“สมัคร 1” ส่อทดแทนบุญคุณไม่มีสิ้นสุด เตรียมชงฟื้น “ผู้แทนการค้าไทย-ผช.รัฐมนตรี” ด้านกฤษฎีกา ตีความ ส.ส.เป็นกุนซือได้ ชงนายกฯแล้ว แต่กั๊กชี้ขาดขัด รธน.หรือไม่
คุณพรทิพย์ จาละ เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา เปิดเผยว่า ได้ส่งเรื่องตีความการแต่งตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร มาดำรงตำแหน่งเลขานุการรัฐมนตรี และที่ปรึกษารัฐมนตรีถึงนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี แล้ว เมื่อวันที่ 15 ก.พ.ที่ผ่านมา โดยได้ตีความว่า รัฐมนตรีสามารถแต่งตั้ง ส.ส.เขต และ ส.ส.ระบบสัดส่วน ได้ แต่ทั้งนี้ ก็ขึ้นอยู่กับว่าปัญหาจะตามคือหากมีผู้ยื่นศาลรัฐธรรมนูญตีความ ก็จะเป็นเรื่องที่ขัดกับรัฐธรรมนูญหรือไม่ ซึ่งในมาตรา 265 ของรัฐธรรมนูญนี้ คณะกรรมการกฤษฎีกาไม่สามารถชี้ขาดได้ คงจะเป็นเรื่องของศาลรัฐธรรมนูญ
“ขอยืนยันว่า สามารถแต่งตั้ง ส.ส.เป็นเลขานุการและที่ปรึกษาฯได้ ตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีเรื่องการแต่งตั้งข้าราชการการเมือง แต่จะทำได้หรือไม่ตามรัฐธรรมนูญก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง คงจะเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อประกอบการพิจารณาในวันที่ 20 ก.พ.นี้ นอกจากนี้ พรรคการเมืองต่างๆ โดยเฉพาะพรรคพลังประชาชนก็คงจะได้รับทราบแล้ว”
แหล่งข่าวจากทำเนียบรัฐบาล เปิดเผยว่า ขณะนี้รัฐบาลเตรียมพิจารณาแต่งตั้งคณะกรรมการผู้แทนการค้าไทย (ทีทีอาร์) และคณะกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรี ขึ้นมาอีกครั้งภายหลังที่รัฐบาล พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ ได้มีมติให้ยกเลิกระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีทั้ง 2 ฉบับ
ทั้งนี้ รัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ได้แต่งตั้งหน่วยงานทั้ง 2 คณะขึ้นมาและถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักว่าเป็นการแต่งตั้งเพื่อให้ประโยชน์กับนายทุนพรรคและผู้ที่ผิดหวังกับการไม่ได้เป็นรัฐมนตรี รวมทั้งประธานคณะกรรมาธิการ
อย่างไรก็ตาม หากแต่งตั้งคณะกรรมการทั้ง 2 ชุดขึ้นมา ก็จะไม่ขัดกับกฎหมายรัฐธรรมนูญมาตรา 265 ด้วย เนื่องจากมาตรา 265 ไม่ได้ห้าม ส.ส.ระบบสัดส่วน หรือ ส.ส.เขต มาเป็นกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรีและผู้แทนการค้าไทย
ก่อนหน้านั้น ผู้แทนการค้าไทย หรือ ทีทีอาร์ ชุดล่าสุดที่ถูกยุบ ประกอบด้วย นายกันตธีร์ ศุภมงคล นายประจวบ ไชยสาส์น นายกรพจน์ อัศวินวิจิตร นายประวิช รัตนเพียร นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ และ นายปานปรีย์ พหิทธานุกร โดยมีเงินเดือนและรถประจำตำแหน่งเทียบเท่ากับรัฐมนตรี ขณะที่กรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรีก็มีเงินเดือนเทียบเท่ารัฐมนตรีเช่นกัน