ป.ป.ช. ชุดใหญ่จึงควรต้องรีบจัดการแก้ไขให้ทันท่วงที
นักการเมืองมีวาระปกติแค่ 4 ปี ป.ป.ช. จึงต้องตระหนักถึงความทันท่วงที ความทันการณ์ และความมีประสิทธิภาพ ไม่ใช่ทอดหุ่ยจนพ้น 4 ปีไปแล้ว จะมีความหมายอะไรกันเล่า?
การชี้มูลความผิดไม่ใช่การพิพากษาคดีของศาล ทั้งรัฐธรรมนูญและกฎหมาย ป.ป.ช. ให้พิจารณาขั้นแรกเพียงแค่ “ส่อ” ว่าทำผิดก็ต้องชี้มูลแล้ว คนชั่วก็ต้องหยุดทำหน้าที่ จากนั้นจึงเป็นกระบวนการไต่สวนต่อไป
เพราะไม่ทำหน้าที่เช่นนั้นไม่ใช่หรือ ป.ป.ช. จึงแทบไม่มีบทบาทในการป้องกันความเสียหายให้กับแผ่นดินและประชาชน ส่งผลให้คนชั่วที่โกงเลือกตั้งก็ดี ที่โกงบ้านผลาญเมืองก็ดี ที่ใช้อำนาจหน้าที่โดยไม่ถูกต้องก็ดี ร่ำรวยผิดปกติก็ดีสามารถเชิดหน้าชูตาลอยนวลอยู่จนถึงวันนี้
บ้านเมืองพินาศฉิบหายใกล้จะวายวอดอยู่แล้ว ประชาชนแตกแยกระส่ำระสายทั่วประเทศ จนใกล้เกิดสงครามกลางเมืองแล้ว จึงขอวิงวอนเถิด รีบ ช่วยชาติ ช่วยแผ่นดิน ช่วยประชาชน รีบพิจารณาและชี้มูลความผิดในเรื่องที่มีผลเกี่ยวกับชาติบ้านเมืองได้แล้ว อนุกรรมการคณะไหนที่ทำงานล่าช้า ส่อว่าหมกคดี ก็ควรที่จะรีบเรียกเรื่องคืนแล้วมอบให้คนอื่นไปจัดการจะดีกว่า.
