ไฟเขียวเงินภาษีบาป อุดหนุน “ไทยทีบีเอส” เฟสแรก 340 ล้าน ขณะที่เงินเดือนผู้บริหาร 9 คน ได้แน่ๆ ถึงครึ่งแสน แต่ต้องรอกฤษฎีกา เผยโอนทรัพย์สิน “ทีไอทีวี” 4 พันล้าน ให้ไทยทีบีเอสแล้ว ส่วน “เฮลิคอปเตอร์” ต้องรอผู้บริหารใหม่ตัดสินใจเช่าต่อหรือไม่
วานนี้ (22 ม.ค.) นายโชติชัย สุวรรณาภรณ์ ผู้ช่วยโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุม ครม.เห็นชอบตามที่สำนักปลัดนายกรัฐมนตรี (สปน.) เสนอการจัดสรรทุนประเดิม จำนวน 340 ล้านบาทให้แก่องค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย (ส.ส.ท.) หรือสถานีไทยทีบีเอส ตามมาตรา 60 ของ พ.ร.บ.องค์การฯ โดย สปน.ในฐานะหน่วยงานธุรการของคณะกรรมการนโยบายชั่วคราวตามพ.ร.บ.องค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะ พ.ศ.2551 ได้มีหนังสือแจ้งเลขที่บัญชีธนาคารเพื่อให้กรมสรรพสามิตและกรมศุลกากรนำส่งเงินให้แก่องค์การฯ ตั้งแต่วันที่ 16 ม.ค. และ 17 ม.ค.51 ตามลำดับแล้ว
ทั้งนี้ ครม.ยังเห็นชอบตามร่างพระราชกฤษฎีกาค่าตอบแทนและค่าใช้จ่ายอื่นของประธานกรรมการนโยบาย กรรมการนโยบาย และกรรมการบริหารอื่นขององค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย พ.ศ.... ตามมาตรา 30 ของพ.ร.บ.องค์การฯ ทั้งนี้กำหนดถึงค่าตอบแทน เบี้ยประชุมและค่าใช้จ่ายอื่น ซึ่งเป็นการเทียบเคียงจากอัตราค่าตอบแทนคณะกรรมการธนาคารแห่งประเทศไทย โดยคณะกรรมการนโยบายถาวร 9 คน ประกอบด้วย ประธานกรรมการนโยบาย จะได้รับเงินเดือน 60,000 บาทต่อเดือน กรรมการนโยบาย และกรรมการบริหารอื่น ได้รับเงินเดือน 50,000 บาทต่อเดือน
นอกจากนี้ ยังรวมไปถึงคณะกรรมการนโยบายชั่วคราว จำนวน 5 คน ที่จะทำหน้าที่ในกรอบพ.ร.บ.องค์การ 180 วัน ก็จะได้รับเงินเดือนและค่าตอบแทนตามกรอบดังกล่าวด้วย โดยคณะกรรมการกฤษฎีกาจะให้ความเห็นชอบต่อไป
แจงที่มาที่ไปเงินภาษีบาป
รายงานข่าวแจ้งว่า กระทรวงการคลังยังมีแผนที่จะลดหย่อนภาษีให้กับเอกชนที่บริจาคอุดหนุนให้กับทีวีสาธารณะ โดยจะต้องนำเสนอให้คณะรัฐมนตรีอนุมัติอีกครั้ง อย่างไรก็ตามคลังได้ยอมตัดภาษีสุรา บุหรี่ 1.5% แต่ไม่เกิน 2 พันล้านบาท ให้กับทีวีสาธารณะ ซึ่งการขึ้นภาษีนี้ไม่ได้พ่วงกับอัตราภาษีที่เก็บอยู่เดิม ซึ่งขณะนี้ภาษีบุหรี่ได้มีการเก็บเต็มเพดานอัตราภาษีที่กำหนดไว้แล้ว โดยรัฐบาลในฐานะที่เป็นผู้นำเงินไปให้ ต้องมีหน้าที่ประเมินผลงานให้มีประสิทธิภาพ
ส่วนการลดหย่อนภาษีให้เอกชนที่บริจาคอุดหนุนทีวีสาธารณะ จะเป็นลักษณะเดียวกับการบริจาคทั่วไป คือ หักได้ตามจริง 1 เท่า ในส่วนของบุคคลธรรมดาไม่เกิน 10 % ของรายได้ และนิติบุคคลไม่เกิน 2 % ของกำไรสุทธิ ซึ่งจะต้องขอนโยบายจากกระทรวงการคลังต่อไปว่าจะให้นำไปรวมกับการบริจาคการกุศลทั่วไป หรือจะให้แยกส่วนออกมาต่างหาก เพื่อให้เอกชนหักลดหย่อนภาษีได้มากขึ้น ทั้งนี้ผู้มีหน้าที่ไม่ชำระภาษีให้ครบตามจำนวน ถือว่ามีความผิด และต้องเสียเงินเพิ่ม 1.5% ต่อเดือน ของเงินภาษีที่เสียไม่ครบนับตั้งแต่วันที่ต้องชำระ
รายงานข่าวแจ้งเพิ่มเติมว่า สำหรับภาษีที่เก็บเพิ่ม 1.5 % เป็นการเก็บเพิ่มจากมูลค่าภาษีที่เสียอยู่ในปัจจุบัน เช่น สุราต้องเสียภาษีสรรพสามิตขวดละ 100 บาท ก็ต้องเสียเพิ่ม 1.5 % ของ จำนวน 1.7 พันล้านบาท หากเกิน 2 พันล้านบาท ตามที่กฎหมายกำหนด ให้นำส่งส่วนที่เกินให้กระทรวงการคลัง
ทั้งนี้ นายฉลองภพ สุสังกร์กาญจน์ รมว.คลัง ได้ลงนามอนุมัติให้กรมสรรพสามิตเก็บภาษีสุรา และยาสูบเพิ่มขึ้นอีกร้อยละ 1.5 ของมูลค่าของภาษีที่เสียอยู่ในปัจจุบัน เพื่อนำเงินไปจัดตั้งกองทุนทีวีสาธารณะเมื่อตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้ว โดยการเก็บเงินภาษีดังกล่าว จะส่งผลให้ราคาบุหรี่เพิ่มขึ้น 0.50 - 1 บาทต่อซอง ขณะที่ราคาเหล้าจะปรับเพิ่มขึ้น 3 - 5 บาทต่อขวด
รอผู้บริหารใหม่ตัดสินใจเช่า“เฮลิคอปเตอร์”
แหล่งข่าวจากทำเนียบรัฐบาล เปิดเผยว่า ขณะนี้ กรมประชาสัมพันธ์ได้โอนทรัพย์สินของสถานีทีไอทีวีให้กับสถานีไทยทีบีเอสตั้งแต่วันที่ 16 ม.ค.ที่ผ่านมา โดย สปน.ได้รายงานว่า ทรัพย์สินของทีไอทีวีมีมูลค่ารวมกว่า 4,000 ล้านบาท ประกอบไปด้วย รถถ่ายทอดสด (รถโอบี) อุปกรณ์เทคนิค กล้องทีวี ฯลฯ ทั้งบนอาคารชินวัตร 3 และสถานีถ่ายทอดสัญญาณจากภูมิภาค
อย่างไรก็ตามทรัพย์สินนี้จะไม่ร่วมค่าเช่าเฮลิคอปเตอร์ และรถยนต์ ที่สถานีไอทีวี และสถานีทีไอทีวีเดิมเช่าไว้ แต่ขึ้นอยู่กับผู้บริหารไทยทีบีเอสจะเช่าต่อหรือไม่ นอกจากนี้ยังมีการโอนเงินจากค่าโฆษณา และรายได้อีกจำนวน 500 ล้านบาทไปแล้ว