“พิภพ” หยันพวกตื่นข่าวพันธมิตรฯ เคลื่อนไหวทางการเมือง ชี้ถือเป็นเรื่องปกติที่ ปชช.ออกไปชุมนุมเพราะไม่ได้รับความเป็นธรรม ย้ำชัด “หมัก” ไม่เหมาะนั่งนายกฯ เหตุเพราะเคยละเลยการฆาตกรรมหมู่ที่ธรรมศาสตร์ จี้ “แม้ว” อย่าแทรกแซงอำนาจตุลาการ หากคิดว่าตัวเองไม่ได้กระทำผิด
รายการคนในข่าว ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ เอเอสทีวี คืนวันที่ 5 ก.พ. ที่ผ่านมา โดยนายเติมศักดิ์ จารุปราณ เป็นผู้ดำเนินรายการ ได้เปิดประซักถามนายพิภพ ธงไชย ประธานที่ปรึกษาคณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย (ครป.) และผศ.ดร.ประภาส ปิ่นตบแต่ง อาจารย์คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ถึงกรณีที่มีกระแสข่าวว่ากลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เตรียมที่จะออกมาเคลื่อนไหวทางการเมือง
โดยนายพิภพ กล่าวว่า กระแสข่าวที่เกิดขึ้น เนื่องมาจากได้มีการพบปะกับแกนนำพันธมิตรฯ ภายในเพียงเท่านั้น แต่ก็ถูกมองว่าจะเป็นการขยับตัวทางการเมือง ที่สำคัญมีผู้ใหญ่โทรมาหาตนเพื่อแสดงความยินดีหากจะออกมาเคลื่อนไหว ทั้งๆ ที่ตนยังไม่ได้ทำอะไรเลย เพราะหลังจากการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 23 ธ.ค.50 ที่ผ่านมา ก็ได้พบกับนักธุรกิจที่เคยเป็นอดีตนักการเมือง ซึ่งก็ยังงงๆ กันอยู่ว่าการเมืองจะเป็นไปอย่างไร แต่มั่นใจว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จะกลับมา อีกทั้งพรรคเล็กที่เคยประกาศไว้ว่าจะไม่เอา พ.ต.ท.ทักษิณ ก็ไม่รักษาสัจจะ นั่นจะนำไปสู่ความวิกฤตในอนาคต
ส่วนกรณีที่ นายสมัคร สุนทรเวช เป็นนายกฯ นั้น นายพิภพ กล่าวว่า หลายคนรู้สึกอึดอัดกับเรื่องที่เกิดขึ้น ซึ่งมีคนสงสัยว่าทำไมการเมืองถึงไม่เปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น และเมื่อแกนนำพันธมิตรฯ มารวมตัวกัน จึงเกิดอาการหวาดหวั่น ซึ่งจริงๆ แล้วไม่ควรที่จะไปวิตกกับการชุมนุมของประชาชนที่ทำอย่างสงบ และสันติ ดังนั้นจะมีการชุมนุมเกิดขึ้นหรือไม่ ถือเป็นเรื่องปกติถ้าพวกเขาได้รับความเดือนร้อน หรือไม่ได้รับความเป็นธรรม
“รัฐบาลจะต้องดูแลหากมีการชุมนุมเกิดขึ้น เพื่อให้เป็นไปโดยสงบ โดยจะต้องรับข้อเรียกร้องของกลุ่มผู้ชุมนุม โดยบทเรียนที่เกิดจากการชุมนุมก็มีให้เห็นมาแล้วในอดีต ไม่ว่าจะเป็นในอดีต คือ สมัย พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ หรือ พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นนายกฯ แต่การบริหารประเทศของ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่คิดว่าจะสามารถทำได้ตามอำเภอใจนั้น ถือว่าเขาคิด นั่นเกิดขึ้นเพราะการดื้อดึง จนเกิดการชุมนุมเพื่อเรียกร้องของประชาชน และที่เมื่อวานนี้แกนนำพันธมิตรฯ นัดคุยกัน เราไม่ได้พูดถึงเรื่องการชุมนุม แต่เราวิเคราะห์กันถึง พ.ต.ท.ทักษิณ และนายสมัคร ว่าเขาจะทำไร แล้วเราควรจะทำอะไรให้กับประเทศ เพราะปัญหาที่เกิดขึ้น เนื่องจากคนชั้นกลางละเลยชนบท” นายพิภพ กล่าว
นายพิภพ กล่าวอีกว่า การลงคะแนนเสียงเลือกตั้งมีการพัฒนามากยิ่งขึ้น เพราะชาวบ้านในสมัยนี้เลือกพรรค เนื่องจากนโยบายสามารถจับต้องได้ ซึ่งบ่งบอกถึงการตัดสินใจของชาวบ้าน แต่การที่จะเอาเขาเหล่านั้นออกจากนโยบายประชานิยม ก็จะต้องเอาสิ่งที่ยังยืนเข้าไปทดแทนให้กับชาวบ้าน
“ตอนนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ กำลังแก้เกมทางการเมือง โดยแจกตำแหน่งกระจายไปให้กับคนภายในพรรคพลังประชาชน และพรรคร่วมรัฐบาล เพื่อที่จะเข้าประเทศ แต่ถ้าแก้ไขไม่ได้ ก็จะเกิดการเปลี่ยนแปลงตัวรัฐมนตรีในอนาคตอย่างแน่นอน ที่สำคัญคือ พ.ต.ท.ทักษิณ เอาเรื่องของตัวเองมาก่อน อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทยทั้ง 111 คน รวมทั้งขณะนี้ภรรยาของ พ.ต.ท.ทักษิณ ยังอยู่ในคดีความ ซึ่งจะเป็นโจทก์วิกฤตถ้านายสมัคร ทำตรงนี้ไม่ได้” ประธานที่ปรึกษา ครป. กล่าว
ประธานที่ปรึกษา ครป.กล่าวอีกว่า ส่วนวิกฤตทางการเมืองก็คือ อำนาจตุลาการ หรือผู้พิพากษา จะมีที่ยืนในการตัดสินไปตามความยุติธรรมหรือไม่ ซึ่งถ้า พ.ต.ท.ทักษิณ เชื่อว่าตัวเองไม่มีความผิด ก็ควรที่จะเรียกร้องให้กระบวนการพิจารณาดำเนินไปด้วยความเป็นธรรม โดย พ.ต.ท.ทักษิณ จะต้องไม่เข้าไปแทรกแซง เพราะสถานการณ์การเดินขบวน เกิดจากการแทรกแซงอำนาจตุลาการ และถ้าประชาชนสงสัย ก็จะทำให้ประเทศพบกับความเสียหายอย่างแน่นอน
“การชุมนุมของสังคมไทยพัฒนาไปมากแล้ว โดยดูได้จากกลุ่มผู้ชุมนุมที่เข้าร่วมกับกลุ่มพันธมิตรฯ ถึง 90 วัน ซึ่งเขาเกิดความรู้สึกร่วมในปัญหาที่ตัวเองเผชิญอยู่ และไม่มีหลักฐานที่ชัดเจนว่าเขาเหล่านั้นถูกชักนำ หรือถูกจ้างวานมา ดังนั้นการพิจารณาจึงเป็นไปถึงจุดที่ทำร่วมกัน โดยเฉพาะกรณีการขายหุ้น 73,000 ล้าน หรือการยุบสภาโดยไม่มีเหตุผลของ พ.ต.ท.ทักษิณ ดังนั้นรัฐบาลปัจจุบันจะต้องสร้างความถูกต้อง และต้องฟังประชาชน” นายพิภพ กล่าว
นายพิภพ กล่าวทิ้งท้ายว่า กรณีที่จะมีการกล่าวอ้างเรื่องคะแนนเสียงก็คงจะทำไม่ได้ เพราะจริงๆ แล้วคะแนนระบบสัดส่วนของพรรคพลังประชาชน แพ้พรรคประชาธิปัตย์ด้วยซ้ำ ส่วนภาคประชาชน หรือประชาชนโดยทั่วไป สุดท้ายแล้วก็จะกลับไปในพื้นที่ โดยใช้ใช้รัฐธรรมนูญแก้ปัญหาของตัวเอง แต่นายสมัคร ไม่เหมาะกับนายกฯ คนปัจจุบัน เพราะนายสมัคร เคยละเลยการฆาตกรรมหมู่ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ในสมัยที่นายสมัคร มีอำนาจควบคุมสถานการณ์ในขณะนั้น และถ้านายสมัคร ยังปรับตัวเองไม่ได้ ปัญหาก็จะเกิดขึ้นเพราะตัวของนายสมัคร เอง