xs
xsm
sm
md
lg

“เพ็ญ” ประเดิมแทรกแซงสื่อ เชือด “เจิมศักดิ์” ถอดรายการพ้นคลื่น 105

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ผู้จัดการรายวัน - “จักรภพ เพ็ญแข” ออกลายแล้ว ลุแก่อำนาจแทรกแซงสื่อ สั่งเชือด “เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง” พ้นหน้าปัดวิทยุ หลังพิธีกรชื่อดังนำเนื้อหาและหลักฐานในหนังสือจับโกหก “สมัคร สุนทรเวช” ในช่วงเหตุการณ์ 6 ตุลาฯ อ่านออกอากาศ อ้างเนื้อหา-รายการไม่เหมาะสมกับภาวการณ์ปัจจุบัน

รายงานข่าวแจ้งว่า เช้าวันนี้ (13 ก.พ.) รายการ “มุมมองของเจิมศักดิ์” โดย นายเจิมศักดิ์ ปิ่นทอง เป็นผู้ดำเนินรายการ ซึ่งเคยออกอากาศในช่วงเวลา 08.00-09.00 น.เป็นประจำทุกวันจันทร์-ศุกร์ ทางคลื่นวิทยุ วิสดอมเรดิโอ 105 เมกะเฮิรตช์ กรมประชาสัมพันธ์ ได้หายไปโดยไม่มีการแจ้งสาเหตุท่ามกลางความเคลือบแคลงสงสัยของแฟนประจำของรายการ

ต่อมาแฟนรายการคลื่นวิทยุดังกล่าว ก็ได้ฟังคำพูดเปรียบเปรยระหว่าง นายเถกิง สมทรัพย์ และ นายโสภณ องค์การณ์ สองผู้ดำเนินรายการ ภาษากับการเมือง ซึ่งออกอากาศช่วงก่อนหน้า และได้ถูกขยายเวลามาแทนที่ นายเจิมศักดิ์ ชั่วคราวในคลื่นเดียวกัน ว่า เป็นเรื่องที่น่าจะเกี่ยวโยงกับการเมืองที่เปลี่ยนแปลงไป

“ระยะนี้ลมมันแรง คนตัวใหญ่ที่ไม่ยอมลู่ตามลมก็อยู่ลำบาก”

ผู้ดำเนินรายการวิทยุคนหนึ่ง ซึ่งทราบความเคลื่อนไหวดังกล่าว เปิดเผย “ผู้จัดการรายวัน” ในเวลาต่อมา ว่า รายการมุมมองของเจิมศักดิ์ เป็นรายการวิเคราะห์เหตุการณ์ปัจจุบันของบ้านเมือง ซึ่งวันก่อนหน้านี้ (12 ก.พ.) หลังจาก นายเจิมศักดิ์ จัดรายการเสร็จสิ้นตามปกติราว 10โมง ทางสถานีโดยบริษัท ฟาติมา ซึ่งเป็นเจ้าของสัมปทานคลื่น 105 เมกะเฮิรตช์จากกรมประชาสัมพันธ์ ได้โทรศัพท์เข้าหานายเจิมศักดิ์

“เท่าที่ทราบจากคนใกล้ชิดของ นายเจิมศักดิ์ ก็คือ ทางฟาติมาโทร.มาขอหารือกับนายเจิมศักดิ์ ว่า ได้รับคำสั่งจากผู้ใหญ่ในรัฐบาลให้ปรับปรุงเปลี่ยนแปลงเนื้อหา และรายการของทั้งคลื่นเพื่อความสอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน นายเจิมศักดิ์ จะบรรเทาความเสียหายกันได้อย่างไร หากจะถอดรายการมุมมองของเจิมศักดิ์ออกจากผังรายการวิสดอมเรดิโอ” แหล่งข่าวกล่าว

แหล่งข่าวกล่าวว่า นายเจิมศักดิ์ ขณะนั้นทราบโดยนัยว่า การถอดรายการของเขา น่าจะเป็นเหตุผลที่มาจากเนื้อหารายการที่นำเสนอ เมื่อวันที่ 12 ก.พ.ที่ผ่านมานั่นเอง เพราะหยิบยกกรณีที่ นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวซีเอ็นเอ็นถึงเหตุการณ์ “6 ตุลาคม 2519” ว่า มีผู้เสียชีวิตเพียงคนเดียวนั้นเป็นเรื่องโกหก

“วันนั้นถ้าใครได้ฟังก็จะทราบว่า เนื้อหาที่ นายเจิมศักดิ์ นำมาวิเคราะห์เสนอต่อผู้ฟังเป็นการให้ข้อมูลที่นายสมัครต้องไม่อยากรับฟัง หรือให้คนทั่วไปได้รับรู้”

แหล่งข่าวกล่าวต่อไปว่า เมื่อ นายเจิมศักดิ์ ถามผู้บริหารฟาติมากลับไปว่า แสดงว่า ผู้ใหญ่ที่ว่าไม่พอใจเนื้อหาใช่หรือไม่ และคนๆนั้นเป็นใคร ก็มีคำตอบมาว่า เป็น นายจักรภพ เพ็ญแข รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ซึ่งได้รับมอบหมายให้ดูแลสื่อ ดูแลกรมประชาสัมพันธ์สั่งมา เพราะไม่พอใจเนื้อหาจริง” แหล่งข่าวกล่าว

เขาวิเคราะห์ว่า เหตุการณ์นี้เป็นเรื่องของการแทรกแซงสื่ออย่างชัดเจน ขัดต่อรัฐธรรมนูญมาตรา 45-46-47 ว่าด้วยสิทธิและเสรีภาพของสื่อมวลชนจะต้องได้รับการคุ้มครอง โดยไม่เพียงแต่ห้ามปิดกิจการสื่อมวลชนเท่านั้น ยังห้ามแทรกแซงสื่อมวลชนในการเสนอข่าวสารและหากมีการดำเนินการดังกล่าวไม่ว่าทางตรง หรือทางอ้อม ก็ถือเป็นการจงใจใช้อำนาจหน้าที่โดยมิชอบ แต่ นายจักรภพ ไม่สนใจ โดยมุ่งหมายจะปรามสื่อที่ทำหน้าที่เป็นปฏิปักษ์กับรัฐบาลอย่างที่สมัยของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เคยทำอยู่เสมอ

กรณีของ นายเจิมศักดิ์ ก็ไม่ต่างกับการเชือดไก่ให้ลิงดู ขนาด นายเจิมศักดิ์ ซึ่งเป็นนักวิชาการและสื่อมวลชนที่มีชื่อเสียงในวงการยังโดน คนอื่นๆ ก็คงไม่กล้า

“อาจารย์เจิมศักดิ์ ท่านไม่ต้องการให้ทางฟาติมาเดือดร้อนในฐานะนายจ้าง ซึ่งทางฝ่ายนายจักรภพ คงหยิบยกเรื่องสัญญาสัมปทานขู่มาแน่ ก็ยินดีที่จะยุติการจัดรายการเอง ตั้งแต่เมื่อเช้าวันนี้ (13ก.พ.)” แหล่งข่าวกล่าว

ฟาติมามีสัญญาสัมปทานกับกรมประชาสัมพันธ์ 2 ปี เริ่มปี 2551 สิ้นสุดปี 2552 โดยเพิ่งได้รับการต่อสัญญาใหม่เมื่อเร็วๆ นี้

ทั้งนี้ เนื้อหาของรายการมุมมองของเจิมศักดิ์ เมื่อวันที่ 12 ก.พ.ซึ่งเป็นชนวนครั้งนี้ ผู้ดำเนินรายการชื่อดัง เริ่มต้นจัดรายการด้วยการแสดงความเห็นต่อกรณีที่นายสมัครจะตั้งสถานีโทรทัศน์แห่งใหม่ เพื่อเยียวยาพนักงานทีไอทีวีที่ถูกเลิกจ้างจากการมีทีวีสาธารณะในยุครัฐบาล พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ จากนั้นก็วิพากษ์วิจารณ์กรณีการแต่งตั้งบุตรชาย ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รมว.มหาดไทย มาทำงานเป็นเลขานุการ รมช.สาธารณสุข

ทั้งสองเรื่อง นายเจิมศักดิ์ วิเคราะห์ไม่มาก แต่จะมาเน้นกรณีของนายสมัครที่ให้สัมภาษณ์ซีเอ็นเอ็น ถึงเหตุการณ์ 6 ตุลาฯ โดยได้หยิบยกเนื้อหาในหนังสือที่ชื่อ “โหงว นั้ง ปัง : Gang of Five สันดานรัฐบาลหอย : เราสามารถจะเรียนรู้จากความผิดพลาดได้มากกว่าจากความสำเร็จ” เขียนโดย นายวีระ มุสิกพงศ์ (อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย และผู้บริหารพีทีวี) และ นายศิระ ดีระพัฒน์ ตีพิมพ์เมื่อเดือนสิงหาคม 2521 ซึ่งบทความที่ นายวีระ เขียนจับโกหก นายสมัคร สุนทรเวช ในหลายกรณี รวมถึงเหตุการณ์ 6 ตุลาคม 2519 มาอ่านให้ผู้ฟังฟัง

อาทิ ช่วงหนึ่งของรายการที่อ่านจากหนังสือดังกล่าว ระบุว่า

“นายวีระ เขียนถึงนายสมัคร ว่า เป็น “คุณซ่า” ทายาททางการเมือง “ฯพณฯ หอย” นายธานินทร์ กรัยวิเชียร อดีตนายกรัฐมนตรี และชอบพูดโกหกหลายครั้ง เช่น ขณะที่ นายสมัครเป็นโฆษกทางโทรทัศน์ในงานรับบริจาคเพื่อสร้างโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราช นายสมัครได้พูดบนเวทีว่า นายธรรมนูญ เทียนเงิน อาของตัวเองบริจาคเงิน 5 แสนบาท ซึ่งต่อมานายธรรมนูญ ได้เขียนยอมรับในหนังสือสูจิบัตรงาน “29 เมษายนรำลึก” เมื่อปี 2521 ว่า ตนไม่ได้บริจาคเงินจำนวนดังกล่าว แต่ นายสมัคร พูดออกโทรทัศน์เพื่อให้ตนเองได้ชื่อเสียงเท่านั้น

ส่วน กรณีเหตุการณ์ 6 ตุลาคม 2519 นายวีระ ได้เขียนถึงเหตุการณ์ที่นายสมัครเคยพูดกับนักเรียนไทยที่ประเทศฝรั่งเศส เมื่อวันที่ 4 มิ.ย.2520 ขณะที่ นายสมัคร ยังเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และเดินทางไปชี้แจงเหตุการณ์ดังกล่าวในประเทศ

ในวันนั้น นายสมัคร ได้พูดถึงเหตุการณ์ 6 ตุลา ว่า เป็นการชุมนุมต่อต้านของนักศึกษาโดยมีนักการเมืองอยู่เบื้องหลัง การต่อต้านเลยไปถึงขั้นหมิ่นพระบรมวงศานุวงศ์ ประชาชนที่ดูข่าวจึงเกิดความเคียดแค้น จึงไปรวมตัวกันที่ท้องสนามหลวง และจะบุกเข้าไปในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ตำรวจก็เข้าไปจึงเกิดปะทะกัน โดยฝ่ายนักศึกษายิงป้องกันไม่ให้ตำรวจเข้าไป ฝ่ายบุกเข้าไปก็มีปืน ฝ่ายข้างในก็มีปืน ผลการยิงกันมีคนตาย 48 คน มีคนถูกเผาตาย 4 คน

นายสมัคร ยังพูดกับนักเรียนไทยที่ฝรั่งเศส อีกว่า การเผาคนที่สนามหลวงนั้น เป็นที่ข้องใจของเจ้าหน้าที่อย่างมาก เพราะไม่ใช่วิสัยคนไทย มีการเอาศพไปแขวนคอ เอาไม้ไปตี เอาเก้าอี้ไปตี แล้วเอามาวาง แล้วจุดไฟเผา ไม่มีใครปฏิเสธเรื่องนี้ แต่มีการสืบสวนแล้วพบว่าเป็นการทำลายหลักฐาน เพื่อไม่ให้รู้ว่าเป็นใคร และที่ศพก็มีรูปโฮจิมินห์เล็กๆ อยู่ด้วย

ส่วนใน มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ก็มี หมาย่าง หมาตุ๋น หลายตัวยังมีมีดเสียบอยู่ ตนไปดูหลักฐานที่โรงพักชนะสงคราม มีหลักฐานว่า มีคนชาติอื่น คือ เวียดนาม เข้าไปในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ คนที่ถูกเผา ก็เพื่อทำลายหลักฐานไม่ให้รู้ว่าเป็นใคร”

นายเจิมศักดิ์ อ่านออกอากาศอีกว่า คำพูดของนายสมัครดังกล่าว แสดงว่า นายสมัครก็รู้ว่ามีคนตายในเหตุการณ์ถึง 48 คน ซึ่งแต่ละคนมีรายชื่อ มีการสอบสวน แต่เมื่อวันสองวันมานี้ นายสมัคร กลับไปพูดกับซีเอ็นเอ็นอีกอย่าง คนที่เป็นถึงเสนาบดี เป็นสุดยอดของมนตรีแห่งรัฐ แต่ให้สัมภาษณ์อย่างนี้ ลองคิดดูก็แล้วกัน

นอกจากนี้ ในช่วงท้ายของรายการ นายเจิมศักดิ์ ได้บอกต่อผู้ฟังรายการของเขา ว่า ในวันพุธที่ 13 ก.พ.จะเอาเนื้อหาของจดหมาย พระสุรินทร์ มาศดิตถ์ ที่พูดถึงกรณีเดียวกันมาอ่านออกอากาศ แต่สุดท้ายก็ไม่มีโอกาส ถูกใบสั่งจาก นายจักรภพ ถอดผังรายการเสียก่อน


กำลังโหลดความคิดเห็น