xs
xsm
sm
md
lg

คตส.ฮึดตั้งกองทุนฯ สู้คดีเอง เหตุ อสส.สั่งไม่ฟ้องแก๊งแม้ว

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


คตส.ส่อตั้งกองทุนฯ หลังสำนักงบฯ ปัดจ่ายเงินเพิ่ม หั่นงบจ้างบุคลากร ตัดเช่ารถ “นาม” ลั่นใช้งบอย่างประหยัดที่สุด เล็งเปิดโต๊ะบริจาคสู้คดี ชี้หากอัยการสั่งไม่ฟ้อง พร้อมสู้คดีเอง

วันนี้ (5 ก.พ.) นายนาม ยิ้มแย้ม ประธานคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) กล่าวถึงกรณีที่มีกระแสข่าว ว่า สำนักงบประมาณ ปฏิเสธไม่อนุมัติงบประมาณจำนวน 19 ล้านบาท ว่า ยังไม่ทราบเรื่องดังกล่าว เพราะยังไม่เห็นหนังสืออย่างเป็นทางการ อย่างไรก็ตาม คตส.ต้องมีการหารือกันเรื่องนี้ โดยมอบหมายให้ นายแก้วสรร อติโพธิ ในฐานะเลขานุการ คตส.ไปดำเนินการ เพราะที่ผ่านมา คตส.ได้ของบประมาณจาก กกต.และ ป.ป.ช.ก่อนหน้านี้จำนวน 44 ล้านบาท ซึ่งขณะนี้ยังพอเหลืออยู่บ้าง หากสำนักงบประมาณไม่อนุมัติงบจริง คตส.อาจจะมีการประสานไปยัง ป.ป.ช.เอง

“ขณะนี้ คตส.ได้มีการใช้งบประหยัดอย่างที่สุด โดยมีการตัดค่าใช้จ่ายบางส่วนออก เช่น เจ้าหน้าที่และบุคลากร ในชุดต่างๆ หากเรื่องส่งถึงอัยการ เจ้าหน้าที่เหล่านี้ก็ถือว่าหมดหน้าที่ไป รวมถึงการเช่ารถเพื่อใช้ในกิจการของ คตส.จากเดิมเช่ามา 3 คัน ขณะนี้ลดเหลือเพียง 2 คัน โดยตัดรถเช่าในส่วนของรถส่วนกลางลง” ประธาน คตส.กล่าวและว่า ส่วนการเพิ่มคณะกรรมการตรวจสอยสำนวนคดีหวยบนดิน ที่อัยการสูงสุด สั่งไม่ฟ้อง โดยของความอนุเคราะห์ ทีมทนาย จากสภาทนายความ 12 คน ทาง คตส.จะจ่ายเงินในฐานะเจ้าหน้าที่ผู้คุณวุฒิ

ผู้สื่อข่าวถามว่า จะมีการตั้งโต๊ะรับเงินบริจาคเพื่อต่อสู้คดีหรือไม่ นายนาม กล่าวว่า หากไม่มีงบประมาณจริง จะนำเรื่องนี้ไปหารือ ในที่ประชุมใหญ่ คตส.ว่า จะมีทางออกอย่างไร แต่ขณะนี้งบประมาณ คตส.ยังพอเหลือบ้าง ซึ่งยังมีความจำเป็นต้องใช้เกี่ยวกับการดำเนินคดี ยื่นฟ้องศาลเอง หากอัยการสูงสุดสั่งไม่ฟ้อง

เมื่อถามถึงความคืบหน้าการแจ้งความดำเนินคดีของ คตส.ต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยเฉพาะการขัดหมายเรียก ไม่มาให้ถ้อยคำ คตส.ในคดีการซื้อขายหุ้นชินคอร์ป ไม่ว่าจะเป็น คุณหญิง พจมาน ชินวัตร ภริยาอดีตนายกฯ นายพานทองแท้ ชินวัตร น.ส.พิณทองทา ชินวัตร บุตรชายและบุตรสาว พ.ต.ท.ทักษิณ รวมถึง นางกาญจนาภา หงษ์เหิน เลขานุการส่วนตัวคุณหญิงพจมาน นายนาม กล่าวว่า “จนถึงขณะนี้ เรื่องก็ยังเงียบอยู่ ยังไม่เห็นความคืบหน้าอะไร ผมคิดไปก็ปวดหัว ผมปลงแล้ว”

แหล่งข่าวระดับสูงจากคณะอนุกรรมการไต่สวนคดีการจัดซื้อวัสดุอุปกรณ์ของบริษัท ห้องปฏิบัติการกลางตรวจสอบผลิตภัณฑ์เกษตรและอาหารจำกัด หรือ เซ็นทรับแล็บ เปิดเผยว่า คณะอนุกรรมการประสบปัญหาในการทาบทามบุคคลมาร่วมเป็นอนุกรรมการไต่สวน เพราะบุคคลที่ คตส.ได้มีการทาบทามไปก่อนหน้านี้ ได้ปฎิเสธ ไม่ขอเข้ามาร่วมงานกับ คตส.แล้ว โดยบางคนเคยรับปากไว้ พอถึงเวลากลับปฏิเสธ กว่าที่จะได้อนุกรรมการไต่สวนครบต้องใช้เวลานาน ซึ่งขณะนี้ได้มีการส่งรายชื่ออนุกรรมการไต่สวนให้ที่ประชุม คตส.ชุดใหญ่รับทราบแล้ว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะนี้ คตส.ยังเหลือคดีที่ติดค้างในมืออีกเป็นจำนวนมาก ที่อยู่ในชั้นตรวจสอบและไต่สวน และเตรียมสรุปส่งให้อัยการสูงสุดสั่งฟ้องต่อไป ประกอบด้วย คดีที่เกี่ยวกับการซื้อขายและโอนหุ้นบริษัท ชิน คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ที่บางส่วน คตส.ได้มีการยัดทรัพย์ไปกว่า 6 หมื่นล้านบาท คดีการไต่สวนทางวินัยและอาญาข้าราชการกระทรวงการคลังและกรมสรรพากร ไม่เรียกเก็บภาษีการซื้อหุ้นบริษัท ชินคอร์ป คดีการทุจริตภายในสนามบินสุวรรณภูมิ ไม่ว่าจะเป็นการจัดซื้อจัดจ้างปรับเปลี่ยนสายพานลำเลียงกระเป๋าสัมภาระผู้โดยสารและเครื่องตรวจสอบวัตถุระเบิด ซีทีเอ็กซ์ 9000 การจัดซื้อจัดจ้างท่อร้อยสายไฟฟ้าได้ดิน และโครงการระบบขนส่งทางรถไฟเชื่อมต่อสนามบินสุวรรณภูมิ หรือ แอร์พอร์ตลิงก์

คดีธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทยให้เงินกู้เพื่อซื้อเครื่องจักรและพัฒนาประเทศกับรัฐบาลทหารพม่า วงเงิน 4 พันล้านบาท คดีการจัดซื้อวัสดุอุปกรณ์ของบริษัท ห้องปฏิบัติการกลางตรวจสอบผลิตภัณฑ์เกษตรและอาหารจำกัด หรือ เซ็นทรับแล็บ คดีธนาคารกรุงไทย ปล่อยกู นอกจากนี้ ยังมีอีก 2 คดีที่แตกย่อยเป็นหลายเซกชันคือ คดีบ้านเอื้ออาทร กับ คดี พ.ต.ท.ทักษิณ เอื้อประโยชน์ โดยคดีบ้านเอื้ออาทรอยู่ในระหว่างการไต่สวนในเรื่องการทุจริตโครงการและอนุมัติโควตาในส่วนของบริษัท พาสทีญ่า กับ บริษัท เดวา และอีกหลายโครงการ ไม่ว่าจะเป็นโครงการเมืองใหม่บางพลี โครงการร่มเกล้า 2 โครงการรังสิตคลอง 9 โครงการลาดกระบัง 2 และโครงการกบินทร์บุรี กับ อรัญประเทศ กับ คดี พ.ต.ท.ทักษิณ เอื้อประโยชน์ธุรกิจตนเองและพวกพ้อง ได้มีการขยายวงการตรวจสอบเพิ่มเติมอีก 3 เรื่อง คือ คดีแพ่งและอาญาผู้บริหาร ทศท.แก้ไขสัญญาลดค่าสัมปทาน ให้เอไอเอส ทำรัฐเสียหาย 4 หมื่นล้านบาท คดีแพ่งและคดีอาญาผู้บริหาร ทศท.แก้ไขสัญญาสัมปทาน ให้ “เอไอเอส” หักลดค่าใช้โครงข่ายร่วมโดยมิชอบ ทำรัฐเสียหาย 2.3 หมื่นล้านบาท และคดีแพ่งและอาญา รัฐมนตรีไอซีที ผู้บริหารกระทรวงคมนาคม อนุมัติแก้ไขสัญญาสัมปทานดาวเทียมเอื้อประโยชน์ให้กับ บ.ชินแซท โดยมิชอบ

นอกจากนี้ ยังมีคดีที่ คตส.ต้องเผชิญหน้าโดยตรง กับ นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ในคดีการจัดซื้อรถดับเพลิงและอุปกรณ์บรรเทาสาธารณภัยของ กทม.ที่ นายสมัคร ตกเป็น 1 ผู้กล่าวหา และสุดท้าย คดีกล้ายาง 90 ล้านต้น ที่ คตส.เพิ่งมติล่าสุดในการส่งให้อัยการสูงสุดสั่งฟ้องจำนวน 45 คน
กำลังโหลดความคิดเห็น