xs
xsm
sm
md
lg

“ยามฯ” อัด “หมัก” อ้าง 233 เสียงฟอกผิด “แม้ว” - คาด กกต.ปล่อย “ทั่นยุทธ” หลุดคดีแน่

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“ยามเฝ้าแผ่นดิน” จับผิด “หมัก” อ้าง 233 เสียง ฟอก “แม้ว” ชี้เหตุชม “สุรยุทธ์” เพราะปล่อยเกียร์ว่างจน “พลังแม้ว” กลับเข้าสภา คาด กกต.ปล่อย “ทั่นยุทธ” หลุดคดีซื้อเสียงแน่ หลังมีข่าว กกต.บางคนกระซิบล่วงหน้าซีดีจัดฉาก เชื่อ “แม้ว” ไม่กล้ากลับไทย พ.ค.กลัวแพ้คดี

คลิกที่นี่ เพื่อฟังรายการ ยามเฝ้าแผ่นดิน โดย ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ จินดารัตน์ เจริญชัยชนะ  ช่วงที่ 1

คลิกที่นี่ เพื่อฟังรายการ ยามเฝ้าแผ่นดิน โดย ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ จินดารัตน์ เจริญชัยชนะ ช่วงที่ 2

รายการ “ยามเฝ้าแผ่นดิน” ออกอากาศทางเอเอสทีวี คืนวันที่ 29 ม.ค. นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ นักวิชาการอิสระ และนางจินดารัตน์ เจริญชัยชนะ ร่วมดำเนินรายการ ในช่วงแรกได้กล่าวถึงการรับสนองพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 25 ของนายสมัคร สุนทรเวช ทำให้บ้านของนายสมัครคึกคักขึ้นเป็นครั้งแรก หลังจากเงียบเหงามานาน แม้ว่านายสมัครจะได้รับการคาดหมายว่าจะเป็นนายกรัฐมนตรีมาก่อนหน้านี้ แต่ก็ไม่มีใครเข้ามาหา เพราะการจัด ครม.ของรัฐบาลชุดนี้ไปจัดกันที่ฮ่องกง ถึงขั้นมีข่าวว่าโรงแรมที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีไปพักอยู่นั้นสามารถเปิดประชุมสภาได้เลย เพราะ ส.ส.ไปอยู่กันที่นั่น จนกระทั่ง พ.ต.ท.ทักษิณต้องย้ายที่พักจากโรงแรมแมนดารินไปอยู่ดรงแรมปรินซ์ฝั่งเกาลูนที่ราคาประหยัดกว่า

ทั้งนี้ มีข้อน่าสังเกตว่าที่บ้านนายสมัครนั้นแม้จะมีคนไปร่วมแสดงแสดงความยินดีจำนวนมาก แต่ก็ไม่เห็นนายบรรหาร ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทย ร่วมทั้งคนในครอบครัวศิลปอาชาไปร่วมงานด้วย

ผู้ดำเนินรายการได้ตั้งข้อสังเกตถึงการกล่าวเปิดใจของนายสมัครหลังจากการรับสนองพระบรมราชโองการฯ ว่า นายสมัครเคยพูดในที่สาธารณะหลายครั้ง แต่ไม่เหมือนครั้งนี้ที่หายใจสั้นและแรง เสียงสั่นเครือเหมือนเหนื่อยหอบ เชื่อว่านายสมัครคงจะตื่นเต้นและพยายามสะกดตัวเองกับบรรยากาศที่นึกไม่คาดฝันว่าจะได้เป็นนายกรัฐมนตรี

หลังจากนั้น ผู้ดำเนินรายการได้วิเคราะห์ถึงคำพูดเปิดใจของนายสมัครว่า สิ่งที่นายสมัครพูดเรื่องแรกคือการแก้ข้อกล่าวหาให้กับ พ.ต.ท.ทักษิณเรื่องความจงรักภักดีโดยอ้างถึงคะแนนเสียงที่พรรคพลังประชาชนได้ 233 เสียงว่า เป็นการสะท้อนว่าคนไทยส่วนใหญ่คิดอย่างไรกับพ.ต.ท.ทักษิณ

ต่อมานายสมัครพูดถึงความสามารถของตัวเองว่ารู้ทันเล่ห์กลของนักการเมือง สามารถจัดองค์ประกอบของ ครม.ให้ประชาชนเชื่อมั่นได้และขอเวลาให้กับตัวเอง นอกจากนั้นนายสมัครได้ชื่นชม พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรีคนเก่า และพูดถึงเรื่องที่เขาถูกดูแคลนซึ่งเขาจะเงียบและรอวันพิสูจน์

**จับผิดคำพูด “นายกฯ หมัก”

ผู้ดำเนินรายการกล่าวว่า ตรรกะของนายสมัครมีอะไรเป็นจริง หรือมีอะไรที่ต้องคิดบ้าง ถ้านายสมัครคิดว่าตัวเองรู้ทันเล่ห์กลของนักการเมือง นายสมัครไม่รู้หรอกหรือว่าที่เขาได้รับเลือกนั้น ประชาชนเลือกเพราะความเป็นนายสมัคร หรือเลือกเพราะเขาเห็น พ.ต.ท.ทักษิณ นายสมัครยอมรับความจริงข้อนี้หรือไม่

ประเด็นที่ 2 ที่นายสมัครอ้างว่า ที่พรรคพลังประชาชนได้รับเลือกมา 233 เสียง เป็นข้อพิสูจน์ว่า พ.ต.ท.ทักษิณมีความจงรักภักดีโดยไม่ต้องพูดถึงโรงถึงศาล แต่นายสมัครไม่พูดถึงการกระทำที่หมิ่นเหม่ต่อการหมิ่นสาถาบันฯ ของ พ.ต.ท.ทักษิณเลย ตรรกะนี้ใช้ไม่ได้ การที่ประชาชนเลือกพรรคพลังประชาชนไม่เกี่ยวกับการพิสูจน์ความจงรักภักดีของ พ.ต.ท.ทักษิณ เพราะประชาชนได้ข้อมูลที่ไม่ครบถ้วน ไม่รู้ข้อมูลการปฏิบัติตัวของ พ.ต.ท.ทักษิณที่หมิ่นเหม่ เช่น การพูดกับคนขับแท็กซี่ การประกาศว่าไม่มีใครจะกล้าเปลี่ยนโผโยกย้าย

หรือถ้านายสมัครต้องการข้อมูลที่ลึกกว่านั้น ทำไมไม่ไปถามนายสุรเกียรติ์ เสถียรไทย ที่รับไม่ได้กับคำพูดของ พ.ต.ท.ทักษิณ หรือนายโสภณ สุภาพงษ์ ที่มีข้อมูลว่า พ.ต.ท.ทักษิณพูดไม่เหมาะสมอย่างไร

“ช่วงเวลานี้สังคมไทยต้องคิดใหม่ การลงคะแนนไม่ใช่การพิสูจน์ว่าอะไรถูกอะไรผิด ถ้า ประชาชนไม่รู้ข้อมูล หรือรู้แล้วแต่ก็สมยอม เช่น คุณทักษิณเคยอ้างว่ามี 19 ล้านเสียง โดยไม่สนใจความผิดถูก เพราะฉะนั้น คะแนนเสียงมากหรือน้อย ไม่เกี่ยวกับว่าเขาจะคอร์รัปชั่นหรือไม่ จะจงรักภักดีหรือไม่ แต่มันเกี่ยวข้องกับว่าจริงแล้ว ตัวเขาได้ทำจริงหรือไม่ พูดจาไม่เหมาะสมหรือไม่”

นอกจากนี้ ยังมีปัญหาว่า รัฐบาลพล.อ.สุรยุทธ์ ได้แสดงเหตุและผลให้ประชาชนได้รับรู้ข้อเท็จจริงหรือไม้ ถ้าประชาชนได้รู้ข้อมูลอย่างครบถ้วน พรรคพลังประชาชนจะได้คะแนนถึงระดับนี้หรือไม่

ผู้ดำเนินรายการตั้งข้อสังเกตว่า นายสมัครชื่นชม พล.อ.สุรยุทธ์ เพราะ พล.อ.สุรยุทธ์ทำให้ได้คะแนนมาก จากกที่ไม่ยอมทำอะไร จนข้อมูลข่าวสารออกไปไม่ครบ ใช่หรือไม่ การที่รัฐบาลสุรยุทธ์ไม่พูดถึงความผิดพลาดในการบริหารของ พ.ต.ท.ทักษิณ พฤติกรรมที่หมิ่นเหม่ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ทำให้นายสมัครกล่าวชื่นชม และต่างฝ่ายต่างชื่นชมกันไปมาเป็นระยะๆ

นี่ยังไม่พูดถึงคะแนนที่ยังสงสัยว่าได้มาด้วยความบริสุทธิ์หรือไม่ เพราะ กกต.ทำงานไม่ครบถ้วน มีการปกป้องการกระทำที่ไม่ถูกกฎหมายในการหาเสียงของพรรคการเมืองบางพรรคหรือไม่

นอกจากนี้ คะแนนที่ได้มายังไม่เกี่ยวกับการทำให้นายสมัครพ้นจากคดีของนายสมัครเอง ตั้งแต่คดีรถดับเพลิง กทม.ที่ คตส.กำลังตรวจสอบ ซึ่งหากศาลฎีกาฯ ตัดสินว่าผิด นายสมัครจะหลุดจากตำแหน่งทันที ไม่เกี่ยวกับว่าได้คะแนนเสียงมากแค่ไหน

อีกคดีหนึ่งที่คะแนนเสียงไม่สามารถช่วยนายสมัครได้ คือคุณสมบัติการเป็นรัฐมนตรี ตามมาตรา 174 ของรัฐธรรมนูญ 2550 ซึ่งวงเล็บ 5 ของมาตราดังกล่าวได้ระบุว่า ต้องไม่เคยต้องคำพิพากษาให้จำคุกโดยได้พ้นโทษมายังไม่ถึงห้าปีก่อนได้รับแต่งตั้ง เว้นแต่ในความผิดอันได้กระทำโดยประมาทหรือความผิดลหุโทษ โดยนายวีระ สมความคิด ประธานเครือข่ายประชาชนต่อต้านคอร์รัปชั่นจะยื่นต่อผู้ตรวจการแผ่นดินเพื่อส่งต่อให้ตุลาการรัฐธรรมนูญวินิจฉัยเร็วๆ นี้ เนื่องจากนายสมัครถูกศาลพิพากษาให้จำคุก 2 ปี โดยไม่รอลงอาญา ในคดีหมิ่นประมาทนายสามารถ ราชพลสิทธิ์ อดีตรองผู้ว่า กทม. ขณะนี้คดีอยู่ระหว่างอุทธรณ์

ผู้ดำเนินรายการกล่าวว่า ประเด็นคุณสมบัติของนายสมัครนี้ อาจต้องตีความกันต่อว่า คำว่า “เคยต้องคำพิพากษาให้จำคุก” ต้องหมายถึงคำพิพากษาถึงที่สุดหรือไม่ และบางคนก็ยกมาตรา 182 มาอ้างว่า การพ้นจากตำแหน่งรัฐมนตรีนั้น มีข้อยกเว้นกรณีโทษจำคุกในคดีหมิ่นประมาท แต่ก็มีข้อโต้แย้งว่า กรณีนายสมัครต้องใช้มาตรา 174 เพราะเป็นเรื่องคุณสมบัติก่อนเป็น ไม่ใช่เป็นรัฐมนตรีแล้ว

** หนุน “ชูวิทย์”ปราบนักการเมืองปลาไหล

ต่อมาผู้ดำเนินรายการกล่าวถึง กรณีที่นายบรรหารยื่นฟ้องนายชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ อดีตรองหัวหน้าพรรคชาติไทย ฐานหมิ่นประมาท พร้อมจะเรียกค่าเสียหาย 100 ล้านบาท กรณีไปตั้งโต๊ะแถลงข่าวหน้าพรรคชาติไทยโจมตีนายบรรหารว่าเป็นคนไม่มีสัจจะ ไม่มีจุดยืนว่า นายบรรหารถูกนายชูวิทย์เย้ยกลับว่าจะฟ้องเรียกค่าเสียหาย 100 บาท เป้ฯค่าแท็กซี่ไปเลือกตั้ง ทั้งนี้ นักการเมืองบ้านเรา ต้องมีคนอย่างนายชูวิทย์ จึงจะสมน้ำสมเนื้อ หลายคนเอาใจช่วยนายชูวิทย์ ซึ่งอาจจะลงสมัครผู้ว่าฯ กทม.ก็ได้ เพราะคนกรุงฯ เบื่ออะไรเข้ามากๆ ก็อาจจะเลือกของแปลกก็ได้

** กกต.เป็นเสียเอง-เชื่อ“ยุทธตู้เย็น”หลุดแน่

ในช่วงที่ 2 ของรายการ ผู้ดำเนินรายการได้ตำหนินายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ และ พ.อ.อภิวัน วิริยะชัย รองประธานสภาฯ ที่โหวตให้นายสมัครเป็นนายกฯ ว่า เป็นภาพที่ไม่เหมาะ เพราะโดยมารยาทแล้วคนที่เป็นรองประธานสภาฯ ที่จะต้องขึ้นทำหน้าที่ประธานในที่ประชุมด้วยนั้นจะต้องงดออกเสียง

นอกจากนี้ พฤติกรรมของนายยงยุทธ ติยะไพรัช ประธานสภาฯ ยิ่งไม่เหมาะสม เพราะเมื่อคืนก่อนได้ไปพูดกับ สมาชิกสภากรุงเทพฯ(สก.) สมาชิกสภาเขต(สข.) ของพรรคพลังประชาชน ที่โรงแรมเอสซีปาร์ค เมื่อคืนวันก่อน โดยก็พูดถึงการพิจารณาให้ใบเหลืองใบแดงของ กกต. ซึ่งคนทั่วไปมองว่า เมื่อทำหน้าที่ประธานแล้ว ต้องไม่ยุ่งเกี่ยวกับพรรคการเมือง ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม ถ้านายยงยุทธยังตัดใจไม่ได้จากความเป็นพี่น้องกันอยู่จะทำงานลำบาก และถูกมองว่าไม่มีจริยธรรม ไม่เป็นมืออาชีพในการทำหน้าที่ของตัวเอง

ผู้ดำเนินรายการ กล่าวต่อว่า ขณะนี้ต่างชาติยังไม่เชื่อมั่นในประเทศไทย เพราะยังมีความอึมครึม ความยุติธรรม ความตรงไปตรงมายังไม่เกิด เรามีนายกฯ มีประธานสภา มีรัฐมนตรีบางคนที่มีคดีอาญาติดตัว แม้กระทั่งความเป็นนอมินีที่สื่อต่างชาติรู้กันหมด คนไทยก็รู้กันหมดทั้งประเทศ แต่อาจมี กกต.บางคนที่ไม่รู้

ผู้ดำเนินรายการยังเชื่ออีกว่า กรณีคดีทุจริตซื้อเสียงของนายยงยุทธนั้น หากดูจากรูปการณ์ที่ออกมา ที่มีการทำเอกสารรั่ว พยานถูกข่มขู่ พยานหาย มาจนวันนี้นายยงยุทธออกมาพูดว่ามี กกต.บางคนมาบอกว่าวีซีดีหลักฐานการซื้อเสียงของนายยงยุทธเป็นการจัดฉาก ดังนั้น ขอทำนายไว้ตั้งแต่ตอนนี้ว่า กกต.คงไม่สามารถเอาผิดนายยงยุทธได้

** “กกต.หน้าจืด”แอบซูเอี๋ยประธานสภาฯ

นอกจากนี้ผู้ดำเนินรายการได้กล่าวถึงคอลัมน์ “กรองกระแส” ในหนังสือพิมพ์ไทยโพสต์ ที่เขียนถึง กกต.คนหนึ่งหน้าจืดๆ เวลาพูดกับใครไม่ค่อยกล้ามองตา ได้ไปเจรจากับประธานสภาฯ ที่โรงแรมแห่งหนึ่ง ซึ่ง กกต.คนนี้จะเป็นใครให้สังเกตกันเอาเอง

ส่วนคดีนอมินีนั้น แม้จะมีข่าวโครมๆ ว่า ส.ส.บินไปขอตำแหน่งกับใคร กกต.ก็ยังเฉย ซึ่งจริงๆ แล้ว พรรคพลังประชาชนยังน่าจะมีความผิดอีกคดี กรณี ร.ต.อ.เฉลบิม อยู่บำรุง ปราศรัยหาเสียงที่สนามหลวงง่า พ.ต.ท.ทักษิณจะกลับมาในวันที่ 14 ก.พ. แต่พอเลือกตั้งเสร็จกลับเลื่อนไปเป็นเดือนเมษายน และล่าสุดก็เลื่อนไปเป็นเดือนพฤษภาคม กรณ๊นี้น่าจะเข้าข่ายหลอกลวง หรือจงใจให้เกิดความเข้าใจผิดในคะแนนนิยม มีความผิดตามกฎหมายเลือกตั้ง

นอกจากนี้ ยังไม่เชื่อว่า พ.ต.ท.ทักษิณจะกลับมาจริงในเดือนพฤษภาคมต่อให้มีการโยกย้ายไว้พร้อมแล้ว นั่นเพราะ พ.ต.ท.ทักษิณกลัวกระบวนการยุติธรรม ดดยเฉพาะคดีที่ส่งถึงศาลแล้วคดีคดีปกปิดโครงสร้างผู้ถือหุ้นเอสซีแอสเซต ซึ่งหาก พ.ต.ท.ทักษิณกลับมา อาจไม่ได้กลับออกไปอีก










กำลังโหลดความคิดเห็น