“นายก” ชักเปลี่ยนท่าทีให้เครดิตสื่อไทยมากกว่าสื่อเทศ อ้อนสื่อไทยไม่เคยก้าวล่วงวิพากษ์ต่างชาติ มั่นใจฝีมือ “จักรภพ” คุมสื่อ อ้างรู้เขารู้เรา เหน็บ ครม.เงา ไม่เดือดร้อน เพราะไม่ถูกกฏหมายเจ็ดชั่วโคตรบีบบังคับ
วันนี้ (7 ก.พ.) ที่พรรคพลังประชาชน นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ได้เปิดโอกาสให้สื่อมวลชนไทยซักถามอย่างเป็นทางการภายในห้องแถลงข่าว ภายหลังจากเข้ารับตำแหน่งอย่างเป็นทางการ โดย นายสมัคร กล่าวก่อนจะให้ซักถามว่า
“ผมจะลงมาต่อว่าพวกคุณหน่อย คือ ผู้สื่อข่าวต่างประเทศเขานัดสัมภาษณ์หลายสำนัก ก็บอกว่า จะให้สัมภาษณ์กับสื่อไทย เพราะเดี๋ยวจะเกิดเรื่องไปให้สัมภาษณ์สื่อฝรั่งไม่ให้สัมภาษณ์สื่อไทย ก็เลยย้ายสัมภาษณ์สื่อฝรั่งไปพรุ่งนี้ แล้วย้ายสื่อไทยมาวันนี้ แต่ปรากฏว่า มีแค่ 3 ฉบับ เนชั่น เดลินิวส์ ข่าวสด ผมก็บอกว่า อย่างนี้มีปัญหาแน่ เวลาที่ให้สัมภาษณ์ทำไมไม่รับเชิญเพราะอะไร ผมก็ทราบว่า 3 ฉบับเขียนหนังสือมา ขอสัมภาษณ์ ก็โอเค แต่สื่ออื่นก็ไม่มา ผมก็เลยต้องลงมา เพราะสัญญาว่าวันอังคารกับวันศุกร์ที่ทำเนียบจะพูด เพราะที่พรรคคงไม่มีอะไรมาก เรื่องในพรรคจะพูดต่างหาก วันนี้ต้องทำให้ถูก เพราะพรุ่งนี้สำนักข่าวถึง 6 สำนักจะมาสัมภาษณ์ก็กลัวจะโดนว่าอีกว่า ไอ้สมัครพูดกับฝรั่ง ไม่พูดกับไทยอีกแล้ว แต่อย่าถามให้มันรุนแรง ให้มันเกิดเหตุอีกนะ ตามธรรมเนียมก่อนถามให้แนะนำตัวก่อนมาจากไหน จะได้รู้จักกันด้วย”
ผู้สื่อข่าวถามว่า มีการวางทีมงานโฆษกรัฐบาลไว้บ้างหรือยัง นายสมัคร กล่าวว่า ขณะนี้ยังมีปัญหา คือ เอา ส.ส.มาเป็นไม่ได้ ก็บังเอิญมาสบช่องที่ นายจักรภพ เพ็ญแข รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ไม่ได้เป็น ส.ส.ก็ช่วยฝากให้รักษาการโฆษก แล้วจะหาคนมาช่วยอีก 2- 3 คน แต่ยังไม่เสร็จ
สำหรับกรณีที่ นายจักรภพ ซึ่งเคยเป็นผู้บริหารพีทีวี มาดูแลด้านสื่อจะมีปัญหาหรือไม่ นายสมัคร กล่าวว่า ต้องรู้เขารู้เรา เอาคนที่เชี่ยวชาญมาทำงาน นายจักรภพ คงไม่ทำงานสุ่มสี่สุ่มห้า แต่ขอย้อนถามว่า หากใช้คนไม่รู้อะไรเลยจะดีหรือ ตนคิดว่าเขาคงระมัดระวังตัว ซึ่งต้องเฝ้าดูกันไปก่อน ตนเห็นว่าต้องใช้คนที่มีความรู้ไปทำตรงนั้น จะดีกว่าไม่รู้อะไรเลย
ส่วนเกรงหรือไม่ว่าหลังจากเข้ามาบริหารประเทศแล้ว อาจจะถูกสื่อตั้งแง่อีก นายสมัคร กล่าวว่า เมื่ออยากตั้งก็ให้เขาตั้งไป สื่ออื่นก็ต้องดู ถ้ามีแง่ที่จะตั้งได้ ถ้าเราไม่เข้าท่าก็ต้องเป็นแง่ที่มีความหมายพอสมควร แต่หากเราตั้งใจทำดีแล้วจะให้เขาตั้งแง่ไปทำไม หรือจะตั้งแง่ว่า ต่อไปนี้จะไม่เสนอข่าวนายกฯ เพราะนายกฯพูดดีเกินไป เลยไม่เสนอข่าวนายกฯ นี่หรือคือการตั้งแง่
สำหรับกรณีที่สื่อต่างประเทศออกมาวิจารณ์ทีมเศรษฐกิจนั้น นายสมัคร กล่าวว่า เป็นสิทธิที่จะถามได้ แต่ประเทศไทย นักข่าวไทยเคยไปดูถูกดูแคลนต่างประเทศหรือไม่ เวลาประเทศไหนมีรัฐบาลใหม่ มีหนังสือพิมพ์ฉบับไหน หรือสำนักข่าวไหนเคยไปดูถูกว่าไม่ไว้ใจเลย ว่า ทีมเศรษฐกิจสิงคโปร์ไม่ไหว หรือเศรษฐกิจฮ่องกงแย่จริงๆ มีบ้างไหมที่จะไปดูแคลน เอามาดามอู๋อี๋ออกไป มีใครไปทำอย่างนั้นหรือไม่ ก็ไม่มี แต่ใครจะมาวิพากษ์วิจารณ์ก็ปล่อยไป เพราะตนดูรู้ว่าชวนใครเขาเข้ามาก็ไม่มีใครอยากเข้ามา เพราะกฎหมายเจ็ดชั่วโคตร นับขึ้นไปสามนับลงมาอีกสามที่มีความผิด อันตรายหมด ก็เลือกเอาคนที่มีที่ปรึกษาดีๆ
“หมอเลี้ยบก็มีที่ปรึกษา 6-7 คนก็หารือกัน ชื่อที่โผล่ได้ก็โผล่ ชื่อที่โผล่ไม่ได้ก็ปรึกษากันภายใน เพราะให้คำปรึกษาไม่ต้องตรวจสอบ เจ็ดชั่วโคตรก็ต้องทำอย่างนี้ รัฐบาลเงาไม่เดือดร้อน เพราะไม่โดนเจ็ดชั่วโคตร แต่นี่รัฐบาลจริงจะให้ทำอย่างไร ถามหน่อย มาชี้หน้าบอกว่าไม่ไว้วางใจ อย่างหนังสือพิมพ์เปลี่ย นบรรณาธิการใหม่ มีไหมที่คนไปบอกว่าไม่ไว้วางใจ ว่าเละเทะ มีใครทำอย่างนั้นไหม” นายกรัฐมนตรี กล่าว
ส่วนแนวทางการแก้ไขปัญหาใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่เคยระบุสนับสนุนการปลดอาวุธนั้น นายสมัคร กล่าวว่า คณะกรรมการกลางอิสลามที่รับตำหน่งใหม่ 48 คน มาคารวะ ซึ่งเป็นแฟนเก่าทั้งนั้น และ นายบรรจง โซะมณี ก็ได้เสนอให้ปลดอาวุธ ปัญหายาเสพติด เรื่องการศึกษา ให้เวลา 3 เดือนแล้วให้ไปตรวจสอบ ใครมีอาวุธอยู่ในบ้านก็ให้ประหารชีวิต ตนเห็นว่าเป็นแบบมาเลเซีย จึงขอเปลี่ยนว่า หาก 3 เดือนไปเจอก็ให้จำคุกตลอดชีวิตก็รุนแรงแล้ว ซึ่งเป็นเรื่องดีที่จะไปบอกคนที่รับผิดชอบว่ามีคนเสนอ แต่พอมีข่าวออกไป ชาวพุทธบอกว่าชาวพุทธยังไม่ได้พบ แต่พบกับอิสลามแล้ว ซึ่งมันเป็นเพียงข้อเสนอก็เท่านั้น ยังไม่ไปถึงขั้นตอนไหนก็โดนด่าเสียแล้ว ต่อไปจะไม่เอาอีกแล้ว ใครจะมาติดต่ออย่างไรขอให้เขียนหนังสือมา แล้วจะไปแง้มๆดู
ผู้สื่อข่าวถามอีกว่า ในการแก้ไขปัญหา 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้นั้น จะยึดหลักอะไร นายสมัคร กล่าวว่า ตนจะคุยกับคนที่มีหน้าที่ อีก 2-3 วัน ว่า อะไรควรจะดำเนินการแก้ไข หากดีแล้วก็ทำต่อไป ถ้าไม่ดีตนก็จะขอแสดงความคิดเห็นในที่ประชุมที่เป็นส่วนตัว ในฐานะที่รับผิดชอบก็ต้องไปร่วมหารือ แต่หากจะมาบอกทั้งๆ ที่เพิ่งถวายสัตย์มาหมาดๆ และพรุ่งนี้จะมีการประชุม ครม.รวมทั้งวันอังคารที่ 12 ก.พ.ก็จะประชุมเพื่อเตรียมการแถลงนโยบายต่อรัฐสภา จะต้องทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน ต้องเข้าสภาก่อน ตอบสุ่มสี่สุ่มห้าไม่ได้
ส่วนมองปัญหาใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ว่า อยู่ในขั้นวิกฤตระดับไหน นายสมัคร กล่าวว่า เท่าที่ตนฟัง สุดท้ายก็เริ่มดีขึ้น ส่วนรวมดีขึ้นกว่าเก่า ซึ่งตนจะไปคุยกับคนที่รับผิดชอบ เพราะมีคนดูแลอยู่ โดยตนรับผิดชอบอีกชั้นก็จะคุยกับฝ่ายปฏิบัติ ส่วนจะสานต่อการใช้ความสมานฉันท์แก้ไขปัญหาภาคใต้เหมือนรัฐบาล พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ อดีตนายกรัฐมนตรีหรือไม่นั้น คงต้องไปคุยกับฝ่ายปฎิบัติการก่อน แล้วจะมาบอกว่าอะไร เป็นอย่างไร ถ้าเป็นความลับก็คงไม่บอก
ถกผู้นำเหล่าทัพ 11 ก.พ.
สำหรับกระทรวงกลาโหมนั้น จะนัดพูดคุยกับ ผบ.เหล่าทัพเมื่อไหร่ นายสมัคร กล่าวว่า คาดว่าจะเป็น 09.00 น.วันจันทร์ (11 ก.พ.) ส่วนจะทำความเข้าใจกันอย่างไรนั้น แน่นอนในการสนทนาจะใช้ภาษาไทยอย่างนุ่มนวล เพราะ สนช.ได้อบรมว่า “ให้แสนดี วจีไพเราะ” ซึ่งคำนี้เป็นคำของตนแท้ๆ เพราะเคยใช้มาก่อน แต่มีคนกลับมาบอกให้ใช้อีก
โยนฝ่ายค้านขอกรมประชาฯจัดวิทยุ
ส่วนพรรคฝ่ายค้านขอเวลาออกรายการวิทยุเพื่อพูดคุยกับประชาชนนั้น นายสมัคร กล่าวว่า ถ้าหากกรมประชาสัมพันธ์อนุญาตก็ให้ได้ แต่ขอผ่านตนน่าเกลียด เพราะขนาดตนเป็นนายกฯ ยังต้องขอผ่านกรมประชาสัมพันธ์ เช้าวันอาทิตย์ พอพระเทศน์เสร็จ 9 โมงตนก็จัดต่อเลย ซึ่งตนทำรายการ ไม่ได้จัดรายการ เพราะการจัดรายการต้องเสียค่าใช้จ่าย เงินตนไม่มี จึงขอเขาใช้ ไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ ชื่อ “รายการสนทนาประสาสมัคร” หากวันอาทิตย์ตนไม่อยู่ก็จะอัดไว้ตั้งแต่วันเสาร์ แต่ถ้าไปต่างประเทศ ก็ให้เขานำรูปดีๆ มาแล้วตนจะต่อสายมาสัก 1 ชั่วโมง และไม่ต้องการให้ใครมาชวนตนคุย ตนคุยของตนเองได้
เผย ละลายพฤติกรรม ครม.แล้ว
สำหรับอำนาจในการตัดสินใจนั้น จะต้องฟังเสียงของพรรคร่วมรัฐบาล และมุ้งต่างๆ ด้วยหรือไม่ นายสมัคร กล่าวว่า ต้องบอกคณะที่มาร่วมงานว่า ในหลวงทรงรับสั่งอะไร แต่ไม่สามารถเผยแพร่ได้ แต่ ครม.ต้องทำงานร่วมกับตน เมื่อตนอาสากับเจ้านายไว้ก็ต้องทำให้เต็มที่ จึงต้องทำการละลายพฤติกรรม ไม่ว่าจะมาจากพรรคไหน เมื่อเป็น ครม.แล้วก็เป็นพวกเดียวกัน คิดอย่างเดียวกัน คิดคนละอย่างก็มาช่วยกันคิด ซึ่งคนที่ไม่เคยเป็นพวกพ้องกันมา แต่เมื่อมีความพึงพอใจมาช่วยกันทำงานก็ต้องดูต่อไป ครม.ของตนทำยากกว่าของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์เยอะ เพราะ นายอภิสิทธิ์ เอาแค่ 165 เสียงมาตั้ง 36 ง่ายจะตาย แต่ตนเป็นรัฐบาลผสม ก็ตั้งใจ เมื่อมารวมกันแล้วก็ต้องช่วยกัน ไม่น่าจะเป็นปัญหา อย่างพล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ รองนายกรัฐมนตรี ก็คุยกันไปจับมือกันไปทุกเรื่อง ทั้งเรื่องงานจนถึงเรื่องเนื้อนกกระจอกเทศ
ขอโอกาสทำงาน
ส่วนผลงานจะไม่ขี้เหร่เหมือนที่เคยระบุว่า เป็น ครม.ขี้เหร่ ใช่หรือไม่ นายสมัคร กล่าวว่า ขออธิบายหน่อย เมื่อเช้าอ่าน บางกอกโพสต์ ใช้คำว่าขี้เหร่ ว่า “Ugly Duckly” ซึ่งตอนจบกลายเป็นหงส์ การจัด ครม.ไม่ได้ดังใจก็เลยขอบ่นว่าขี้เหร่หน่อย ดังนั้น เรื่องนี้ต้องให้โอกาสในการทำงานก่อน สำหรับหลักเกณฑ์ที่จะใช้ในการประเมินการทำงานของรัฐมนตรีว่าผ่านหรือไม่ผ่านนั้น นายสมัคร กล่าวว่า ต้องให้โอกาสซึ่งกันและกัน บอกว่า กี่เดือนไม่ได้หรอก หาก 3 เดือน ทำงานดีก็ต้องอวด ไม่ดีก็ต้องแก้เป็นการภายใน 6 เดือน ก็ต้องตั้งวงสนทนากัน อย่าใช้วันเวลามาขีดวงทำงาน พร้อมกันนี้ นายสมัคร ยังกล่าวด้วยว่า ยืนยันว่า ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม จะไม่ใช้มอเตอร์ไซค์ติดตามอย่างแน่นอน