ผู้จัดการออนไลน์ - “วีรบุรุษสพรั่ง” เผยตัวตนที่แท้จริง หลังพรรคพลังแม้วครองอำนาจ ให้สัมภาษณ์สื่อหน้าตาเฉย ในยุคที่ตนเป็นแม่ทัพภาคที่ 3 ทักษิณดีที่สุด และรัฐประหาร 19 ก.ย.ก็ไม่ได้มีสาเหตุมาจากตัวทักษิณเอง แต่เกิดจากคนใกล้ตัวทักษิณที่กล่าวพาดพิงเบื้องสูง
วันนี้ (22 ก.พ.) ในส่วนสัมภาษณ์พิเศษของหนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ หน้า 15 หน้าข่าวในประเทศ มีการตีพิมพ์บทสัมภาษณ์ของ พล.อ.สพรั่ง กัลยาณมิตร รองปลัดกระทรวงกลาโหมโดยใช้ชื่อหัวข้อของบทสัมภาษณ์ว่า แง้มหัวใจช้ำ “สพรั่ง กัลยาณมิตร”
ในบทสัมภาษณ์ชิ้นดังกล่าว พล.อ.สพรั่ง ให้สัมภาษณ์ถึงทัศนะส่วนตัวจากการรัฐประหาร ถึงเหตุการณ์การพลาดหวังที่จะขึ้นดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการทหารบก ถึง นายสมัคร สุนทรเวชนายกรัฐมนตรีคนปัจจุบัน ทั้งนี้ เนื้อหาส่วนใหญ่ของบทความมีการพาดพิงไปถึง พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน อดีตผู้บังคับบัญชา พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ.คนปัจจุบัน รวมถึง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี อีกด้วย
ทั้งนี้ บทสัมภาษณ์ในส่วนที่กล่าวถึง พ.ต.ท.ทักษิณ นั้น เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า “มีคนอยากรู้กันเยอะว่า ลึกๆ แล้ว พล.อ.สพรั่ง รู้สึกอย่างไรกับคนชื่อทักษิณ” พล.อ.สพรั่ง ได้ตอบว่า
“จริงๆ แล้วเราไม่ได้มีปัญหาอะไรกัน ตอนที่ผมเป็นแม่ทัพภาค 3 ก็ได้รับเกียรติจาก พ.ต.ท.ทักษิณ มากพอสมควร ถือว่าดีที่สุดในยุคที่การเมืองเข้มแข็งขนาดนั้น ก็ต้องให้เครดิตกับอดีตนายกฯ ส่วนจุดหักเหของความขัดแย้งก็ไม่ได้มีอะไร ไม่ได้เกิดที่ตัวบุคคล แต่เกิดจากความไม่สบายใจ และสิ่งแวดล้อมคนใกล้ตัวพาดพิงถึงเบื้องสูง ไม่ได้เกี่ยวกับตัว พ.ต.ท.ทักษิณ”
อนึ่ง ก่อนหน้านี้ ขณะที่ พล.อ.สพรั่ง ยังดำรงตำแหน่งยศ พลโท และรับราชการทหารในตำแหน่งแม่ทัพภาคที่ 3 นั้น เขาถือเป็นนายทหารคนหนึ่งที่ออกมากล่าวตำหนิและโจมตีการกระทำและพฤติกรรมของ พ.ต.ท.ทักษิณ มากที่สุดคนหนึ่ง อย่างเช่น
เมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม 2549 ณ ห้องประชุมสโมสรบันเทิงทัพ ค่ายสมเด็จพระนเรศวร จ.พิษณุโลก ในโอกาสที่กลุ่มลูกเสือชาวบ้านภาคเหนือ และกลุ่มประชาชนจากอำเภอปราณบุรี ประจวบคีรีขันธ์ และเพชรบุรี ซึ่งเดินทางมาถึงช่วงเช้าวันเดียวกัน ได้เข้ามอบดอกไม้และอาหารทะเล พร้อมขอเป็นกำลังใจ พล.ท.สพรั่ง กัลยาณมิตร แม่ทัพภาคที่ 3 และ พล.ต.จิรเดช คชรัตน์ แม่ทัพน้อยที่ 3 ที่แสดงจุดยืนเป็นทหารของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โดยในท่อนหนึ่ง พล.ท.สพรั่ง ได้กล่าวกับตัวแทนประชาชนว่า
“ฉะนั้น ขอให้ฝากบอกปากต่อปากไปด้วย เพราะไม่สามารถดูแลชุมชนได้ ดูแลเฉพาะชุมชนในค่าย ถ้าใครไปรับเงินเพื่อการเลือกตั้งจะได้จบๆ ไป ความวิบัติจะมากกว่านี้ บ้านเมือง จะล่มสลาย กว่าที่ท่านเห็นทุกวันนี้ ความแตกแยกแบ่งเป็น 2 ขั้ว กองทัพจะดูสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เพื่อให้พระองค์ท่านวางใจ ทหารในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทุกคน บก เรือ อากาศ ลูกเสือ กลุ่มแม่บ้าน ฯลฯ
“พล.ท.สพรั่ง กล่าวอีกว่า ความเลวกับความดี ต่างกันฟ้ากับดิน ไม่อยากเห็นลูกหลานมารับกรรม เพราะความเห็นแก่ตัวของราชการ เห็นแล้วไม่ช่วย หดหัวอยู่ในกระดอง รู้ว่า ผมจะนำท่านแล้วนะ วันนี้มันสงบ ชกกันเป็นยกๆ ตราบใดต้นเหตุยังไม่แก้ ลามปามไปถึงสถาบัน ต้องการล้มล้างพระเจ้าอยู่หัวของเรา ผมบอกว่า ผมจะปกป้อง ผมจงรักภักดี ด้วยคุณธรรมของท่าน ในฐานะที่พระประมุข เพราะประเทศไทยปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข ต้องยอมรับทุกอย่างเกิดจากความดี ฉันเป็นหัวหน้าแล้วทำอะไรก็ได้ แต่ท่านตรัสว่า กษัตริย์ต้องไม่ทำผิด นี่คือ สุดยอดของคำตรัส 2-3 ปีที่แล้ว พระองค์ท่านปกครองด้วยทศพิธราชธรรม ผมไม่คิดว่า ท่านเป็นสมมติเทพ ผมคิดว่า เป็นคุณงามความดีที่ท่านสั่งสมมา
“อย่าก้มหัวให้กับคนเลว ข้าราชการเลว นักการเมืองเลว แต่ผมก้มหัวให้กับพระเจ้าอยู่หัว พร้อมที่จะตายและปกป้องท่าน ใครที่บังอาจ กัดเซาะพระองค์ท่านทุกวันนี้ ผมท้าเลยว่า ข้ามศพผมไปก่อน ประกาศให้รู้เลยว่า ศัตรูที่น่ากลัวที่สุด ผมจะโหดเหี้ยมกับศัตรูที่ทำร้ายชาติ กับพระมหากษัตริย์”
ขณะที่ในเวลาต่อมาไม่นานนัก พล.ท.สพรั่ง ก็ถือว่าเป็นหนึ่งในกำลังสำคัญของ คณะการปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (คปค.) ในการลงมือกระทำการรัฐประหารเมื่อวันที่ 19 กันยายน 2549 อีกด้วย
นอกจากนี้ หลังการรัฐประหารเพียงไม่กี่วัน พล.ท.สพรั่ง ยังออกมากล่าวย้ำเหตุผลของการทำรัฐประหารอีกด้วยว่า
“การวางแผนปฏิรูปการปกครองนั้นได้มีการวางแผนมาแล้ว 7-8 เดือน ไม่ใช่เพิ่งคิดจะทำกันแค่วันหรือสองวัน แต่มีการกำหนดไว้หลังจากเห็นว่าสถานการณ์ความสงบเรียบร้อยในประเทศเริ่มสั่นคลอน ประเทศชาติขาดคนมีภาวะผู้นำ มีแต่คนเก่งที่ขี้โกง แต่งตั้งข้าราชการที่เป็นพวกพ้องขึ้นมาบริหารงาน รักษาประโยชน์และอำนาจให้แก่ตนเอง ปรับและโยกย้ายคนที่ไม่ใช่พวกพ้องออกไป กองทัพภาคที่ 3 จึงได้เตรียมความพร้อมมาตลอดเพื่อการปฏิรูปในวันนี้” (22 ก.ย.ณ สโมสรบันเทิงทัพ ค่ายสมเด็จพระนเรศวรมหาราช อ.เมือง จ.พิษณุโลก)
ย้อนอดีตคำพูด “แม่ทัพสพรั่ง” ถึง “อดีตนายกฯ คนเลว”
สรุปคำต่อคำ คำพูดในอดีตของ “สพรั่ง กัลยาณมิตร” แม่ทัพคนกล้าที่เคยกล่าวถึงอดีตผู้นำเลวที่คิดล้มล้างสถาบันหลักของชาติ ก่อนที่วันนี้คำพูดเหล่านี้จะกลายเป็นน้ำลายที่ถูกถ่มลงมารดใบหน้าของตนเอง
จากข่าว : แม่ทัพภาค 3 กร้าว ไม่ก้มหัวเพื่อแลกยศตำแหน่ง
ที่มา : กรุงเทพธุรกิจ วันที่ 18 ก.ค.49
“อย่าให้ลูกหลานเรามารับกรรม จากการไม่ร่วมมือกันช่วยแก้ไขปัญหาบ้านเมืองในวันนี้ เขาไม่ควรรับปัญหา รับในสิ่งที่ไม่ดี ดังนั้น ทุกๆ ฝ่ายต้องช่วยกันคลี่คลายปัญหาให้จบ แต่บ้านเมืองเรายังขัดแย้งกันเองอยู่ ทางกองทัพภาคที่ 3 ทหารของ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ขอประกาศตัวยืนยันอยู่เคียงข้างพระเจ้าอยู่หัว และยืนยันว่า จะยืนอยู่เคียงข้างคนดี เราเป็นทหารอาชีพ เป็นทหารในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จึงอยากฝากเน้นย้ำว่า นักศึกษา อย่าตกเป็นเครื่องมือและอย่าได้เกรงกลัวอิทธิพล เพื่อต้องการรักษาตัวเองให้อยู่รอด”
“ประเทศไทยในปัจจุบันเป็นประชาธิปไตยแบบหลอกๆ การเมืองทำเพื่อให้ได้มาเพียงคำว่า ประชาธิปไตย วันนี้มีคนสวมเสื้อสีเหลือง แต่ต้องพิจารณากันให้ดีๆ เพราะว่าคนใส่มีทั้งคนดีและคนเลว ไม่ใช่ใครสวมเสื้อเหลืองจะเป็นคนดีไปเสียหมด"
แม่ทัพภาค 3 ระบุอีกว่า ยาแคปซูลที่ผลิตขึ้นมาไม่ได้คุณภาพ ยังไม่เท่ากับได้คนเลว และสิ่งเลวร้ายไปกว่านั้นคือ จิตใจมนุษย์ที่ขาดคุณธรรม คำสั่งที่คนรุ่นพ่อสั่งสอนมาว่า “ผู้ดีเดินตรอก ขี้ครอกเดินถนน”
“คนทำดีทำได้ไม่ต้องกลัว ผมไม่เคยก้มหัวเพื่อแลกกับยศตำแหน่ง ไม่เคยขอผู้บังคับบัญชาเพื่อมานั่งในตำแหน่งแม่ทัพ ในวันนี้ผมต้องทำให้บ้านเมืองเข้มแข็ง อย่างที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เคยมีพระราชดำรัสเอาไว้ว่า อย่าปล่อยให้ ถึงวันที่เรือต้องจม”
จากข่าว : “พล.ท.สพรั่ง” ปลุกกำลังพลต้านพวกล้ม 3 สถาบัน
ที่มา : กรุงเทพธุรกิจ วันที่ 19 ก.ค.49
“ทหารทุกนายจะต้องไม่เชื่อใครง่ายๆ ทหารจะต้องไม่โง่งมงาย ต้องขึ้นมาเป็นผู้นำและยืนอยู่เคียงข้างประชาชน ต้องรู้เท่าทันคนที่คิดไม่ดีต่อสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ โดยเฉพาะคนที่จะชักจูงให้เกิดความแตกแยกขึ้น”
จากข่าว :“สพรั่ง” อัด “ทหารเลว” ปั้นข่าว ทภ.3 ซ่องสุมกำลังปฏิวัติ
ที่มา : กรุงเทพธุรกิจ วันที่ 20 ก.ค.49
“บุคคลนี้มีเจตนาต้องการทำลายคนอื่น เพื่อตัวเองจะได้รับความดีความชอบทำไปเพื่อหวังลาภยศตำแหน่งที่สูงขึ้น โดยไม่สนใจว่าจะเหยียบไหล่ใครไปบ้าง การกระทำของบุคคลดังกล่าว พล.อ.พรชัย กรานเลิศ ผู้ช่วย ผบ.ทบ.และ พล.ท.ปรีชา วรรณรัตน์ รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ทราบดีอยู่แล้วว่าคนๆ นี้คือใคร"
จากข่าว : “มทภ.3” อัดยับทหารเลว
ที่มา : สยามรัฐ วันที่ 21 ก.ค.49
“การออกมาให้ข่าวของทหารเลวคนนี้ มักจะนำข่าวที่บิดเบือนไปบอกกับผู้มีอำนาจทางการเมืองให้เข้าใจผิดเพื่อทำลายผู้อื่น และตัวเองจะได้มีความดีความชอบ และหวังยศตำแหน่ง การกระทำดังกล่าว พล.อ.พรชัย กรานเลิศ ผช.ผบ.ทบ. และ พล.ท.ปรีชา วรรณรัตน์ รองเลขาธิการนายกฯ ทราบดี การที่ทหารผู้นี้ ออกมาให้ข่าวเพียงเพื่อต้องการประจบสอพลอ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร รักษาการนายกฯ ซึ่งอาจถือว่าเป็นเพื่อนร่วมรุ่นโดยให้ข่าวที่บิดเบือน ไม่คิดถึงความเสียหายที่เกิดขึ้นของกองทัพ และประเทศชาติ หวังเพียงให้ตัวเองได้มีตำแหน่งสูงสุดในกองทัพภาคที่ ”"
“ทหารเลวคนนี้ตำหนิการฝึกความพร้อมรบ ในการป้องกันรักษาประเทศ ว่าเป็นสิ่งที่ทำไม่ถูก ขอให้เข้าใจว่าทหารผู้นี้สมควรเป็นทหารของชาติ เป็นทหารของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และเป็นทหารของประชาชนหรือไม่ ยืนยันว่าทหารทุกคนในกองทัพภาคที่ 3 มีความรัก ความสามัคคี เป็นทหารของชาติ และพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและเป็นผู้ที่มีวินัย รับฟังคำสั่งของผู้บังคับบัญชาอย่างเคร่งครัด”
จากข่าว : “สพรั่ง” เผยมีกลุ่มคนหวังล้มล้างกษัตริย์ลั่นสู้ตาย
ที่มา : กรุงเทพธุรกิจ วันที่ 25 ก.ค.49
“ในขณะนี้รู้ว่าใครที่เป็นผู้คิดร้ายต่อแผ่นดินบอกให้ทราบว่า เหตุการณ์บ้านเมืองของเราในขณะนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระองค์ได้ทรงมีรับสั่งให้ทุกคนรักบ้านเมือง หาแนวทางทำให้บ้านเมืองสงบเรียบร้อยโดยเร็ว แต่กลับยังมีกลุ่มอำนาจและการเมืองบางคนที่ยังหน้าด้าน คนที่พลิกลิ้นต่อต้านกระแสรับสั่ง คัดค้านพระราชดำรัส แสดงให้เห็นชัดเจนว่า คนๆ นี้ไม่ใช่คนไทยอย่างแน่นอน เป็นคนที่มีจิตใจชั่วช้า สามานย์ อย่างที่คนไทยทุกคนต้องประณามทั้งแผ่นดิน”
จากข่าว : “ทรท.” กับการ “เลือกตั้ง”
ที่มา : ฐานเศรษฐกิจ วันที่ 27 ก.ค.49
“ขณะนี้คนไทยมีแต่พลังเงียบ อยากให้คนไทยทุกคนลุกขึ้นมาสู้ ใครที่เอาเงินมาให้เพื่อการเลือกตั้งอย่าไปรับ เพราะถ้ารับเงินนักการเมืองแล้วไปเลือกตั้ง บ้านเมืองจะล่มสลายไปมากกว่านี้ ตนรับไม่ได้ที่คนหดหัวอยู่ในกระดอง วันนี้บ้านเมืองไม่สงบ ผลัดกันชก ผลัดกันหยุด เพราะไม่มีการแก้ไขกันที่ต้นเหตุ ผมยืนยันว่ามีการพยายามทำลายสถาบันพระมหากษัตริย์จริงครับ เขาต้องการทำลายพระเจ้าอยู่หัว ถ้าลูกเสือชาวบ้าน คนไทยทั่วๆ ไปยังเคารพนับถือนักการเมืองเลวๆ ทหารเลวๆ ข้าราชการเลวๆ อยู่ ผมก็ถือว่า เขาเหล่านั้นเป็นกบอยู่ในกะลา ที่จริงแล้วพวกท่านไม่ต้องเกรงกลัวอิทธิพลใดๆ ทั้งสิ้น ถ้าถูกข่มขู่ ใครที่กลัวอิทธิพล ขอให้เข้ามาที่ค่ายฯ ผมพร้อมที่จะเผชิญหน้ากับคนพวกนั้นเป็นคนแรก ถ้าใครกัดกร่อนบ้านเมืองพระเจ้าอยู่หัว ต้องข้ามศพผมไปก่อน”
จากข่าว : “สพรั่ง” ปลุกทหารพราน ขจัดพวกขายชาติ
ที่มา : มติชนรายวัน วันที่ 16 ส.ค.49
“ปัญหาเศรษฐกิจ สังคม การเมืองถือเป็นปัญหาใหญ่ แม้ทหารจะไม่มีหน้าที่โดยตรง แต่เมื่อทำให้ประเทศชาติเสียหายก็ถือเป็นหน้าที่หลักของทหารต้องแก้ไข และถือเป็นภารกิจสำคัญของทหารพราน ขอให้ทุกคนลงพื้นที่พบประชาชน ทำความเข้าใจว่าถ้าใครประกาศนโยบายรับใช้ชาติแล้ว หากศึกษาความเป็นมาพบว่าไม่เคยทำความดีมาก่อนก็อย่าสนับสนุน และต้องช่วยกันขจัดให้หมดไป ไม่ต้องกลัวว่าใครจะมาทำอะไรกองทัพได้ เพราะกองทัพไม่อ่อนแอ นอกจากสนิมจะเกาะกินภายใน มีพวกกบฏ พวกขายชาติแอบแฝงอยู่จึงจะทำให้กองทัพอ่อนแอ ดังนั้น ทุกคนต้องช่วยกัน อย่าให้คนชั่วพูดเสียงดังอีกต่อไป”
“ผมไม่อยากบอกว่า คนผู้นั้นคือใคร ผมอยู่ในสนามรบมามาก ผมจะไม่ถามว่าศัตรูของชาติคือใคร ไม่ใส่ใจว่าชื่ออะไร เมื่อเป็นศัตรูก็ต้องรบกัน ส่วนตัวแล้วไม่มีอะไร แต่ถือเป็นหน้าที่ที่ทหารต้องถวายความจงรักภักดีต่อชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ เมื่อภารกิจเสร็จสิ้นก็จบกัน ไม่อาฆาตมาดร้าย ผมเหลือเวลาอีก 2 ปีที่ต้องทำหน้าที่กำจัดคนชั่วให้หมดไป จึงไม่ห่วงว่าจะย้ายไปไหน เพราะอยู่ที่ไหนก็ทำหน้าที่รักชาติได้”
“วันหนึ่งสังคมต้องตรวจสอบ ใครคือข้าราชการในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ใครคือข้าราชการที่รับใช้ความชั่วร้าย ขอให้ยึดมั่นว่าความดีอาจจะทำให้เหนื่อยกว่าคนทำชั่ว ก้าวหน้าช้ากว่า แต่เราไม่ต้องเป็นหนี้บุญคุณ ไม่ต้องให้ใครมามองเราแบบดูถูกเหยียดหยามว่าเราโตมาเพราะเขาให้ เราต้องโตมาเพราะเราทำดี ผมไม่ยอมให้ผู้บังคับบัญชามาบอกให้สำรวม อย่าพูดอะไรไปกระทบกระเทือนใคร ผมบอกคนดีไม่กระเทือน แต่คนเลวมันกระเทือนแน่นอน ผมยืนยัน และไม่กลัวด้วย”
จากข่าว : รายงานพิเศษ - เปิดแคมเปญ ทบ.ปลุกสามัคคี ยูนิตี้ ทหาร “พล.อ.สนธิ” สู้ข่าวลือ-โยกย้าย “พล.ท.สพรั่ง” ชนแหลก “ผมไม่มีแผล ไม่ต้องกลัวใคร”
ที่มา : มติชนสุดสัปดาห์ วันที่ 18 ส.ค.49
“ตอนนี้ การเมืองมันทำให้เกิดการแบ่งขั้วแบ่งแยกกันมากเลยเกิน ผมถึงอยากจะจัดการกับคนที่มันทำให้เกิดความแตกแยกขึ้นในชาติบ้านเมือง”
“ผมไม่กลัวเลยว่า ผมจะถูกการเมืองกาหัว เพราะผมไม่มีแผลไม่ต้องกลัวอะไรแล้วก็ไม่ยึดติดกับตำแหน่ง ไม่เคยสนใจเรื่องตำแหน่งตัวเอง เพราะถ้าคนอย่างผมวิ่งเต้น ในอดีตในยุคหนึ่ง ผู้ใหญ่รักผมมาก ผมก็อาจจะเป็น ผบ.ทบ.หรือ ผบ.สส. ไปแล้ว ไม่ต้องห่วง ผมชอบนัก ชนกับตัวใหญ่ๆ ผมพร้อมถ้าเพื่อชาติบ้านเมือง”
“แต่ผมเคารพรักป๋าเปรมท่าน เคารพในคุณธรรมของท่าน แต่ผมไม่ได้ออกมาเพราะป๋า เพราะถ้าทำอย่างนั้น ผมก็เหมือนนักรบรับจ้าง แต่ผมออกมาด้วยสำนึกของความเป็นทหาร”
จากข่าว : “สพรั่ง” ลั่นไม่เคยเห็นกองทัพแตกแยกรัฐบาลขนาดนี้
ที่มา : คม ชัด ลึก วันที่ 7 ก.ย.49
ปัจจุบันนี้การปกครองบ้านเมือง จากกษัตริย์มาสู่ระบอบประชาธิปไตย หรือให้ประชาชนมีส่วนร่วม ไปเปิดโอกาสให้ผู้ที่มีความพร้อมตามกติกาเข้ามาดูแลพระราชอำนาจของพระองค์ท่าน แล้วบริหารบ้านเมืองอย่างที่เราเห็นอยู่ทุกวันนี้ ผมไม่ได้โทษว่ารัฐบาลในปัจจุบันนี้เป็นผู้ก่อเหตุแต่เพียงรัฐบาลเดียว แต่เป็นความอ่อนแอที่ค่อยๆ สั่งสมมาทีละเล็กทีละน้อยแล้วแต่รัฐบาลใดจะปล่อยปละละเลยในเรื่องใด แต่ในภาพรวมแล้ว ณ วันนี้รัฐบาลที่อาสามาดูแลบ้านเมืองแล้วจะปฏิเสธความรับผิดชอบไม่ได้ ต้องแก้ปัญหาสังคมในเรื่องของการรักชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ อย่าอ้าง อย่าแก้ตัว แล้วกองทัพก็ต้องเข้มแข็งเสมอ
“ในหลวงท่านทรงตรัสออกมาทุกครั้ง ในอดีตทรงเตือนและระงับทุกเหตุการณ์ก็คลี่คลายลงในบัดนั้น แต่บัดนี้รับสั่งเพื่อให้สถานการณ์บ้านเมืองคลี่คลายโดยเร็วแต่ก็มีพวกประจบสอพลอ หวังการได้ประโยชน์จากยศตำแหน่ง ยุยงให้เกิดความแตกแยกกัน ปัญหาที่เกิดขึ้นขณะนี้ มันน่ากลัวมากกว่าที่เราต่อสู้กับผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ในอดีตซะอีก อยากจะบอกว่า ถ้าระดับบนมีความขัดแย้งกัน ความชั่วร้ายที่แฝงตัวต่อความแตกแยกในปัจจุบันจะเป็นอันตรายที่น่ากลัวเป็นอย่างยิ่ง”
จากข่าว : มทภ.3 เผยเตรียมการมา 8 เดือน ทภ.2 ปัดแตกคอ - ยัน หนุน “สนธิ”
ที่มา : มติชนรายวัน วันที่ 23 ก.ย.49
“ผมตั้งใจเกษียณอายุราชการอย่างมีความสุข ไม่คิดว่าต้องมาทำเรื่องคอขาดบาดตาย กองทัพภาคที่ 3 เตรียมรับสถานการณ์มา 8 เดือน ที่ผ่านมาผมอ้อนวอนให้คนรักชาติเตือนนักการเมืองไปแล้ว นักการเมืองเลว ข้าราชการเลวให้หยุดนะ โดยเฉพาะข้าราชการที่กินเงินภาษีของประชาชน แต่กลับรับใช้นักการเมืองเลว แทนที่จะตอบแทนบุญคุณประชาชน แต่นักการเมืองดังกล่าวยังมีพฤติกรรมทำร้ายบ้านเมือง อีกทั้งข้าราชการดีๆ ต้องเดือดร้อน ทหารจึงจำเป็นต้องเข้ามาแก้ไขสถานการณ์”
จากข่าว : “สพรั่ง” ปิดวิทยุชุมชนเหนือ สกัดลิ่วล้อแม้วป่วน
ที่มา : ผู้จัดการออนไลน์ วันที่ 23 ก.ย.49
“ผมจำเป็นต้องเข้าไปร่วมคลี่คลายสถานการณ์ในครั้งนี้ ซึ่งหัวหน้าคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข คือ ผบ.ทบ และผมเป็นทหารอาชีพที่มีเกียรติ แต่กลับมีบุคคลมาทำลายบ้านเมือง มาตลอดทำให้ศักดิ์ศรีและเกียรติของทหารย่ำแย่ถือว่าการปฏิรูปครั้งนี้คลาสสิกมากที่สุด”
จากข่าว : “จาตุรนต์” เคลียร์ “สพรั่ง” แล้ว “คมช.” ตั้งองค์กรแพร่ผลงาน
ที่มา : มติชนรายวัน วันที่ 21 พ.ย.49
“การตัดสินคงจะขึ้นอยู่กับกรรม หากคนทำผิดติดคุกก็ต้องติดคุก หรือรอลงอาญาก็ต้องรอลงอาญา เรามาทำงานก็แค่คนที่สะสางปัญหา ส่วนใครจะมีความผิดอะไรขึ้นอยู่กับกรรมของแต่ละบุคคล แต่คงไม่ใช่หมายความว่า กฎหมายไปไม่ถึง เพราะปัจจุบันมันก็มีพวกโจรบัณฑิต เราอย่าเอาโจรบัณฑิตมาครองบ้านครองเมือง หรือปล้นบ้านปล้นเมือง พวกนี้มีความรู้เป็นบัณฑิต แต่มีใจเป็นโจร”
จากข่าว : สพรั่งฟิวส์ขาดจวกม็อบ 10 ธ.ค.49 ทรท.สวนทันควัน กลัวจนหัวหดแล้ว
ที่มา : ข่าวสด วันที่ 6 ธ.ค.49
“ดังนั้น ผู้ที่รักประชาธิปไตยอย่างแท้จริงต้องรู้ว่า การที่ทหารออกมาปฏิรูปการเมือง เพราะเป็นวิกฤต ดังนั้นการออกมาต่อต้าน คมช. โดยการตั้งชมรม กลุ่ม เพื่อต่อต้านการรัฐประหาร ผมคิดว่าเป็นมือปืนรับจ้างมากกว่า คนที่อ้างว่ารักประชาธิปไตยและมาตั้งลัทธิ โดยการแอบอ้างประชาธิปไตย เป็นเรื่องที่ขัดกับหลักการ เพราะการที่จะเป็นประชาธิปไตยที่แท้จริง ต้องมีคุณธรรมที่เพียงพอ ในการที่จะเข้ามาใช้ระบอบประชาธิปไตยด้วย อยากให้นักวิชาการที่คลั่งไคล้หรือศรัทธา หรือจะเรียกอุดมการณ์ทางประชาธิปไตยก็แล้วแต่ ขอให้เข้าใจว่ากองทัพก็รักประชาธิปไตย ไม่แพ้ผู้ที่ยึดการเป็นนักการเมืองในระบอบประชาธิปไตย”
“คนที่อยู่เบื้องหลังคงรอดูว่ากองทัพเอาจริงหรือไม่ ผมขอยืนยันว่ากองทัพไม่ได้ละเลย หรือนิ่งนอนใจ ถ้าเป็นความพยายามที่จะกวนน้ำให้ขุ่น โดยมีนักการเมืองทางภาคอีสานบางคน แต่ขณะนี้ยังไม่ขอเอ่ยชื่อ ถ้ายังกล่าวพาดพิงถึงผมอีก ผมจะแจ้งให้คนที่คุมอยู่ไปเตือนลูกพรรคที่วาจาสามหาวกับผม ระงับและยุติการกระทำเสีย ผมเคยคุยกับกรรมการบริหารพรรคที่นักการเมืองคนดังกล่าวสังกัดอยู่แล้ว กรรมการบริหารพรรคคนนั้นก็ต้องการให้บ้านเมืองอยู่ในความสงบ ผมได้บอกไปว่า ให้ไปเตือนนักการเมืองที่มีเจตนาที่จะออกมาก่อกวน หรือคิดว่ายังต้องการที่จะคุมฐานเสียงในพื้นที่อยู่ ควรจะยุติ และรอร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ให้เสร็จก่อน จึงค่อยออกมาเคลื่อนไหวอย่างเปิดเผย ตอนนี้อย่ามาใช้วิธีใต้น้ำ ใต้ดินอย่างเด็ดขาด ซึ่งผมขอบอกว่าเรื่องการเคลื่อนไหวขณะนี้ เป็นเรื่องการเมืองทั้งสิ้น และไม่ใช่การเมืองในระบอบปกติ แต่เป็นการเมืองในลักษณะต้องการให้เกิดความวุ่นวาย”
ตนให้เกียรตินักการเมือง นักการเมืองที่สัมผัสกับตนนานๆ จะรู้ว่า ตนเข้าใจในบทบาทหน้าที่นักการเมืองและเข้าใจว่าก้าวเข้ามาเป็นตัวแทนประชาชนลำบากอย่างไร แต่ขอให้เปลี่ยน อย่าแข่งกันทำลายระบอบ ภาพลักษณ์ประเทศชาติ ความเป็นประชาธิปไตย ไม่ได้หมายความว่า ตนรังเกียจนักการเมือง แต่ตนรังเกียจพฤติกรรมที่ทำลายชาติบ้านเมือง ตนเตือนพฤติกรรมของคนบางคน แม้จะดูว่ารุนแรง แต่เป็นการเตือนแบบกัลยาณมิตรว่า มีคนไม่สบายใจ ความจริงตนจะเตือนถึงตัวว่า ทหารหรือกองทัพคิดอะไรอยู่ เมื่อเตือนแล้วไม่ฟัง หรือท้าทาย ภาพลักษณ์ที่ออกมาจึงดูแล้วดุ (สัมภาษณ์ในรายการจันทร์ชวนคิด ทางช่อง 9)
จากข่าว : “สพรั่ง” บุกอีสานลุยลิ่วล้ออำนาจเก่า
ที่มา : ผู้จัดการออนไลน์ วันที่ 8 ก.พ.50
“อุดรธานี เป็นจังหวัดที่มีประวัติศาสตร์ชาตินักรบและมีบางกลุ่มในจังหวัดที่ยังมีการโจมตีและต่อต้าน คมช.อยู่ ทำไมไม่ต่อต้านความชั่วพวกคอร์รัปชั่นโกงกิน การเมืองที่ผ่านมาย่อยยับ แตกแยก เหิมเกริม จาบจวกสถานบันพระมหากษัตริย์ แต่พอทหารออกมากับมาต่อต้านโจมตี ไม่ทราบว่าจะต่อต้านด้วยเหตุผลใด ตนเป็นทหารในองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มีความจงรักภักดีต่อชาติปี 2551 ก็จะเกษียณอายุราชการแล้ว ขอทำเพื่อประเทศชาติบ้านเมืองในเวลาที่เหลืออยู่”
“ตอนนี้มีพวกทาสรับใช้นักการเมืองโกงกินออกมาแจกใบปลิวโจมตี คมช.และรัฐบาลทั้งเรื่องศาสนา สถานบันพระมหากษัตริย์ หรือทางเว็บไซด์โจมตีผมโดยตรง ขณะนี้สืบทราบแล้วว่าเป็นใคร แต่ตัวไม่อยู่เดินทางไปต่างประเทศ ซึ่งถ้าเดินทางกลับเมื่อไหร่ ผมเตรียมคุกไว้รอแน่”
จากข่าว : “สพรั่ง” ยันต้องการสมานฉันท์ วอนอดีตผู้นำวางมือ
ที่มา : คม ชัด ลึก วันที่ 17 มี.ค. 50
“ผมได้สื่อถึงนักการเมืองทุกคนว่า ให้วางมือซะ อย่าเล่นการเมืองต่อไป ให้คนรุ่นใหม่มาทำ ขอให้กลับมาแล้วไปขอพระราชทานอภัยโทษซะ ผมสื่อไปถึงอดีตนักการเมืองคนสำคัญ ผมไม่เคยคิดว่าเขาเป็นศัตรูที่จะต้องฆ่าให้ตาย ถ้าเราใช้อำนาจล้นฟ้า เราคงไม่รีบส่งรัฐบาลไปทำงานและองค์กรอิสระจะต้องยกเลิก แต่เราเป็นทหารประชาธิปไตย เราเข้าใจในระบอบประชาธิปไตย และประชาชนต้องมีวิจารณญาณที่จะไม่ทำร้ายประเทศชาติแบบที่ผ่านมา แต่ทั้งนี้ต้องถือหลักกฎแห่งกรรม และใครทำไม่ดีต้องได้รับการตรวจสอบ การใส่เกียร์ว่างเป็นสิ่งเลวร้าย ตอนนี้เลิกประจบสอพลอกันที ให้มาช่วยกันกู้ชาติ ตอนนี้ทุกคนมองว่า คมช.มันอยู่สั้นๆ ก็ไม่กล้าทำความดี ผมมีความจริงใจสามารถดูได้จากประวัติของพวกผมทุกคน พวกผมไม่ได้เข้ามากอบโกย บ้านเมืองเราต้องได้คนกล้าทำดีเพื่อชาติ โดยไม่กลัวจะเจ็บตัว”
จากข่าว : “สพรั่ง” อัด “แม้ว” จิตสับสน - เล่นลิ้นอ้าง ปชช.ปกป้องตัวเอง
ที่มา : ผู้จัดการออนไลน์ วันที่ 18 พ.ค.50
จากกรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ระบุว่า ขณะนี้บ้านเมืองกำลังสับสน พล.อ.สพรั่ง กล่าวว่า คำว่าสับสนนั้น หมายความว่า ใจสับสน จิตใจของคนสับสนว้าวุ่น จึงออกมาในลักษณะการใช้สื่อต่างๆ แต่บ้านเมืองไม่ได้สับสน
“ผมเชื่อว่า ประชาชนที่รักชาติบ้านเมืองมีความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ ย่อมแยกแยะได้ว่าใครพูดเล่นลิ้น ใครพูดเพื่อการเมือง ใครพูดเพื่อบ้านเมือง ผมว่าเขาแยกออก เว้นแต่คนที่พูดไม่รู้เรื่อง ใครพูดดีก็ว่าเป็นวาจาชั่ว” พล.อ.สพรั่ง กล่าว
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง พล.อ.สพรั่ง กัลยาณมิตร ให้สัมภาษณ์ในรายการ News Hours ทาง ASTV