“ยามเฝ้าแผ่นดิน” จี้ “สมชัย” เคลียร์ตัวเองกรณีสำนวนรั่ว พร้อมติง “ยุทธ ตู้เย็น” อย่ามัวแต่รอดูวีซีดี ถ้าไม่ได้ทำผิดต้องรีบให้ข้อมูล หนุน “สดศรี” เฉ่งเว็บไฮ-ทักษิณแพร่ข้อมูลเท็จ ฝากแง่คิดถึง “เสนาะ” เคยแหกคุกทักษิณ 3 ปีก่อนกำลังจะกลับเข้าไปอีก เตือนสติ “บรรหาร” สมุน “แม้ว” เล่นงานทั้งป๋าเปรม-ลูกสาวอ่วม ยังคิดผสมพันธุ์ พปช. กระตุกสำนึก “ประชัย” ทำ 1.5 ล้านเสียงผิดหวัง
คลิกที่นี่ เพื่อฟังรายการ ยามเฝ้าแผ่นดิน โดย คำนูณ สิทธิสมาน, ปานเทพ พัวพงษพันธ์, จินดารัตน์ เจริญชัยชนะ และสโรชา พรอุดมศักดิ์ ช่วงที่ 1
คลิกที่นี่ เพื่อฟังรายการ ยามเฝ้าแผ่นดิน โดย คำนูณ สิทธิสมาน, ปานเทพ พัวพงษพันธ์, จินดารัตน์ เจริญชัยชนะ และสโรชา พรอุดมศักดิ์ ช่วงที่ 2
รายการ “ยามเฝ้าแผ่นดิน” ออกอากาศทางเอเอสทีวี คืนวันที่ 10 ม.ค. นายคำนูณ สิทธิสมาน สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ นักวิชาการอิสระ นางสโรชา พรอุดมศักดิ์ และนางจินดารตัน์ เจริญชัยชนะ ร่วมดำเนินรายการ ในช่วงแรกได้กล่าวถึงกรณีที่นายวีระ สมความคิด ได้เข้ายื่นหนังสือต่อ กกต.ให้สอบสวนนายสมชัย จึงประเสริฐ กกต.ด้านสืบสวนสอบสวนและวินิจฉัย ฐานมีพฤติการณ์น่าเชื่อว่าทำสำนวนทุจริตการเลือกตั้ง ที่จ.เชียงราย รั่วไหลไปถึงนายยงยุทธ ติยะไพรัช ว่าที่ ส.ส.ระบบสัดส่วน กลุ่ม 1 พรรคพลังประชาชนว่า ล่าสุดนายสมชัยแสดงความไม่พอใจและตอบไม่ตรงประเด็นเมื่อถูกนักข่าวถามเรื่องนี้ นายสมชัยควรจะเปิดเผยรายละเอียด พร้อมแก้ต่างข้อกล่าวหา อย่ามัวแต่ทำอ้ำๆ อึ้งๆ ปิดหน้าปิดตาหลบนักข่าว มันเป็นภาพที่ไม่น่าจะเกิดขึ้น อดีตท่านเป็นถึงผู้พิพากษา ท่านน่าจะมีทางออกที่ดีกว่านี้
นอกจากนี้ กกต.ก็ต้องรีบพิจารณาข้อเท็จจริงอย่างเร่งด่วน อย่านึกว่าเป็นเรื่องภายในองค์กรแล้วไม่ต้องแก้ไข พฤติกรรมของนายสมชัย ที่แสดงออกมาในวันนี้ มันสอดคล้องกับกระแสข่าวลือการซื้อตัว กกต.จากพรรคพลังประชาชน กรณีสำนวนรั่วนั้น ถ้านายสมชัยไม่อยากตอบก็เปิดแถลงข่าวออกมาเลย อย่างไรก็ตาม หลายคนยืนยันว่านายสมชัยเป็นคนดีแต่พฤติกรรมที่ออกมานั้นชวนให้น่าสงสัย
**อัดยับ “ยุทธ ตู้เย็น” มัวขอดูวีซีดี ทั้งที่ความผิดสำเร็จแล้ว
ส่วนกรณีที่นายยงยุทธ เดินทางมา กกต.พร้อมกับเจ้าหน้าที่เทคนิคด้านการตัดต่อภาพและฟิล์ม เพื่อขอดูวีซีดีบันทึกภาพที่ตนเองจ่ายเงินให้กับหัวคะแนนที่โรงแรมใน กทม.นั้น ผู้ดำเนินการ มองว่า นายยงยุทธไม่สมควรมาขอดูอะไรจาก กกต.อีก เพียงแค่ทำหน้าที่ตอบข้อซักถามจาก กกต.ให้ครบถ้วนว่าวันที่เกิดเหตุเขาอยู่ที่ไหน เอาหลักฐานมา การดูวีซีดีคงไม่เกิดผลอะไร ถึงการตัดต่อภาพจะทำได้ แต่ความแนบเนียนไม่ทำได้เหมือนอย่างแน่นอน
ผู้ดำเนินรายการ กล่าวต่อว่า การที่นายยงยุทธออกมาตีโพยตีพายอ้างถูกล่อซื้อนั้นคงไม่ถูกต้องนัก เนื่องจากหากเกิดการล่อซื้อ แล้วมีคนไปซื้อจริงๆ ขั้นตอนทุกอย่างมันก็จบครบถ้วนกระบวนการเอาผิดได้ ถึงแม้จะเป็นการล่อซื้อก็ตาม ประเด็นที่สำคัญคงไม่ได้อยู่เพียงเท่านี้ ต้องจับตาดูว่ามติจาก กกต.ในวันที่ 11 ม.ค.จะเป็นอย่างไร จะนำไปสู่ขั้นตอนการพิจารณายุบพรรคพลังประชาชนได้หรือไม่ เชื่อว่าความชัดเจนต้องเกิดขึ้นอย่างแน่นอน
การทำผิดของนายยงยุทธนั้น แม้นายยงยุทธทำผิดคนเดียวแต่เมื่อประชาชนเลือกทุกคนในพรรคก็ได้ประโยชน์ เพราะฉะนั้นต้องให้ใบแดงทั้งพรรค อย่างไรก็ตาม ถือเป็นความโชคร้ายของประเทศไทย ที่ กกต.ประกาศรับรอง ส.ส.ระบบสัดส่วน กลุ่ม 1 ของพรรคพลังประชาชนอีก 4 คนไปแล้ว จึงทำให้เกิดปัญหาว่าจะเลือกตั้งใหม่อย่างไร
**จวก “ไฮ-ทักษิณ” มั่ว
นอกจากนี้ ผู้ดำเนินรายการ ยังกล่าวถึงกรณีที่เว็บไซต์ “ไฮ-ทักษิณ” ได้นำเสนอบทความอ้างความสัมพันธ์อันลึกซึ้ง ระหว่าง พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน รองนายกรัฐมนตรี กับนางสดศรี สัตยธรรม กกต.พร้อมแสดงเอกสารเบื้องลึก ยืนยันว่า พล.อ.สนธิ ขอตัว น.ส.กอนณา สัตยธรรม บุตรสาวของนางสดศรี ไปช่วยงานที่สำนักนายกรัฐมนตรี ทำเนียบรัฐบาล ว่า บทความที่เปิดเผยมานั้นไม่เป็นความจริงแม้แต่นิดเดียว โดยเฉพาะบุตรสาวของนางสดศรี คงไม่มาทำงานในตำแหน่งอย่างนี้แน่ อีกทั้งไม่ทิ้งตำแหน่งผู้พิพากษามานั่งทำงานหน้ารัฐมนตรีที่กำลังจะหมดวาระ เชื่อว่า การเปิดเผยข้อมูลเว็บไซต์ “ไฮ-ทักษิณ”เชื่อถือไม่ได้ เป็นเรื่องที่ถูกต้องแล้วที่นางสดศรีเรียกร้องให้ผู้จัดทำเว็บไซต์ดังกล่าวเปิดเผยตัวออกมา แต่ก็น่าสงสัยที่เว็บไซต์นี้ยังเปิดอยู่ได้
**ฝากแง่คิด “เสนาะ-บรรหาร-ประชัย”
ในช่วงที่ 2 ของรายการ นายปานเทพได้กล่าวถึงการเดินทางไปประเทศอินเดียในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมาว่า ทำให้เห็นสัจจธรรมหลายๆ อย่าง แต่ไม่แน่ใจว่านักการเมืองหลายคนที่ไปอินเดียในช่วงนี้จะเห็นอะไรหรือไม่ ไม่ส่าจะเป็นนายเสนาะ เทียนทอง นายสุธรรม แสงประทุม นายเนวิน ชิดชอบ ซึ่งคนเหล่านี้มักจะไปแสวงหาบุญเพื่อให้ตัวเองกลับมาแล้วมีอำนาจ โดยเฉพาะนายเนวินนั้นทราบว่าได้สวดมนต์นับพันๆ จบ แต่ไม่รู้ว่าจะเข้าถึงสัจจธรรมอะไรหรือไม่
นายปานเทพ กล่าวต่อว่า ตนไปอินเดียคราวนี้ได้เห็นถึงความไม่เที่ยงของชีวิต เห็นความทุกข์ยากของชาวอินเดีย ที่มีเด็กๆ วิ่งขอทานจากนักท่องเที่ยวจนกระทั่งเหยียบกันตาย เมื่อเทียบกับประเทศไทยถือว่าเรามีความสุขมาแล้ว และอยากให้นักการเมืองที่ไปอินเดียได้คิดว่าชีวิตคนเราไม่ได้ยืนยาวมาก การทำอะไรที่ไม่ทรยศต่อตัวเรา น่าจะเป็นการกระทำที่มีคุณค่ามากที่สุด
หลังจากนั้น นายปานเทพได้ฝากข้อคิดถึงนักการเมือง 3 คน คือ นายเสนาะ เทียนทอง หัวหน้าพรรคประชาราช นายประชัย เลี่ยวไพรัตน์ หัวหน้าพรรคมัชฌิมา และนายบรรหาร ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทย ซึ่งกำลังจะร่วมรัฐบาลกับพรรคพลังประชาชน โดยนายเสนาะนั้น เคยบอกว่าอยู่ในพรรคไทยรักไทยแล้วมีความอึดอัดเหมือนติดคุกถึงกับลุกขึ้นอภิปรายโจมตี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ในสภาอย่างรุนแรง เมื่อเดือนมิถุนายน 2548 ซึ่งนายสนธิ ลิ้มทองกุล ได้กล่าวในรายการเมืองไทยรายสัปดาห์ว่า เป็นเพราะนายเสนาะได้เห็นอะไรมามากและเห็นว่าตัวเองอายุมากแล้วจึงคิดจะสร้างชื่อเสียงในวงการบ้าง ซึ่งการออกมาจากพรรคไทยรักไทยครั้งนั้นเหมือนกับเป็นการขับรถบรรทุก 30 ตันแหกคุกออกมา เพื่อมาเป็นวิญญาณเสรี แต่วันนี้นายเสนาะกำลังจะกลับเข้าคุกอีก
นอกจากนี้ เมื่อวันที่ 15 ส.ค.47 นายเสนาะยังเคยพูดเตือนนักการเมืองรุ่นน้องว่าคนเราต้องทำตัวเหมือนภูผา ลมมา ฝนมาต้องรับได้ แม้กระทั่งฉี่หมาก็ต้องรับ และเมื่อยืนหยัดสิ่งใดแล้วต้องไม่ถอย ถ้าถอยมาก็เป็นหมา เพราะฉะนั้นหากนายเสนาะกลับไปหา พ.ต.ท.ทักษิณจะถูกหาว่าเป็นหมาหรือไม่
อย่างไรก็ตาม นายเสนาะยังมีเวลา เพราะถือว่าขณะนี้ยังไม่ได้เข้าร่วมรัฐบาลเป็นทางการ นายเสนาะไม่ต้องอ้างเรื่องเศรษฐกิจเรื่องบ้านเมืองเพื่อเข้าร่วมรัฐบาล เพราะประชาชนไม่โง่ นายเสนาะเคยพูดไว้ก่อนวันเลือกตั้งว่าสามารถร่วมงานกับทุกพรรคได้ยกเว้นพรรคพลังประชาชน และรู้อยู่ว่าใครอยู่เบื้องหลังนักการเมืองกลุ่มนี้
นายปานเทพย้ำว่า หากนายเสนาะไปร่วมรัฐบาลกับพรรคพลังประชาขนจะให้สิ่งที่นายเสนาะต่อสู้มา 2 ปีสูญเปล่า และนายเสนาะน่าจะรู้ตัวเองดีว่าทำอะไรลงไป นายเสนาะจะพูดอะไรกับประชาชน หรือพูดอะไรสื่อก็ได้ แต่ทรยศใจตัวเองไม่ได้ และบาปจะติดตัวไปตลอดชีวิต
ส่วนนายประชัยนั้น นายปานเทพเปิดเผยว่า ได้ให้ลูกน้องโทรศัพท์มาชี้แจงว่าการเข้าร่วมกับพรรคพลังประชาชนนั้นเป็นเรื่องของนางอนงค์วรรณ เทพสุทิน เลขาธิการพรรคฯ ที่ไปติดต่อ และเสียใจที่ถูกผู้ดำเนินรายการเอเอสทีวีพูดถึงในทางที่ไม่ดี และเสียใจที่เคยสนับสนุนเอเอสทีวี
นายปานเทพ กล่าวว่า ไม่สำคัญว่านายประชัยจะยังสนับสนุนเอเอสทีวีอยู่หรือไม่ แต่การสนับสนุนเอเอสทีวีของนายประชัยที่ผ่านมามีได้ 2 อย่าง คือ สนับสนุนเพื่อเป้าหมายของชาติ หรือ เป้าหมายเพื่อตัวเอง นายประชัยหวังที่จะได้คืนได้ แต่คำถามคือว่า จะเอาบ้านเมืองเป็นที่ตั้ง หรือเอาตัวเองเป็นที่ตั้ง
นายประชัยไม่มีอำนาจในพรรคก็น่าเห็นใจ แต่นายประชัยก็มีสิทธิที่จะยืนหยัดในจุดยืนของตัวเอง นายประชัยกลับเปลี่ยนจุดยืนไปให้สัมภาษณ์ว่าไม่อยากเป็นศัตรูกับทักษิณแล้ว อ้างว่าที่ถูกตัดสินจำคุกเพราะมีผู้ใหญ่บางคนสั่งลงมา เท่ากับว่ามีศัตรูคนเดียวกันกับทักษิณ ดังนั้นจะไปร่วมรัฐบาลกับพลังประชาชน จะไม่โจมตีทักษิณอีกแล้ว และให้ทุกคนที่อยู่ในพรรคเลิกโจมตีทักษิณด้วย
“ก็อยากจะถามคุณประชัยว่า ที่ตั้งวิทยุ 92.25 ขึ้นมาวิพากษ์วิจารณ์ทักษิณอย่างถึงที่สุดนั้น ถึงวันนี้อยากถามว่า ยังมีคนที่เคยจัดรายการเหลืออยู่กี่คน คุณประชัยตอบตัวเองได้ไหม แล้วที่ว่าเสียใจที่เคยสนับสนุนเอเอสทีวี แล้ว 1 ล้าน 5 แสนคนที่เลือกพรรคมัชฌิมาฯ จะไม่เสียใจหรือ คนจำนวนนี้ไม่ใช่น้อยๆ คุณประชัยทรยศต่อ 1 ล้าน 5 แสนค แล้วคิดว่าจะคุมส.ส.ของพรรคที่มีอยู่ 5 คนได้ไหม แล้วจุดยืนจะอยู่ที่ไหน”
ส่วนนายบรรหารนั้น นายปานเทพได้ตั้งคำถามว่า ยังคิดจะร่วมรัฐบาลกับพรรคพลังประชาชนอยู่หรือ ทั้งที่เว็บไซต์ไฮ-ทักษิณยังคงโจมตี พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ อย่างรุนแรง นายบรรหารเคยบอกว่าจะไม่ทำให้ผู้ใหญ่ที่นับถือกันมา 30 ปี แล้วตอนนี้นายบรรหารทำอะไร
เท่านั้นยังไม่พอเว็บไซต์ไฮ-ทักษิณโดย “นายประดาบ” ยังโจมตีไปถึงนางสาวกัญจนา ศิลปอาชา ลูกสาวนายบรรหาร ถึงขั้นจะเอาป้าย “อีปลาไหล” ไปแขวนคอนางสาวกัญจนาถ้าเข้าร่วมรัฐบาล
ผู้ดำเนินรายการ กล่าวต่อว่า คนทั่วไปค่อนข้างจะหว้งว่า นางสาวกัญจนนานั้น เป็นความหวังใหม่ของพรรคชาติไทย เพราะตั้งแต่นางสาวกัญนาเข้ามา ทำให้นายบรรหารนิ่งขึ้น ภาพลักษณ์ของชาติไทยดูดีขึ้น แต่ขณะนี้ไม่รู้ว่านางสาวกัญจนาทำอะไรไปด้วยความเต็มใจหรือเปล่า เป็นเพราะพ่อหรือเปล่า
นายปานเทพกล่าวว่า หากข่าวเกี่ยวกับตัวเลขค่าตัว ส.ส.คนละ 20 ล้านเป็นจริง ถ้าเขาได้ 740 ล้าน มันจะคุ้มหรือไม่กับการที่ลูกสาวถูกกระทำแบบนี้ ซึ่งเงินหมื่นล้านก็ซื้อไม่ได้ ถ้าไปต่างประเทศจะมีความสุขหรือไม่ แล้วกลับเข้ามาจะมีความสุขไหม ลูกสาวจะทนแรงต่อต้านจากสังคมได้หรือไม่
ด้านนายคำนูณ กล่าวว่า นักการเมืองเป็นมนุษย์อีกพันธุ์หนึ่งที่ต่างจากพวกเรา บรรยากาศที่เกิดขึ้นแบบนี้ทำให้เกิดการปฏิรูปทางการเมืองช่วงปี 2535-2540 มาแล้ว แต่คนอย่างพวกเขาไม่ได้คิดแบบเรา ถ้าไปถามเขาว่า 740 คุ้มไหม เขาก็อาจจะบอกว่าคุ้ม
ในช่วงท้ายรายการนายคำนูณได้กล่าวลากับผู้ชม เพื่อเข้ารับการเสนอชื่อเป็นสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ในประเภทสรรหา ซึ่งแม้กฎหมายจะไม่ห้ามการจัดรายการทีวี แต่ก็อยากจะถือเสมือนว่าอยู่ในกระบวนการเลือกตั้งประเภทหนึ่ง แต่แทนที่ประชาชนเลือกก็เป็นกรรมการสรรหา 7 คนเลือก หากยังใช้สถานภาพออกหน้าจออยู่ก็จะไม่เป็นธรรมกับคนอื่นๆ จึงขอลาชั่วคราวจนกว่ากระบวนการสรรหาจะแล้วเสร็จราวปลายเดือน ก.พ. หลังจากนั้นจะพิจารณาอีกครั้ง
คลิกที่นี่ เพื่อชมวิดีโอคลิป
รายการยามเฝ้าแผ่นดิน ช่วงที่ 1
( 56 k ) | ( 256 K )
คลิกที่นี่ เพื่อชมวิดีโอคลิป
รายการยามเฝ้าแผ่นดิน ช่วงที่ 2
( 56 k ) | ( 256 K )