ไฟแนนเชียล ไทมส์ – ศาลฎีกาเขตปกครองพิเศษมาเก๊าเชือดอดีตเจ้าหน้าที่ระดับสูง ตัดสินจำคุก 27 ปี โทษฐานทุจริตและฟอกเงินถึง 57 คดี นับเป็นคดีครึกโครมตัวอย่างขานรับเสียงเรียกร้องจากประชาชนให้กวาดล้างการทุจริตในหมู่เจ้าหน้าที่รัฐ
คดีมีการตัดสินไปเมื่อวันพุธ ( 30 ม.ค.2551) ซึ่งถือเป็นจุดหัวเลี้ยวหัวต่อสำคัญในการปราบปรามคอร์รัปชั่น ที่กำลังเป็นโรคระบาดกัดกินดินแดนคาสิโนถูกกฎหมายแห่งเดียวในจีน
จำเลยคือนายโอวเหวินหลง (Ao Man-Long) วัย 51 ปีเคยดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีกระทรวงกิจการขนส่งและงานสาธารณะ เขาถูกคณะกรรมการต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชั่นจับกุมตัวในเดือนธันวาคม ปี 2549 ต่อมา ในวันที่ 1 พฤษภาคม ปี 2550 ชาวมาเก๊าออกมาเดินขบวนครั้งใหญ่ ประท้วงการคอร์รัปชั่นในหมู่คณะผู้บริหารเขตปกครองพิเศษ คดีเข้าสู่การพิจารณาของศาลฎีกาในเดือนพฤศจิกายน
นายโอว ถูกศาลตัดสินความผิดฐานรับสินบนทั้งหมด 40 กระทง และความผิด 13 กระทงฐานฟอกเงินหลายสิบล้านดอลลาร์ ที่ยักยอกขณะอยู่ในตำแหน่ง 7 ปี รวมทั้งมีความผิดฐานใช้อำนาจในทางมิชอบอีก 4 กระทง อย่างไรก็ตาม ศาลไม่พบความผิดของนายโอว ในอีก 19 ข้อหา โดยจำเลยยังถูกยึดทรัพย์ ซึ่งมีมากมายถึงราว 32 ล้านดอลลาร์อีกด้วย
ศาลฎีกาของมาเก๊าใช้เวลาไต่สวนอยู่นานหนึ่งเดือนท่ามกลางสายตาประชาชน ที่จับจ้องไม่กะพริบ เพราะมองกันว่า การตัดสินจะเสมือนเป็นมาตรชี้วัดความสามารถของทางการในการปราบปรามการทุจริต ซึ่งกำลังเป็นปัญหาใหญ่บนเกาะมาเก๊า ที่นักลงทุนพากันขนเงินจำนวนมหาศาลมาเล่นในบ่อนคาสิโน และนายโอว ได้กลายเป็นสัญลักษณ์ของความฉ้อฉลสำหรับผู้คนที่นี่ระหว่างการพิจารณาคดี ซึ่งมีพยานขึ้นให้การต่อศาลเกือบถึง 100 ปาก โดยรายหนึ่งเคยเป็นที่ปรึกษากฎหมายของจำเลย เธอให้การว่า เคยได้รับของขวัญวันเกิดจากจำเลยเป็นแหวนเพชรทิฟฟานี่ 2 วง, นาฬิกาโอเมก้า 1 เรือน และสร้อยคอทองคำ 1 เส้น
ตำแหน่งหน้าที่ของนายโอว เปิดช่องสะดวกให้ฉ้อราษฎรบังหลวงจากเศรษฐกิจที่เฟื่องฟูในมาเก๊า โดยอัยการยังแสดงหลักฐานมัดตัวจำเลยเกี่ยวกับการเรียกสินบนมากถึงร้อยละ 10 จากนักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งจะได้สัญญารับเหมาก่อสร้างในโครงการสาธารณะเป็นการตอบแทน
ทั้งนี้ มาเก๊าไม่มีบทลงโทษขั้นประหารชีวิต หรือจำคุกตลอดชีวิต ดังนั้น การตัดสินลงโทษที่รุนแรงครั้งนี้ จึงถือเป็นชัยชนะของคณะกรรมการต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชั่น ซึ่งเป็นองค์กรอิสระที่ก่อตั้งมานาน 16 ปี
ด้านนายพอล ชาน ประธานสมาคมมาเก๊ายุคใหม่แสดงความพอใจต่อผลการตัดสิน สมาคมดังกล่าวเป็นกลุ่มพลเรือน ที่จัดการเดินขบวนประท้วงคณะผู้บริหารเขตปกครองพิเศษครั้งใหญ่มาแล้วหลายครั้ง อย่างไรก็ตาม เขาระบุว่า การตัดสินนี้มิได้หมายความว่าคอร์รัปชั่นได้หมดไปจากแผ่นดินมาเก๊าแล้ว
ส่วนนายแดน คาโมโร่ ผู้จัดการใหญ่ของ คอนโทรล ริสก์ กรุ๊ป บริษัทที่ปรึกษา ซึ่งมีสำนักงานใหญ่ในกรุงลอนดอน มองการตัดสินคดีครั้งนี้ว่าเป็นการเริ่มต้นที่ดีสำหรับมาเก๊า แต่คณะผู้บริหารเขตปกครองพิเศษต้องพิสูจน์ฝีมืออีกยาวนาน โดยมาเก๊ายังไม่ได้สร้างชื่อเสียงอย่างแท้จริงในฐานะดินแดน ซึ่งมีความโปร่งใส่ ผิดกับฮ่องกง ที่มีการดำเนินการในช่วง 30 ปีที่ผ่านมา.
