“คนเดือนตุลาฯ” รุมสับ “หมัก” ให้ข่าวบิดเบือน นศ.ถูกเผาเพียง 1 ศพ ชี้ชัดถือเป็นพฤติการณ์น่าขยะแขยง “ทิวา” เชื่อมี “ไอ้โม่ง” สั่งการวางแผนยั่วยุเพื่อให้เกิดการปราบปราม ด้าน “คงเจตน์” งัดหลักฐานเด็ด “ภาพ นศ.ถูกเผากองรวมกัน” ตอกหน้านายกฯ พร้อมเรียกร้อง “หมอเลี้ยบ” ตั้ง คกก.สอบสวนข้อเท็จจริงเหตุการณ์ 6 ตุลาฯ
รายการคนในข่าว ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ เอเอสทีวี คืนวันที่ 18 ก.พ.ที่ผ่านมา โดยนายเติมศักดิ์ จารุปราณ เป็นผู้ดำเนินรายการ ได้เปิดประซักถาม นายทิวา เงินยวง ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ และ นายคงเจตน์ พร้อมนำพล ประธานคณะกรรมการกองทุนญาติวีรชน 6 ตุลา ถึงกรณีที่ นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ระบุว่า เหตุการณ์ 6 ตุลา 2519 มีคนเสียชีวิตซึ่งถูกเผาศพเพียงคนเดียว
โดย นายทิวา กล่าวว่า เหตุการณ์ 6 ตุลาฯ 19 ขณะนั้นตนเป็นอาจารย์สอนอยู่ที่มหาวิทยาลัยรามคำแหง โดยในคืนวันที่ 5 ตุลาคม ก่อนเกิดเหตุนองเลือด ได้บอกนักศึกษาที่ไปเข้าร่วมเดินขบวน ซึ่งปักหลักอยู่ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ว่า ให้กลับ เพราะในขณะนั้นมีการกล่าวหานักศึกษาหนาหูมาก โดยเฉพาะมีการประโคมข่าวว่า มีแกว และมีอุโมงค์ที่ทะลุไปถึงแม่น้ำอยู่ใน ม.ธรรมศาสตร์ จนกระทั่งเกิดเหตุในรุ่งเช้าของวันที่ 16 ตุลาฯ
“สมัยนั้นผมมีเพื่อนฝูงเยอะ จึงรู้ข่าววงในมาบ้าง และเตือนลูกศิษย์ ว่า กลับมาเถอะน้องๆ เพราะเขาจะใช้กำลังเข้าปราบปรามเพื่อสลายการชุมนุมแล้ว โดยผมเข้าใจว่าการกระทำดังกล่าวมีการวางแผนเพื่อต้องการให้การปราบปรามเกิดขึ้น หลังจากนั้น เหตุการณ์ที่สำคัญ คือ นักศึกษา และอาจารย์ถูกยิงเสียชีวิต เพราะมีการป้ายสีแดงให้กับเขาเหล่านั้นว่าเป็นคอมมิวนิสต์ จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้ต้องหนีเข้าป่าไปเป็นจำนวนมาก จนกระทั่งปี 2527 สถานการณ์คลี่คลายลง ทำให้นักศึกษาจึงสามารถกลับเข้าเมืองมาเรียนต่อกันเพิ่มได้มากยิ่งขึ้น” นายทิวา กล่าว
นายทิวา ยังกล่าวถึงการปิดโรงพิมพ์ในสมัยนั้น ว่า ถ้าเขาเห็นว่าโรงพิมพ์ใดไม่สนับสนุนนโยบายของรัฐบาล เขาก็จะจะใช้อำนาจเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าไปปิด โดยบางโรงพิมพ์อาจจะถูกคนไม่ระบุอาชีพบุกเข้าไปเอาค้อนปอนด์ทุบทำลายแท่นพิมพ์จนพัง และที่ร้ายยิ่งไปกว่านั้น คือ การใช้อาวุธปืนเอ็ม 79 ยิงเข้าตึก ซึ่งเป็นที่แน่นอนว่าขณะนั้น นายสมัคร เป็น รมว.มหาดไทย ซึ่งคุมทั้งกรมตำรวจ และกรมอัยการ ดังนั้น การปิดโรงพิมพ์ที่ใช้ความรุนแรงจึงไม่ควรตัดตอนที่เจ้าหน้าที่ตำรวจ ตนจึงอยากขอเรียนว่า บทเรียนในอดีตนั้นเจ็บปวดมากที่เห็นลูกศิษย์ถูกยิงตายไปต่อหน้า ฉะนั้น อยากให้รัฐบาลชุดนี้ทำบันทึกเหตุการณ์ 6 ตุลาฯ ให้เป็นลายลักษณ์อักษร เพื่อให้วีรชนคนรุ่นหลังศึกษาโดยไม่บิดเบือนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
ด้าน นายคงเจตน์ กล่าวว่า การที่ นายสมัคร ระบุว่า ต้องสร้างความปรองดองสมานฉันท์ขึ้นในชาตินั้น อยากถามว่า แล้วเหตุการณ์ 6 ตุลาฯ สร้างความปรองดองหรือไม่ โดยเฉพาะนักศึกษาที่ถูกเผานั้น ไม่ได้เผาเพียงคนเดียวอย่างที่นายสมัคร ระบุ เพราะความเป็นจริงมีอย่างน้อย 2-3 ศพ ที่ถูกเผา โดยมีพยานหลักฐานจากกรมตำรวจระบุไว้ และมีพยานแวดล้อมต่างๆ ยืนยันชัดเจน ดังนั้น จึงไม่มีทางที่จะมีนักศึกษาเสียชีวิตจากการถูกเผาเพียงศพเดียว
“ผมขอยืนยันว่า กองทุนฯ ของผม ไม่เคยมีใครเอาเรื่องนี้ไปพูดเลย มีแต่ นายสมัคร เท่านั้นที่เอาเรื่องดังกล่าวไปให้สัมภาษณ์กับสื่อต่างประเทศว่ามีคนตายเพียงศพเดียวในเหตุการณ์ 6 ตุลาฯ ดังนั้น จึงอยากให้นายสมัคร เอาความจริงมาพูด เพราะวันเกิดเหตุผมอยู่ในเหตุการณ์ และเห็นกับตา รวมทั้งยังเข้าไปอุ้มศพเพื่อนด้วยตัวเอง ลองไปถามเพื่อนๆ ที่ร่วมชะตากรรมเดียวกันในเวลานั้นว่า เพื่อนของคุณตายเพียงคนเดียวจริงหรือไม่” นางคงเจตน์ กล่าว
ส่วนกรณีที่มีการระบุว่า นักศึกษาทำเกินเลยนั้น นายคงเจตน์ กล่าวว่า ยอมรับว่า เหตุการณ์ในวันนั้นนักศึกษาอาจจะทำเกินเลย แต่เพราะถูกกดดันเป็นอย่างมากจากฝ่ายต่อต้าน จะเห็นได้จากชาวบ้านมาร้องเรียนเราว่าเขาประสบเคราะห์กรรมเดือดร้อน ทั้งๆ ที่เขาควรจะไปร้องเรียนให้รัฐบาลช่วยเหลือ เราจึงต้องช่วยด้วยความบริสุทธิ์ใจ เพราะเขาไม่มีที่พึ่ง
“วันนี้ไม่ได้ออกมาโจมตีนายสมัคร เพราะผมไม่ได้พูดเมื่อวันที่เกิดเหตุนองเลือด และความเป็นจริงผมเชื่อว่าคนอายุมากมักจะจำเรื่องราวในอดีตได้ดี และไม่เชื่อว่านายสมัคร จะหลงลืมเรื่องสำคัญอย่างนั้นได้ อีกทั้งคนที่จะมาปกครองประเทศต้องรู้เรื่องนี้ เพราะเหตุการณ์สำคัญที่เกิดขึ้นในอดีตมีเพียงไม่กี่ครั้ง อีกทั้งยังไม่ได้ระบุว่านายสมัคร เป็นตัวการ เพียงแต่บอกว่านายสมัคร พูดไม่จริง จึงอยากเรียกร้องให้หมอเลี้ยบ ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาสอบสวนข้อเท็จจริง พร้อมทั้งเปิดเผยข้อมูลให้สาธารณชนรับทราบ” นายคงเจตน์ กล่าว