xs
xsm
sm
md
lg

“สนธิ” เชื่อใบแดง “ยุทธ” ทำการเมืองพลิก - จี้ “สมพงษ์” ย้าย “สุนัย” กลับ หลัง ป.ป.ท.แท้ง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“ยามเฝ้าแผ่นดิน” จับตาการเมืองเปลี่ยน หลัง กกต.ชักใบแดง “ยุทธ ตู้เย็น” - “สนธิ” คาดลามถึงยุบ พปช.ไม่เกิน พ.ค.ได้ข้อสรุป ส่งผล “สมชาย” หมดสิทธิ์คั่วเก้าอี้นายกฯ แนะ “สดศรี” ตรวจสอบใครดองเรื่องร้องเรียน “ยงยุทธ” ป้ายสีกองทัพ เชื่อ “แม้ว” อยู่ไทยลำบาก เหตุระแวงลอบสังหาร พร้อมจี้ “สมพงษ์” ย้าย “สุนัย” กลับดีเอสไอ หลังศาลรัฐธรรมนูญตีกลับร่างกฎหมายตั้ง ป.ป.ท.

คลิกที่นี่ เพื่อฟังรายการ ยามเฝ้าแผ่นดิน โดย ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ จินดารัตน์ เจริญชัยชนะ ช่วงที่ 1

คลิกที่นี่ เพื่อฟังรายการ ยามเฝ้าแผ่นดิน โดย ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ จินดารัตน์ เจริญชัยชนะ  ช่วงที่ 2


รายการ “ยามเฝ้าแผ่นดิน” ออกอากาศทางเอเอสทีวี คืนวันที่ 26 กุมภาพันธ์ นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ นักวิชาการอิสระ และนางจินดารัตน์ เจริญชัยชนะ ร่วมดำเนินรายการ ในช่วงแรกได้กล่าวถึงกรณีคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) มีมติ 3 ต่อ 1 ในการเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งหรือ ให้ใบแดงนายยงยุทธ ติยะไพรัช ประธานสภาผู้แทนราษฎร เนื่องจากทุจริตการเลือกตั้ง ที่ จ.เชียงราย โดยเสียงข้างน้อย 1 เสียง คือ นายสมชัย จึงประเสริฐ ส่วนนางสดศรี สัตยธรรม ได้งดออกเสียง ทั้งนี้ กกต.จะเสนอมติดังกล่าวให้ศาลฎีกาชี้ขาดภายใน 2 สัปดาห์

เรื่องนี้ นายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์ผู้จัดการและเอเอสทีวี ได้โทรศัพท์แสดงความคิดเห็นในรายการว่า หากศาลฎีกาพิจารณาแล้วสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งนายยงยุทธ ตามที่ กกต.เสนอไปนั้น กกต.ก็ต้องมีกระบวนการตั้งคณะกรรมการเพื่อดำเนินการยุบพรรคพลังประชาชนยื่นต่ออัยการสูงสุดพิจารณาต่อไป

ซึ่งหากอัยการสูงสุดเห็นตามที่เสนอ คาดว่าไม่เกิน 15 มีนาคม หลังจากนั้นอัยการสูงสุดก็จะส่งเรื่องยุบพรรคพลังประชาชน ไปให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย ดังนั้นคาดว่าไม่เกินเดือนพฤษภาคมนี้จะได้ข้อสรุปอย่างแน่นอน ขณะเดียวกัน หากศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยยุบพรรคพลังประชาชน กรรมการบริหารพรรคก็จะโดนตัดสิทธิด้วย หมายความว่าบรรดารัฐมนตรีทั้งหลายจะตกงานกันเป็นแถว ส่วน ส.ส.ก็ยังสามารถย้ายพรรคได้

อย่างไรก็ตาม กรณีใบแดงของนายยงยุทธยังอาจส่งผลกระทบโดยตรงกับ ส.ส.ระบบสัดส่วน กลุ่ม 1 พรรคพลังประชาชน ทั้งนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์, นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์, พ.ต.ท.กานต์ เทียนแก้ว และนายสัมพันธ์ เลิศนุวัฒน์ เกมการเมืองจะแปรเปลี่ยนไป โดยเฉพาะนายสมชาย มือหนึ่งที่ถูกวางตัวให้เป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไปก็จะหมดสิทธิ์ไปโดยทันที สถานการณ์หลัง 15 มีนาคมน่าจับตามองอย่างยิ่ง เนื่องจากไม่มีใครสามารถคาดเดาอะไรได้เลย

ส่วนกรณีที่ นางสดศรี สัตยธรรม กกต.ด้านกิจการพรรคการเมือง งดออกเสียงโดยยกข้ออ้างสอบพยานไม่ครบถ้วน และควรรอผลสรุปกรณีนายยงยุทธพูดใส่ร้ายกองทัพก่อนเพราะมีความเกี่ยวข้องกันนั้น นายสนธิ กล่าวว่า นางสดศรีกำลังเข้าใจอะไรผิดไปหรือไม่ เพราะหากไปดูต้นเรื่องของ พล.อ.สมเจตน์ บุญถนอม หัวหน้าสำนักงานเลขาธิการ คมช.จะเห็นว่า มีการร้องเรียนมาตั้งแต่วันที่ 10 ธันวาคม 2550 แต่เรื่องกลับถูกเก็บเงียบ ไม่มีใครพูดถึงหรือดำเนินการ จนกระทั่ง กกต.มีมติรับรอง ส.ส.ถึงไปหยิบเรื่องดังกล่าวมาพิจารณา ดังนั้น กกต.น่าจะไปตรวจสอบว่าใครเก็บเรื่องดองไว้มากกว่า

นอกจากนี้ นายสนธิ ยังมองอีกว่า ภายหลังนายวีระ สมความคิด ประธานเครือข่ายประชาชนต้านคอร์รัปชั่น (คปต.) ฟ้องผู้ตรวจการรัฐสภาให้สอบพรรคพลังประชาชน (พปช.) กรณีเป็นนอมินีของพรรคไทยรักไทย เรื่องก็จะถูกส่งต่อไปที่ศาลปกครองสูงสุด กระบวนการและขั้นตอนภายหลังจากนี้คาดว่าไม่เกิน 15 เมษายน จะมีคำพิพากษาคดีนอมินีออกมา ซึ่งหากศาลปกครองสูงสุดเห็นตามว่าพรรคพลังประชาชนเป็นนอมินีจริง ศาลปกครองสูงสุดก็จะส่งเรื่องกลับมาที่ กกต.เพื่อดำเนินการต่อไป

จากนั้นผู้ดำเนินรายการได้กล่าวเสริมในกรณีเดียวกันว่า มติ 3 ใน 5 ไม่ใช่เรื่องพลิกโผแต่อย่างใด โดยเฉพาะเสียงของนายสมชัย จึงประเสริฐ ก็ถูกมองว่า จะไม่เห็นด้วยตั้งแต่ต้น ส่วนอีกหนึ่งเสียงที่เปิดเผยมาภายหลังว่า เป็นการงดออกเสียงของนางสดศรี นั้นก็ทำให้รู้สึกแปลกใจอยู่บ้าง แต่มติส่วนใหญ่ก็ให้ใบแดงนายยงยุทธ ซึ่งการที่นายยงยุทธยุติการทำหน้าที่ประธานสภาผู้แทนราษฎรทันที ถือว่าเป็นการรักษามารยาททางการเมือง

** จับสัญญาณ “หมัก” เมิน “แม้ว” กลับ

ผู้ดำเนินรายการ ยังกล่าวถึงความเคลื่อนไหวของพรรคพลังประชาชนที่จะระดมคนไปต้อนรับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่สนามบินสุวรรณภูมิว่า ทั้งๆ ที่ ส.ส.หลายคนมีความประสงค์ที่จะไปรับ พ.ต.ท.ทักษิณ แต่นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี กลับไม่แสดงอาการหรือร่องรอยความต้องการอยากเห็นการกลับมาของ พ.ต.ท.ทักษิณ แม้แต่น้อย มิหนำซ้ำยังบอกอีกว่า อดีตนายกรัฐมนตรี ไม่ต้องการให้คนไปรับที่สนามบินมากๆ

ส่วนท่าทีของ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รมว.มหาดไทย ที่วันก่อนคุยจะไปรับให้ใกล้ตัวมากที่สุด วันนี้ได้ปรับท่าทีไป เป็นว่าจะพา พ.ต.ท.ทักษิณไปที่ศาล ซึ่งคงเป็นเพราะว่าวันนี้ ร.ต.อ.เฉลิมพูดในนาม รมว.มหาดไทย แต่วันก่อนพูดในนามส่วนตัว

อย่างไรก็ตาม ตำรวจต้องไม่ละเลยหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ จะต้องนำ พ.ต.ท.ทักษิณ ไปขึ้นศาลทันทีเมื่อเดินทางกลับถึงประเทศ เนื่องจาก พ.ต.ท.ทักษิณ อยู่ในฐานะจำเลยลำดับที่หนึ่ง และถูกหมายจับ ตำรวจจะละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ไม้ได้ ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดต้องไม่เลือกปฏิบัติ ไม่ใช่ว่าปล่อยให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ไปพักผ่อนที่บ้านก่อน แล้วจะไปมอบตัวกับศาลวันไหนก็ได้ เท่ากับว่า ตำรวจกำลังละเว้นการปฏิบัติหน้าที่แบบซึ่งหน้า

** เชื่อ “แม้ว” ปอด อยู่ไทยลำบาก

ทั้งนี้หากดูจากกระแสคนแห่ไปต้อนรับ เดิมที พ.ต.ท.ทักษิณ ก็อยากให้มีไปรับเป็นจำนวนมาก แต่วันนี้ต้องคิดใหม่ หากมีคนไปรับนับแสนคน พ.ต.ท.ทักษิณ จะมั่นใจได้หรือไม่ว่า คนทั้งหมดนั้นรักและชื่นชอบในตัวเขาจริงๆ พ.ต.ท.ทักษิณ คงตระหนักถึงความปลอดภัยในกรณีดังกล่าวนี้ เนื่องจากมีบทเรียนจากเหตุการณ์ทางการเมืองในประเทศปากีสถานอยู่แล้ว

ในช่วงที่ 2 ผู้ดำเนินรายการ กล่าวถึงกระแสข่าวที่ พ.ต.ท.ทักษิณ จะเดินทางกลับประเทศไทยด้วยเครื่องบินส่วนตัว เพราะเป็นห่วงความปลอดภัยของตัวเองไม่ต้องการนั่งเครื่องบินมากับคนอื่นนั้น สะท้อนว่า พ.ต.ท.ทักษิณจะอยู่ในไทยได้อย่างยากลำบาก เพราะถ้าหวาดระแวง หรือกลัวจะถูกลอบสังหารก็ถือว่า พ.ต.ท.ทักษิณมีปัญหาแล้ว ซึ่งคราวนี้จะหนักกว่าเดิม ถ้าตัดสินใจมาอยู่ในประเทศไทย เพราะคิดถึงเมืองไทยแล้ว ถ้ายังหวาดระแวงว่ามีคนเกลียดตัวเอง สัก 1 ล้านคน หรือ 5 แสนคน ก็เป็นเรื่องใหญ่ จะทำให้ พ.ต.ท.ทักษิณนอนไม่หลับ ไปไหนลำบาก จะต้องไปพื้นที่ที่มีคนนิยมเท่านั้น บางพื้นที่อย่างภาคใต้ ไปไม่ได้เลย ขณะที่ในกรุงเทพ ก็วัดลำบาก เพราะเคยโดนไล่ที่ซอยละลายทรัพย์มาแล้ว

**ติง “ยุวสงฆ์” ตกเป้นเครื่องมือการเมือง

ส่วนกรณีที่เว็บไซต์ยุวสงฆ์ดอตคอม ประกาศเชิญชวนให้ชาวพุทธไปต้อนรับ พ.ต.ท.ทักษิณที่สนามบินสุวรรณภูมินั้น ผู้ดำเนินรายการ กล่าวว่า การที่มีพระสงฆ์ออกมาเคลื่อนไหวทางการเมืองจะทำให้เกิดการเข้าใจผิด และเป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสมสำหรับกิจของสงฆ์ และจะทำให้มีบางคนฉวยโอกาสเอาการเคลื่อนไหวของพระไปเป็นใช้เพื่อวัตถุประสงค์ทางการเมือง ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าห่วง เหมือนกรณีที่มีกลุ่มพระสงฆ์ออกมาเคลื่อนไหวให้ล้มรัฐธรรมนูญด้วยประเด็นการไม่บรรจุพระพุทธศาสนา แล้วมีการนำไปบิดเบือนว่า จะทำให้มุสลิมครองประเทศไทย จนทำให้เกิดการเข้าใจผิดไปหมด ซึ่งกรณีล่าสุดนี้ยังดีที่พระธรรมกิตติเมธี โฆษกมหาเถรสมาคม ออกมาเตือนว่า หากมีพระสงฆ์ไปต้อนรับ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่สนามบินจะถูกครหาได้

** อัด “สมุนแม้ว” ไม่รู้ข้อกฎหมาย

ต่อมา ผู้ดำเนินรายการกล่าวถึงการแถลงข่าวของกลุ่มผู้สนับสนุน พ.ต.ท.ทักษิณ ที่ จ.พิษณุโลก นำโดยนายเลิศ ไม้เก่า และนายกริช จินต์วุฒิ เจ้าของโรงแรมลาพาโล ที่ใช้เป็นสถานที่แถลงข่าว ซึ่งตอนหนึ่งของการแถลงนายกริช ได้พูดอย่างมีอารมณ์ว่า ไม่พอใจกลุ่มพันธมิตรฯ ที่ไม่ให้ พ.ต.ท.ทักษิณเข้าประเทศ ถ้ามีเงินเหมือน พ.ต.ท.ทักษิณจะจ้างคนไปยิงทิ้งคนที่ขึ้นเวที เพราะไม่ชอบเศษมนุษย์ที่สร้างความวุ่นวาย

ผู้ดำเนินรายการ กล่าวว่า วิถีการเคลื่อนไหวของประชาชนเป็นไปตามรัฐธรรมนูญอยู่แล้ว ถ้าสภาไม่ทำงาน ไม่ถ่วงดุล เอาคนไม่ดีมาปกครองบ้านเมือง กระบวนการยุติธรรมเดินไปไม่ได้ สื่อถูกปิดกั้น ประชาชนก็ไม่มีทางเลือกอย่างอื่นนอกจากการชุมนุมโดยสงบและปราศอาวุธซึ่งไม่ผิดรัฐธรรมนูญ พันธมิตรไม่เคยทำเกินกรอบไปมากกว่านี้ ใครว่าเราก่อความวุ่นวาย ทำให้เกิดการรัฐประหาร อยากให้ดูเหตุผลการรัฐประหาร ซึ่งได้อ้างว่าจะมีการนำประชาชนอีกฝ่ายมาประทะ นั่นเป็นข้ออ้างของเขา เราไม่เคยเชื้อเชิญให้มาทำรัฐประหาร และเมื่อวันที่ 20 ก.ย. 49 เราได้แถลงแล้วว่าไม่เห็นด้วนกับการรัฐประหาร เพราะการให้ พ.ต.ท.ทักษิณลงจากจำแหน่งนั้นมีทางเลือกอื่น

“อย่าเข้าใจผิด เพราะพันธมิตรฯ ไม่เคยก่อให้เกิดความรุนแรง ความรุนแรงถ้ามันจะเกิดก็เกิดจากคนพวกนี้แหละที่พูดซ้ำอีกข่มขู่ว่าจะเอาคนมาประทะ หรือล่าสุดก็นี่แหละขู่ว่าจะยิง เหมือนกับไม่รู้ว่าบ้านเมืองมีกฎหมาย มีขื่อมีแป คนพวกนี้ ก็ทำได้แค่นี้”ผู้ดำเนินรายการกล่าว

**ศาลตีกลับร่าง กม.ตั้ง ป.ป.ท. - จี้ “สมพงษ์” ย้าย “สุนัย” กลับ

ต่อมา ผู้ดำเนินรายการกล่าวถึงการย้ายนายสุนัย มโนมัยอุดม จากตำแหน่งอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ไปเป็นเลขาธิการสำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตภาครัฐ (ป.ป.ท.) ว่า อยากจะทวงถามเหตุผลจากนายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ รมว.ยุติธรรม อีกครั้ง เพราะล่าสุดศาลรัฐธรรมนูญได้ตีกลับร่างกฎหมาย 3 ฉบับ ซึ่ง 1 ในนั้น คือ ร่างแก้ไข พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการปราบปรามทุจริต ซึ่งกำหนดให้มีการจัดตั้ง ป.ป.ท. เพราะฉะนั้น จึงถือว่าขณะนี้ องค์กร ป.ป.ท.ยังไม่สามารถจัดตั้งขึ้นได้

ดังนั้น การที่นายสมพงษ์อ้างว่าย้ายนายสุนัยเพราะต้องการให้ไปดูแลหน่วยงานใหม่นั้น ถือว่าไม่ใช่เหตุผลแล้ว เพราะ ป.ป.ท.ยังไม่จัดตั้ง เพราะฉะนั้น ถ้าการย้ายครั้งนี้ไม่ได้มีเจตนาที่จะแทรกแซงกระบวนการยุติธรรม นายสมพงษ์จะต้องย้ายนายสุนัยกลับตำแหน่งเดิม หรือนายสมพงษ์จะอ้างเหตุผลอะไร อยากให้สื่อมวลชนได้ถามนายสมพงษ์อีกครั้ง

คลิกที่นี่ เพื่อชมวิดีโอคลิป
รายการยามเฝ้าแผ่นดิน ช่วงที่ 1

( 56 k ) | ( 256 K )



คลิกที่นี่ เพื่อชมวิดีโอคลิป
รายการยามเฝ้าแผ่นดิน ช่วงที่ 2

( 56 k ) | ( 256 K )



กำลังโหลดความคิดเห็น