กกต.เสียงข้างน้อย ปัดแจกใบขาว ยุทธ ตู้เย็น แก้ตัวน้ำขุ่นๆ เขียนคำวินิจฉัยให้ดำเนินคดีอาญาแทน เพราะถือเป็นการติดสินบนเจ้าพนักงาน ซึ่งมีโทษแรงกว่าโทษเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง
วันนี้ (27 ก.พ.) นายสมชัย จึงประเสริฐ กกต.ด้านสืบสวนสอบสวนและวินิจฉัย ปฏิเสธกรณีถูกระบุเป็นผู้ที่มีมติยกคำร้องกรณีทุจริตเลือกตั้ง จ.เชียงราย โดยอ้างว่า ตนไม่ได้ให้ใบขาว แต่ลงมติให้ไปแจ้งความดำเนินคดีอาญากับ นายยงยุทธ และกำนันที่ถูกอ้างว่าเป็นผู้ที่รับเงิน ไม่ใช่เรื่องการให้ใบขาว หรือยกสำนวน เนื่องจากกำนัน-ผู้ใหญ่บ้าน ถือเป็นเจ้าพนักงานของรัฐ กรณี นายยงยุทธ จึงถือเป็นการติดสินบนเจ้าพนักงานของรัฐ ซึ่งเป็นความผิดทางอาญามากกว่า ซึ่งมีโทษมากกว่าความผิดเรื่องซื้อสิทธิขายเสียงต้องแจ้งความดำเนินคดีนายยงยุทธและกำนัน
“การคุยกันที่โรงแรมเอสซีปาร์ค เป็นเรื่องการเมืองหรือไม่ยังเป็นเรื่องโต้เถียงกัน แต่ผมเห็นว่าพยานฝ่ายผู้ร้องคัดค้านน่าจะมีน้ำหนักมากกว่า เพราะช่วงเลือกตั้งจะไม่คุยเรื่องการเมืองมันไม่น่าจะเป็นไปได้ ผมคิดว่าการไปพบกันต้องมีค่าใช้จ่าย และต้องมีการให้เงิน เพราะการมาแบบนี้จะให้ออกค่าใช้จ่ายเองทั้งไปและกลับมันออกจะผิดวิสัย และเชื่อว่า นายยงยุทธ ต้องมีส่วนรู้เห็นด้วย”
นายสมชัย กล่าวอีกว่า แม้จะมีการพบปะกันจริงคุยเรื่องการเมืองจริงและจ่ายเงินจริง แต่ต้องปรับดูข้อกฎหมาย ตามมาตรา 53 ระบุว่า ต้องมีการจูงใจผู้มีสิทธิให้ไปลงคะแนน แต่ตนเห็นว่า ณ ขณะนั้นยังไม่มีการลงสมัคร ยังไม่รู้ว่าได้หมายเลขอะไร หรือจะลงสมัครได้หรือไม่ บรรดากำนันเหล่านี้ล้วนแต่เป็นหัวคะแนนเก่าของนายยงยุทธ หลังจากมีกฤษฎีกา 2-3 วันแล้ว จึงมองว่าเหมือนเป็นการตั้งทีมเพื่อให้ไปช่วยหาเสียง อาจถือเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินการหาเสียงเลือกตั้ง ก็เหมือนกรณีของคนอื่นๆ ที่มีทีมงานหาเสียง จึงน่าจะยังฟังไม่ได้ว่าเป็นการแจกเงินซื้อเสียง
“การจูงใจเป็นการให้เงินจูงใจผู้มีสิทธิไปเลือกเพื่อเห็นแก่เงินที่เอาไปให้ แต่การตั้งทีมไปทำงาน เช่น ไปแจกแผ่นพับโฆษณาหาเสียง ซึ่งปกติการหาเสียงไปหาคนเดียวไม่ได้ ต้องมีทีมงาน แต่กรณีนี้กำนันเป็นเจ้าหน้าที่รัฐก็มีความผิดฐานทำให้เขาวางตัวไม่เป็นกลาง หรือให้สินบนเจ้าพนักงาน ซึ่งมีโทษหนักยิ่งกว่าการซื้อสิทธิขายเสียง กำนันก็มีความผิดฐานรับสินบน ตนจึงเสนอให้ฟ้องเอาผิดทางอาญากับ นายยงยุทธ และกลุ่มกำนันดังกล่าว แต่เมื่อ กกต. 3 เสียงเห็นอีกอย่าง ตามหลักมติการแจ้งความดำเนินคดีต้องใช้เสียงส่วนใหญ่ แต่กรณีนี้เป็นความผิดอาญาแผ่นดินใครก็ได้ที่จะไปแจ้งความดำเนินคดี”
เมื่อถามว่า ในเมื่อให้แจ้งความดำเนินคดีทางอาญาแล้ว ถือว่า นายยงยุทธ เข้าข่ายทำผิดกฎหมายเลือกตั้งและควรได้ใบแดงหรือไม่ นายสมชัย กล่าวว่า เพราะไม่เข้าข่ายมาตรา 53 พ.ร.บ.เลือกตั้ง ส.ส.และ ส.ว.เรื่องการซื้อเสียง เพราะไม่ถึงขึ้นมีเจตนาจูงใจให้เขาลงคะแนน และที่สำคัญคือ ในระหว่างที่นายงยุทธกระทำผิด ยังไม่ได้ลงสมัครรับเลือกตั้ง จึงไม่เข้าข่ายเรื่องการซื้อเสียง แม้ พ.ร.บ.การเลือกตั้งจะประกาศใช้แล้วก็ตาม
สำหรับขั้นตอนต่อไป กกต.ต้องส่งคำวินิจฉัยไปที่ศาลฎีกาภายใน 2 สัปดาห์ หากศาลวินิจฉัยยืนตามมติ กกต.ก็นำไปสู่การตั้งคณะกรรมการสอบยุบพรรคพลังประชาชนตามมา