นายสัก กอแสงเรือง โฆษกคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายต่อรัฐ (คตส.) ยอมรับว่า การทำงานของ คตส.ในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา ยังคงติดขัดจากการไม่ได้รับความร่วมมือจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง แต่ยังมั่นใจว่าในระยะเวลาการทำงานที่เหลืออยู่จนถึงเดือนมิถุนายน 2551 จะทำคดีที่อยู่ในการตรวจสอบทั้ง 23 เรื่องให้แล้วเสร็จ โดยไม่ปล่อยให้เป็นภาระของหน่วยงานอื่น ทั้งนี้ ภายในเดือนมกราคม - มีนาคม 2551 คาดว่าจะมีสำนวนที่ออกจาก คตส.ได้อีก 5 - 6 สำนวน ทั้งการตรวจสอบคดีเอ็กซิมแบงก์ การจัดซื้อเครื่องตรวจจับวัตถุระเบิด ซีทีเอ็กซ์ 9000 โครงการท่อร้อยสายภายในท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ คคีการปล่อยเงินกู้โดยไม่ชอบของธนาคารกรุงไทย คดีการจัดซื้อกล้ายางของกรมวิชาการเกษตร และการตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐที่ไม่ชอบธรรม
นอกจากนี้ โฆษก คตส. ยังเชื่อว่ากระบวนการยุติธรรมและศาลจะไม่ถูกแทรกแซง แม้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จะเดินทางกลับประเทศเพื่อมาสู้คดี หากพรรคพลังประชาชนจัดตั้งรัฐบาล เพราะสำนวนของ คตส.ทุกสำนวนได้ทำอย่างรอบคอบ ขณะเดียวกัน ก็ไม่หวั่นหากจะหากจะมีการยุบ หรือเช็กบิล คตส.เพราะเชื่อว่าประชาชนจะรับไม่ได้ นอกจากนี้ คตส.ทำงานมีกระบวนการยุติธรรมตรวจสอบอยู่แล้ว หากรัฐบาลใหม่จะตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบการทำงานและการใช้อำนาจของ คตส. คงไม่สามารถทำได้ เนื่องจาก คตส.ทำหน้าที่ตามกฎหมายกำหนด ไม่เคยทำตามใบสั่งทางการเมือง จะไม่หวั่นไหวต่อแรงกดดันใดๆ ทั้งสิ้นจากฝ่ายการเมือง ไม่ว่าพรรคใดจะได้เป็นรัฐบาล แต่ยังคงทำหน้าที่ต่อไป
นอกจากนี้ โฆษก คตส. ยังเชื่อว่ากระบวนการยุติธรรมและศาลจะไม่ถูกแทรกแซง แม้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จะเดินทางกลับประเทศเพื่อมาสู้คดี หากพรรคพลังประชาชนจัดตั้งรัฐบาล เพราะสำนวนของ คตส.ทุกสำนวนได้ทำอย่างรอบคอบ ขณะเดียวกัน ก็ไม่หวั่นหากจะหากจะมีการยุบ หรือเช็กบิล คตส.เพราะเชื่อว่าประชาชนจะรับไม่ได้ นอกจากนี้ คตส.ทำงานมีกระบวนการยุติธรรมตรวจสอบอยู่แล้ว หากรัฐบาลใหม่จะตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบการทำงานและการใช้อำนาจของ คตส. คงไม่สามารถทำได้ เนื่องจาก คตส.ทำหน้าที่ตามกฎหมายกำหนด ไม่เคยทำตามใบสั่งทางการเมือง จะไม่หวั่นไหวต่อแรงกดดันใดๆ ทั้งสิ้นจากฝ่ายการเมือง ไม่ว่าพรรคใดจะได้เป็นรัฐบาล แต่ยังคงทำหน้าที่ต่อไป