ผู้จัดการออนไลน์ – ‘เพ็ญ’ เลียนายใหญ่เต็มที่ สั่งช่อง 11 ส่งนักข่าวบินด่วนไปฮ่องกงรับนาย พร้อมขุดเทปที่จอม เพชรประดับสัมภาษณ์ที่ฮ่องกงเมื่อปลายปี 50 ออกอากาศด่วน ด้านทักษิณยืนกราน “ผมไม่ผิด” ตลบตะแลงไม่เลิก ปากบอกปรองดอง-สมานฉันท์-ไม่ล้างแค้น แต่ก็ยังขู่ว่าคนที่ทำอะไรไว้กับตนก็ให้รับสารภาพเสีย
คลิกที่นี่ เพื่อฟังบันทึกเสียงสัมภาษณ์ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ในรายการกรองสถานการณ์ทางช่อง 11 วันที่ 27 ก.พ. 2551
วันนี้ (27 ก.พ.) ในรายการกรองสถานการณ์ที่ออกอากาศทางทางสถานีโทรทัศน์ช่อง 11 กรมประชาสัมพันธ์ มีการนำเทปบันทึกภาพการสัมภาษณ์ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โดยนายจอม เพชรประดับ อดีตผู้สื่อข่าวทีไอทีวีที่เกาะฮ่องกง เมื่อวันที่ 30 ธันวาคม 2550 ที่ผ่านมาซึ่งเคยเป็นเทปที่ถูกผู้บริหารทีไอทีวีในการกำกับดูแลของกรมประชาสัมพันธ์สมัยรัฐบาล พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ สั่งระงับการเผยแพร่ ซึ่งเป็นที่น่าสังเกตว่า เมื่อเปลี่ยนรัฐบาลมาเป็นพรรคพลังประชาชน โดยนายจักรภพ เพ็ญแข รมว.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรีที่รับผิดชอบกรมประชาสัมพันธ์เทปนี้ก็ถูกนำมาออกอากาศใหม่ ก่อนที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ในฐานะผู้ต้องหาของแผ่นดินหลบหนีคดีอยู่ต่างประเทศจะกลับมาไทยเพียงวันเดียว
สำหรับเนื้อหาที่ช่อง 11 นำมาออกอากาศมีรายละเอียดดังนี้
จอม -ในรายการวันนี้ ผมก็มาที่ฮ่องกงเพื่อจะมาพูดคุยกับบุคคลท่านนี้ บุคคลท่านนี้คือ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีนะครับ ซึ่งวันนี้เราจะมาฟังทุกข้อกล่าวหาทุกประเด็น และทุกความรู้สึกจากปากของท่านเอง อย่างชัดเจน เป็นทางการ เป็นครั้งแรกครับ สวัสดีครับท่านครับ
ทักษิณ - สวัสดีครับคุณจอม
จอม -ขอบคุณที่ได้คุยกันอีกครั้งหนึ่งนะครับ เรื่องของการที่ท่านจะเข้าไปสู่กระบวนการยุติธรรม
ทักษิณ -ไม่มีใครอยู่เหนือกฎหมาย ไม่มีเลย
จอม -อีกเงื่อนไขหนึ่งก็คือ ไม่มีการล้างแค้นอะไร โดยเฉพาะล้างแค้นกับ คมช.
ทักษิณ -โอ้ ... เรื่องนี้ เทปเก่าคงจำได้ ผมบอกว่าถ้าผมกับคุณจอมเกิดแค้นกัน เราเจอหน้ากันเราก็ไม่กล้ายิงกันเพราะยิงแล้วติดคุก ถูกไหมครับ เพราะฉะนั้นเอาความแค้นอย่างนี้ไว้คือเราต่างคนก็ได้โรคหัวใจ บางทีก่อนเป็นโรคหัวใจ เส้นโลหิตในสมองแตกเสียก่อน พิการก่อน ถามว่าได้อะไรขึ้นมา แล้วจริงๆ ก็คนไทยทั้งนั้น มองไปข้างหน้านะครับ ไม่มาคบหากันกินเหล้ากัน กินข้าวกันก็เอาแค่นั้นอย่างมาก แต่ถ้าจะมาบอกว่าจะมาล้างแค้นกัน ไม่เกิดประโยชน์อะไรแล้วมันไม่ยุติ ไม่จบ ไม่จบ
สมมติว่าผมล้างแค้นคุณจอมเดี๋ยวลูกหลานเราก็ล้างแค้นกันไปกันมา ทีนี้เจ็ดชั่วโคตรไม่จบหรอก มันไม่มีความสุข ผมว่านะ คือ วันนี้คนไทยไม่มีความสุขเลยกับการที่คนที่สร้างความวุ่นวายในบ้านเมืองวันนี้ทะเลาะกัน ผมว่าวันนี้เราต้องมองไปข้างหน้าเถอะ เพราะว่าเราทะเลาะกันเนี่ย ประชาชนหาเช้ากินค่ำเดือดร้อน คนทำมาหากินเดือดร้อน นักธุรกิจบางคนอาจจะเพิ่งตั้งตัวใหม่ เพิ่งไปกู้เขามา เอาบ้านไปจำนำมาเริ่มทำธุรกิจ เศรษฐกิจฟุบเดือดร้อนกันหมด ไอ้ตรงนี้ผมว่าเห็นใจคนเหล่านั้นบาง ถึงแม้ว่าจะสะใจ สะใจโก๋ สะใจตัวเองก็เห็นใจคนอื่นเค้าจำนวนมากมายที่ต้องเดือดร้อนตาม อย่าไปสะใจกันเลย ความสะใจนี้มันจบได้แล้ว
จอม -ที่ผ่านมามองจากคนภายนอก ท่านเองจะเรียกว่าโดนกระทำ ...
ทักษิณ -ผมโดนเยอะที่สุด
จอม -เพราะฉะนั้น ถ้าดูจากธรรมชาติของคน โดยเฉพาะครอบครัวที่ท่านบอกว่าเป็นหัวจิตหัวใจเลย ก็น่าจะมีความโกรธ การจะต้อง ...
ทักษิณ -ถามว่าเจ็บไหม เจ็บ โกรธไหม โกรธ แต่ถามว่า ... ถ้าขืนล้างแค้นกันต่อไปมันจบไหม ไม่จบ ถ้าเราไม่ได้ทำอะไรผิด เราก็ไม่ต้องกลัว เราก็พิสูจน์ความผิดในที่สุดประชาชนก็เข้าใจเรา เมื่อพิสูจน์ว่าเราถูกกล่าวหาอย่างนี้อย่างนี้ พิสูจน์ให้ประชาชนได้เข้าใจ เมื่อประชาชนเข้าใจแล้วเราก็มีความสุข ความที่เราเจ็บ ความต่างๆ ก็จะหายไป วันนี้เจ็บก็ไม่เป็นไร เจ็บก็แล้วไป แต่ว่าเราอย่าไปแค้น แค้นแล้วมันได้ทุกข์กับตัวเอง เพราะฉะนั้นเจ็บให้มันเจ็บแค่นั้น ถ้าแค้นแล้วมันจะทั้งเจ็บทั้งปวด เอาแค่เจ็บก็พอนะ
จอม -ในความรู้สึกของคนทั่วไป คือ ถ้าพลังประชาชนมา ชัยชนะครั้งนี้ของพลังประชาชนก็คือชัยชนะของไทยรักไทย
ทักษิณ -คือ ผมมองอย่างนี้ ไม่อยากให้มอง ... ผมไม่อยากให้การตีความทั้งหลายไปคอร์เนอร์ ไปเอาคนๆ หนึ่งไว้ในมุม อีกคนมาโดดเด่น สังคมไม่มีทางที่จะปรองดองได้ ก่อนอื่นต้องบอกว่าวันนี้สังคมไทยต้องการเรื่องแรกก็คือความปรองดอง พระเจ้าอยู่หัวทรงรับสั่งเมื่อวันที่ 4 ธันวาคม ก็ชัดเจนนะครับ ทรงอยากเห็นประเทศปรองดอง ผู้คนในประเทศปรองดอง เพราะฉะนั้น ผู้คนในประเทศที่บอกว่าจงรักภักดีต้องยุติบทบาทที่จะเพิ่มความไม่ปรองดอง อาทิเช่น เข้าไปใช้บารมีก็ดี การขู่เข็ญก็ดีให้เจ้าหน้าที่ไม่สามารถรักษากติกาบ้านเมืองได้ เพราะฉะนั้นบ้านเมืองต้องมีกติกา ถ้ากติกาบ้านเมืองไม่ถูกรักษาเอาไว้ก็อันตราย ความไม่ปรองดองก็จะเกิด เพราะฉะนั้นความปรองดองจึงเป็นสิ่งที่สำคัญ
อันที่สองคือเรื่องเศรษฐกิจ เพราะฉะนั้นต้องฟื้นเศรษฐกิจโดยเร็วที่สุด ต้องฉีดยาแรงอย่างน้อยเจ็ดเข็มจึงจะเอาอยู่
จอม -เพราะฉะนั้นโอกาสที่จะมีการยุบพรรคหรืออะไรขึ้นมาในอนาคต
ทักษิณ -คือเวลานี้มันมีแต่ เป็นประจำเลยนะฮะ คำขู่ ยุบพรรค ใบเหลือง ใบแดง แล้วเขาก็ขู่แล้วปล่อยข่าวไปเรื่อยๆๆๆ แล้วก็พยายามทำให้มันเป็นจริง ซึ่งผมเห็นว่าอย่างนี้ทำให้บ้านเมืองไม่ปรองดอง อย่าไปแทรกแซงองค์กรเขา กกต.นี่ เขาจะทำหน้าที่ของเขา ซึ่งเขาก็พยายามทำหน้าที่อย่างดี แต่ว่ามีคนพยายามเข้าไปแทรกแซง ไปใช้เจ้าหน้าที่ที่ไม่เป็นกลางมานั่งทำงานเป็นสตาฟอะไรพวกนี้เป็นสิ่งที่ไม่ดีเลย
ถ้าบ้านเมืองอยากจะปรองดอง ทุกกติกาจะต้องเป็นกลาง ผู้บังคับใช้กติกาต้องเป็นกลางนะครับ กติกาเอียงกะเท่เร่ระหว่างเลือกตั้งควรจะยุติได้แล้ว ที่เอียงกะเท่เร่ไปเนี่ย มัดมือมัดเท้าอีกฝ่ายหนึ่ง แล้วให้อีกฝ่ายหนึ่งกระทำข้างเดียวหรือว่าปิดข่าวอีกฝ่ายหนึ่ง แล้วให้อีกฝ่ายหนึ่งออกแต่ข่าว ไอ้อย่างนี้มันต้องหยุดได้แล้ว พอแล้ว มันถึงจะปรองดองได้ ผมถึงบอกว่าขอให้วันที่ 23 ธันวาคม เป็นวันเริ่มต้นการปรองดองเถอะ
เรามานั่งพูดกัน นั่งด่ากัน นั่งเถียงกันทุกวันเนี่ยประเทศอื่นเขานั่งหัวเราะเยาะ เขาโกยเอาโกยเอา เศรษฐกิจเขาไปถึงไหนแล้วไม่รู้ เรานี่นะ 60 ปีที่แล้วเนี่ยเราเคยแข่งกับญี่ปุ่นนะ แล้ว 40 ปีต่อมาเราแข่งกับไต้หวัน ฮ่องกง สิงคโปร์นะ แล้ว 20 ปีต่อมาเราแข่งกับมาเลเซียนะ มาวันนี้เราแข่งกับเวียดนามนะ เราจะถอยไปแข่งกับลาว เขมร พม่าไหมล่ะ อันนี้ผมเป็นห่วง เอาเถอะต้องหันหน้ามาหากันได้แล้ว ผมโดนเยอะที่สุด ผมยังอยากจะเห็นความปรองดองเลย
จอม -เรื่องของความสมานฉันท์ของคนในชาติ การแตกแยก การแบ่งเป็นฝักเป็นฝ่าย การแบ่งขั้วกันนี่นะครับ แนวคิดของท่านที่จะทำให้เกิดความเข้าใจ เป็นอันหนึ่งอันเดียวแล้วก็มีความปรองดองกันมากขึ้น ท่านคิดอะไรอยู่ไหมครับ
ทักษิณ -ก่อนอื่น ตัวผมเองนี่ถือว่าเป็นตัวที่เป็นเป้าพอสมควรทีเดียว ถ้าผมกลับไป ผมจะไปขอพบทุกคนที่เป็นคนหลักๆ ในบ้านเมืองที่ ...
จอม -คนแรกที่ท่านจะไปขอพบคือใคร? พล.อ.สนธิ?
ทักษิณ -ตอนนั้นพล.อ.สนธิท่านคงรีไทร์แล้วมั้งครับ แต่ก็พร้อมจะตีกอล์ฟกับท่านถ้าท่านมีเวลา ส่วนคนอื่นที่ยังทำงานอยู่ ผมก็พร้อมที่จะไปพบ ไปตีกอล์ฟกัน เพื่อที่จะให้เขาสบายใจว่าผมต้องการกลับไปเป็นประชาชนคนไทยคนหนึ่งที่อยากจะมีชีวิตอย่างสันติ แล้วก็ช่วยเหลือประเทศในฐานะที่มีประสบการณ์อะไรมา ที่จะช่วยโดยที่ไม่ต้องมีตำแหน่งหน้าที่ใดๆ ไม่ต้องมีเงินเดือนอะไรทั้งสิ้น แล้วก็ทำสาธารณกุศลไป แล้วก็ทำหน้าที่ทางด้านให้วิทยาทานไป
จอม -แต่ว่าแนวคิดที่จะทำให้เกิดความสมานฉันท์ท่านจะพูดอย่างไร?
ทักษิณ -อันนั้นคือส่วนของตัวผมนะครับ ถ้าตัวผมไม่ไปทะเลาะกับใครแล้วก็พร้อมจะญาติดีกับทุกคน คนที่พร้อมจะสนับสนุนผมก็จะเห็นว่า อ๋อ ...
จอม -ท่านจะเป็นฝ่ายที่เดินเข้าไปหาทุกๆ คน
ทักษิณ -แน่นอนครับ แน่นอน วันนี้สังเกตดูไหมครับ ผมพูดกับทุกคนที่อาจจะโจมตีผมมาก่อนนะครับ ผมพูดกับทุกคน คุณเสนาะผมก็พูดแล้วผมก็เป็นพี่เป็นน้องกันแล้ว คุณบรรหารผมก็พูดกันเป็นพี่เป็นน้องกัน คุณสุวิทย์ คุณกิตติ คุณวัฒนา อัศวเหม เนี่ยผมพูดได้หมด ผมทักทายกันได้หมด ทักทายกันแบบเป็นพี่น้องกันได้แล้วเพราะว่าผมถือว่ามันจบ มันจบ เดินหน้าไปเถอะ อายุไม่นานนักหรอกคนเรา นี่อายุ 58 แล้วนะ ไม่รู้อีกกี่ปี เพราะฉะนั้นอะไรที่เราจะสามารถมองไปข้างหน้า เวลาเหลือไม่มากทำคุณประโยชน์ให้สูงสุดกับประเทศ นั่นคือสิ่งที่ดีที่สุด อย่าไปบอกว่า ทำไมไม่เจ็บแค้น คนอื่นเขาเจ็บแค้นแทนผม ไม่มีประโยชน์เชื่อผมเถอะ เพราะฉะนั้นเราเริ่มสมานฉันท์ที่ตัวเรา ส่วนคนอื่นก็เริ่มที่ตัวเขา
แล้วที่สำคัญที่สุดก็คือ Play by the Rules ครับ นี่ทำตามกติกาเสีย ก็ไม่มีอะไร ต้องมีน้ำใจนักกีฬา เพลงของหลวงวิจิตรวาทการสมัยก่อน รู้แพ้รู้ชนะรู้อภัย ถ้าเราไม่มีความเป็นนักกีฬา รู้แพ้รู้ชนะรู้อภัยแล้วก็ไม่เคารพกติกาที่เขากำหนด มันเล่นไม่ได้หรอก ถ้าสมมติว่านักฟุตบอลทีมแมนซีตี แข่งกับลิเวอร์พูลวันพรุ่งนี้ คว้าปืนไปด้วย ยิงเขาก่อนเลย มันก็เจ๊งแล้ว ระบบกีฬามันหมดแล้ว ต้องไม่เป็นอย่างนั้น
จอม -บุคคลท่านหนึ่งที่เมื่อท่านกลับประเทศไทย ท่านจะไปพบหรือไม่ก็คือ ประธานองคมนตรี พล.อ.เปรม (ติณสูลานนท์) ไปพบกับท่าน แล้วอยากจะบอกอะไรกับท่าน
ทักษิณ -ก็ ... เรียนท่านว่าท่านเป็นผู้ใหญ่ที่สังคมไทยเคารพนับถือ เพราะฉะนั้นผมก็เหมือนรุ่นลูกหลานน่ะ คุณพ่อผมจะอายุกว่าท่านสักปีนึงมั้งถ้ายังมีชีวิตอยู่ สักปีสองปีนี่แหละเพราะฉะนั้นท่านรุ่นพ่อแล้ว คือคนไทยเราจะเคารพกันด้วยวัยวุฒิและคุณวุฒิใช่ไหมครับ ท่านทั้งคุณวุฒิและวัยวุฒิผมต้องให้ความเคารพท่าน
จอม -ท่านจะไปเข้าพบไหมครับ ถ้าได้กลับประเทศไทย
ทักษิณ -แน่นอน แน่นอน แน่นอน แน่นอนฮะ
จอม -พอมาอยู่ต่างประเทศ ท่านก็เป็นผู้นำที่ไปเรื่อยๆ นะครับหลายๆ ประเทศ ได้อยู่กับตัวเอง ได้ศึกษา บางครั้งอาจจะต้องอยู่คนเดียวในภาวะที่ไม่มีครอบครัวอยู่ด้วย ได้เรียนรู้อะไรบ้างในชีวิตของการเป็นผู้นำพลัดถิ่นอยู่ในต่างแดน
ทักษิณ -บังเอิญผมเป็นคนไม่ค่อยยึดติดอะไรมานานแล้ว ก็เลยไม่ค่อยรู้สึกในเชิงของอำนาจ ไม่อำนาจอะไรนี่ แต่มีความรู้สึกเสียใจกับสิ่งที่ถูกกระทำ เพราะผมมองว่ามันเป็นสิ่งที่ไร้ความเป็นธรรม แล้วก็เหมือนกับว่ามันรังแกกันมากไป แต่ว่าเราก็มั่นใจว่าเราแก้ได้
วันนั้นทุกคนก็คิดว่าผมจะไม่กลับประเทศ คิดว่าถ้าผมโดนอย่างนี้ผมคงไม่กลับเพราะผมอาจจะกลัวติดคุก บังเอิญผมถือว่าให้มันรู้ไป เพราะว่าเรามั่นใจว่าเราสามารถพิสูจน์ได้ เมื่อเราพิสูจน์ได้ผมก็ไม่กลัว ผมก็จะกลับ แล้วผมกลับ ผมก็ไม่ต้องการจะไปแก้แค้นใคร ใครที่เผลอทำอะไรผมไปแล้วก็รับสารภาพเสียก็จบ ไม่มีอะไร
จอม -ซึ่งท่านยืนยันว่าจะกลับเดือนเมษายนนี้แน่นอนใช่ไหมครับ
ทักษิณ -ประมาณนะครับ แต่ว่าผมกำลังดูเหตุการณ์ ผมอยากให้บ้านเมืองสงบนิ่ง ไม่มีปัญหาอย่างนี้แล้วก็ช่วยกันแก้ปัญหาของชาติต่อไป
จอม -การกลับไปท่านก็มีคดีอยู่ เมื่อกลับไปปั๊บถ้ามีการจับกุมขึ้นมา ความวุ่นวายก็จะเกิด
ทักษิณ -ไม่มีหรอกฮะ! เขาก็ต้องไปประกันตัวที่ศาลธรรมดา แล้วถามว่าคดีคืออะไร ก็คือ No Show คือไม่ไปศาลเท่านั้นเอง ไม่ได้เป็นคดีที่ว่าผมต้องโทษจำคุกแล้วถึงออกหมายจับ ไม่ใช่ จริงๆ แล้วคือไม่ไปศาล ไม่ไปศาลผมก็ให้ทนายทำบันทึกไปศาลแล้วว่า ที่ไม่มาเนี่ยก็เพราะมีเหตุว่า หนึ่ง ไม่อยากให้ตัวเองเป็นเหตุแห่งการขัดแย้งที่จะเกิดขึ้นเพราะเหตุการณ์บ้านเมืองยังไม่ปรองดอง อันที่สอง ก็บอกเขาว่าความปลอดภัยยังไม่มีแน่นอนเพราะขนาดเป็นนายกฯ ยังถูกวางระเบิด อันที่สามก็คือพยานหลักฐานอยู่ในมือเจ้าหน้าที่ซึ่งกลัวเหลือเกิน ไม่กล้าให้ความเป็นจริง เพราะฉะนั้นขอให้เป็นประชาธิปไตยเสียก่อนแล้วผมจะกลับ
หมายจับที่ No Show นี่มันเป็นหมายจับธรรมดา ที่เราสามารถไปมอบตัว ประกันตัวแล้วก็สู้คดีได้
จอม -อาจจะไปถึงปั๊บ แล้วเราก็ไม่จำเป็นต้องไปในวันนั้น ไปอีกวันหนึ่งก็ได้ใช่ไหมครับ?
ทักษิณ -เราควรต้องไปเลย ถือว่าเป็นการเคารพศาล
จอม -เมื่อไปถึงประเทศไทย ท่านยืนยันว่าจะวางมือทางการเมืองอย่างแน่นอนร้อยเปอร์เซ็นต์ไหมครับ?
ทักษิณ -แน่นอนครับ ผมคิดว่าผมเป็นนายกฯ มาเกือบ 6 ปี ผมได้รับใช้ชาตินานพอสมควรแล้ว เพราะฉะนั้นแล้วผมก็ควรจะไปทำหน้าที่รับใช้ชาติอย่างอื่น แต่ว่าขอให้มีเวลารับใช้ครอบครัวบ้างนะครับ เพราะว่าผมมีความสุขมากนี่ลูกสาวเพิ่งกลับไป ลูกสาวมาอยู่ด้วยสองคน โอ้ย ... ผมมีความสุข
จอม -เมื่อเหยียบประเทศไทย สิ่งแรกที่อยากจะทำคืออะไรครับ?
ทักษิณ -ผมเคยกราบเรียนไปว่า แน่นอนครับผมต้องกลับไปอยู่กับครอบครัว แล้วก็จะหาโอกาสกราบบังคมทูลเพื่อขอเข้าเฝ้าเพื่อกราบพระบาท แสดงความจงรักภักดีต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ แล้วอันที่สาม ผมจะออกไปทำบุญ เดินทางไปทำบุญทั่วประเทศ
จอม -แล้วก็จะมีโอกาสที่จะอยู่กับครอบครัว กลับไปที่บ้าน
ทักษิณ -แน่นอน แล้วนอกจากนั้นก็อยากเล่นกอล์ฟในประเทศไทย อยากกินอาหารไทย อยากกินอาหารตามภาคต่างๆ สมัยก่อนเมื่อออกไปหาเสียงไปอีสานกินอาหารอีสาน กินไข่มดแดง ไปทางเหนือกินน้ำพริกหนุ่มไส้อั่ว โอ้ย ... มีความสุข
จอม -แต่ถ้าหากว่ามีใครมาขอคำปรึกษา ขอคำแนะนำ ... ท่านก็พูดคุยได้
ทักษิณ -อันนั้นเราสามารถที่จะให้คำปรึกษาได้ ผมถือว่าวิทยาทานเป็นสิ่งที่ดี สอนหนังสือก็เอา แล้วพรรคพวกจะมาบอกว่า ถามแนวทางว่าเมื่อก่อนผมเคยทำเรื่องนี้เขาอยากจะทำ เป็นอย่างไร อันนี้ให้คำแนะนำได้เลย ไม่เก็บตังค์และไม่ขอตำแหน่ง
จอม -จะไม่ถูกมองว่าเป็นเงาของรัฐบาลไหมครับ?
ทักษิณ -ผมคิดว่าเป็นหน้าที่ที่ทุกคนควรจะให้การสนับสนุนทุกคนที่ทำงานสาธารณะเพื่อช่วยแก้ปัญหาให้ชาติ ทุกคนอย่าว่าแต่ผมเลย แม้กระทั่งอดีตรัฐมนตรีของพรรคประชาธิปัตย์ที่มีประสบการณ์ มีความสำเร็จในหน้าที่การงานก็ยินดี ก็น่าจะมาให้คำแนะนำกัน เป็นประโยชน์ฮะ
จอม -ท่านได้รู้จักข้อผิดพลาดของตัวเองไหมครับว่า สาเหตุที่ต้องมาอยู่ในประเทศอื่นคืออะไร?
ทักษิณ -แน่นอน ... ข้อผิดพลาดชัดเจนที่สุดของผมก็คือว่า การอยู่ในประเทศไทยเนี่ย คุณต้องให้เวลากับสังคม
จอม -แต่ท่านก็ให้เวลากับสังคมนี่ฮะ ไปทุกกิจกรรมที่มี
ทักษิณ -ไม่ใช่ฮะ ไอ้นั่นเป็นงาน สังคมก็คือว่า เมืองไทยมันเป็นสังคมเครือข่ายแลกเปลี่ยนความรู้กัน ความคิดเห็นกัน ให้เพื่อนอบอุ่น ไม่ให้เพื่อนว้าเหว่ ถ้าเพื่อนว้าเหว่ก็หาว่าเป็นใหญ่แล้วลืมเพื่อนก็จะมีไปสุมไปรวมกันว่าไอ้นี่ให้มันพังไปดีกว่า มันไม่ใช่พวกเราแล้ว คือมันจะมีอย่างนี้ สังคมไทยจะเป็นแบบนี้อยู่ เพราะฉะนั้น ผมก็เลยบอกว่าสังคมไทยนี่ต้องมีเวลาให้กับสังคม มิฉะนั้นถ้าทุ่มเอางานอย่างเดียว ไม่มีเวลาให้สังคม ความไม่เข้าใจเกิดขึ้นก็ไม่มีที่ภาษาอังกฤษเรียกว่า Line of Defense ไม่มีเส้นที่จะป้องกันความไม่เข้าใจ เส้นที่จะป้องกันกระแสข่าวลือที่จะปล่อยออกมา ก็จะไม่มีคนที่อธิบายแทนเราเลยเพราะเราก็ทำงานงกๆ ไปเรื่อยๆ
แล้วแน่นอนว่า เรื่องอื่นๆ ก็เป็นเรื่องของบริวาร ซึ่งก็แน่นอนว่าทุกคนเมื่อขึ้นมาเป็นใหญ่ก็ต้องมีบริวาร บริวารบางคนก็เป็นคนเก่งแต่ไม่ดี บางคนก็เป็นคนดีแต่ไม่เก่ง แต่ทำยังไงถึงจะใช้ทั้งคนดีและคนเก่งและดูแลได้ว่าไม่ให้สิ่งเหล่านี้ สิ่งไม่ดีเกิดขึ้นมันก็ต้องมีบ้างที่ต้องทบทวนที่ต้องแก้ไข แต่ว่าทั้งนี้ทั้งนั้นไม่ได้ตั้งใจที่จะกลับไปอีกแล้ว จะขอเป็นประธานแมนซีตี ขอเป็นประธานมูลนิธิ ขอเป็นนายกสมาคมกอล์ฟอาชีพแห่งประเทศไทย ไม่แน่อาจจะเป็นนายกสมาคมโน่นนี่ เป็นอาจารย์สอนหนังสือแน่นอน เพื่อที่จะได้ช่วยเหลือสังคม
จอม -เมื่อครั้งที่ท่านดำรงตำแหน่งมีคนวิพากษ์วิจารณ์ว่าท่านมีอำนาจมากแล้วก็ใช้อำนาจมากจนไม่ฟังใครเลย อันนี้จะเป็นบทเรียนอันหนึ่งไหมครับ?
ทักษิณ -ไม่จริงหรอก ... คือผมนี่ สไตล์ผมคือมุ่งความสำเร็จของงาน แล้วใจร้อนต้องการให้สำเร็จเร็ว เวลาสั่งงานนี่เด็ดขาด เร็วนะ วันนี้ต้องเสร็จ แล้วความที่ผมนี่ ความที่รัฐธรรมนูญเอื้ออำนวยให้พรรคการเมืองเข้มแข็ง ผู้นำรัฐบาลมีภาวะผู้นำเต็มที่ เราก็ใช้ภาวะผู้นำในการขับเคลื่อนงานให้มันเสร็จเร็ว ให้งานสำเร็จลุล่วงไปด้วยดีและรวดเร็ว ก็เป็นสไตล์การทำงานที่เด็ดขาดแล้วก็จี้ให้มันเป็นผลตามนั้น
จอม -ใครเตือนก็ไม่ฟังอย่างนี้เหรอครับ?
ทักษิณ -เอ่อ ... บางคนก็เตือนนะครับ เมียผมก็เตือนผมตลอด แต่ว่าบางครั้งนี่เรารู้ว่ามันต้องทำให้เสร็จ ทำให้จบ แต่ระหว่างไม่จบ มันเหมือนเรื่องที่ผมพูดอยู่ตลอดเวลาว่าเรื่องแอปเปิล แอปเปิลใส่เบลนเดอร์ (เครื่องผสมอาหาร) ระหว่างที่เราสับๆๆ แอปเปิลลูกสวยๆ ดีๆ อยู่ๆ เอามาสับทำไมแล้วมันเละ อยู่ๆ เอามาปั่นมันเละหมด หนวกหูด้วย แต่สักเดี๋ยวมันเป็นน้ำแอปเปิลแล้วมันอร่อย แต่ไอ้ช่วงระหว่างทางมันเป็นช่วงที่คนทนไม่ได้บางที แต่คนไม่รู้ว่าเราจะทำน้ำแอปเปิล คนหาว่าผมทำแอปเปิลเสีย
จอม -ท่านไม่มีเวลาอธิบายกับคนพวกนี้เหรอครับว่า กำลังทำอะไร?
ทักษิณ -บางทีมันไม่มีเวลาจริงๆ บางทีมันควรจะมีเวลามากกว่านี้ บางทีมันก็ควรจะมีกลไกในการอธิบายได้ดีกว่านี้ อันหนึ่งที่ผู้นำจะสำเร็จได้เขาเรียกว่าต้องมี Ability to Communicate คือมีความสามารถที่จะสื่อให้ผู้ที่อยู่ในองค์กร อยู่ร่วมองค์กร อยู่องค์กรข้างเคียงได้เข้าใจว่าเราจะพาเดินไปที่ไหน