“ยงยุทธ” โวยขอดูวีซีดีร้องเรียนแต่ล่องหน แจงทำโดยกระบวนการนกต่อมุ่งใส่ร้าย โวยแหลกถูกอำนาจรัฐข่มขู่คุกคามต่อเนื่อง ปัดข่าวล่วงรู้สำนวนสอบเชียงรายก่อนชี้แจง ฟุ้งปูดบิ๊กตำรวจ ส. หลัง กกต.วินิจฉัย
วานนี้ (9 ม.ค.) เวลา 16.00 น.นายยงยุทธ ติยะไพรัช รองหัวหน้าพรรคพลังประชาชน เดินทางเข้าพบกรรมการ กกต.เพื่อขอดูวีซีดีที่มีการกล่าวหาว่านายยงยุทธกระทำผิดกฎหมายเลือกตั้งด้วยการพานัดพบปะผู้นำชุมชนในพื้นที่ จ.เชียงราย เพื่อแจกเงินซื้อเสียง จากนั้นนายยงยุทธแถลงว่า ตนเดินทางมาพร้อมผู้เชี่ยวชาญด้านการตัดต่อเทป เพื่อขอดูวีซีดีที่มีการกล่าวหาตน แต่ปรากฏว่าวีซีดีดังกล่าวล่องหนไป โดยทาง กกต.ระบุว่าวีซีดีดังกล่าวอยู่ในความดูแลของเจ้าหน้าที่ตำรวจสันติบาลที่ทำสำนวน ซึ่งได้พยายามโทรศัพท์ไปให้เจ้าหน้าที่ตำรวจผู้นำนำซีดีมาให้ตนดู เพราะถือเป็นสิทธิของผู้ถูกกล่าวหาที่จะได้ดูหลักฐานเพื่อจะได้แก้ข้อกล่าวหาได้ แต่ปรากฏว่าไม่สามารถติดต่อได้เพราะปิดเครื่องโทรศัพท์ ตนจึงอยากเรียกร้องให้ผู้ที่ถือวีซีดีดังกล่าวนำซีดีมาคืนเพื่อจะได้ให้เกิดความชัดเจน อย่างไรก็ดี ทาง กกต.ระบุว่าจะยังไม่พิจารณาสำนวนกรณีของตนจนกว่าจะมีข้อมูลชัดเจนและรับฟังคำชี้แจงจากตนเรียบร้อยแล้ว จึงรู้สึกสบายใจขึ้นกับการทำงานของ กกต.
ผู้สื่อข่าวถามว่า หากวีซีดีดังกล่าวหายไปจริงจะเป็นผลดีกับการพิจารณาสำนวนของนายยงยุทธหรือไม่ นายยงยุทธ กล่าวว่า ตนอยากเรียกร้องให้นำซีดีดังกล่าวออกมาเปิดเผยข้อมูลให้ชัดเจนว่าอะไรเป็นอะไร เพราะตอนนี้สังคมสับสนกันหมดแล้ว ประชาชนที่รับฟังข่าวสารก็ไม่รู้ว่าอะไรจริงหรือเท็จ ตนก็อยากจะดูเหมือนกันว่าซีดีที่ถ่ายทำแล้วบอกว่าเป็นการขนกำนัน-ผู้ใหญ่บ้านขึ้นเครื่องมาเพื่อรับเงินนั้นข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร เมื่อถามว่ายังยืนยันหรือไม่ว่าซีดีดังกล่าวเป็นการตัดต่อเพื่อใส่ร้าย นายยงยุทธ กล่าวว่า ตอนนี้ตนไม่อยากกล่าวหาหรือใส่ร้ายใคร ขอให้ข้อมูลออกมาให้ชัดเจนก่อน ตอนนี้ตนบอกได้เพียงว่าทั้งหมดเป็นขบวนการที่ใช้นกต่อ ซึ่งเป็นหัวคะแนนของพรรคไหนหากถามในพื้นที่ก็จะรู้ดีมาเพื่อใส่ร้ายตน ซึ่งหากดูข้อเท็จจริงจะเห็นว่าคำให้การของพยานที่ระบุออกมาก็เป็นการใช้อำนาจรัฐกดดันพยาน มีการพิมพ์คำให้การเป็นรูปแบบเดียวกันแล้วมาข่มขู่ให้พยานเซ็น จนพยานหลายคนที่ใกล้ชิดกับตนไม่ยอมเซ็นจนต้องหนีหายจากพื้นที่ไป แล้วก็มีความพยายามจะบอกว่าตนอุ้มพยานไป ทั้งที่พยานทุกคนก็ยังอยู่ดี แล้วเมื่อวันที่ 8 ม.ค.ก็มาให้การกับ กกต. สีหน้าก็ยิ้มแย้ม เพียงแต่กลัวอำนาจรัฐเท่านั้น
เมื่อถามว่า แสดงว่าอำนาจรัฐเข้าไปข่มขู่คุกคามมาก นายยงยุทธ กล่าวว่า ขนาดน้องสาวของตนเวลากลับจากหาเสียงยังต้องขับรถเข้าหลังบ้าน ซึ่งที่ผ่านมาตนไม่เคยขออะไรมาก ครั้งปฏิวัติก็มีการจับกุมคุมขังโดยไม่มีการแจ้งข้อกล่าวหา แต่ก็ไม่ว่าอะไร เพราะอยากเห็นบ้านเมืองสงบเรียบร้อย แต่พอมาถึงการเลือกตั้งครั้งใหม่ ตนก็กลายเป็นเป้าหมายมาโดยตลอด แต่ก็ไม่เคยตอบโต้ ซึ่งเคยบอกแล้วว่าตำแหน่งแห่งหนของตนไม่เคยสนใจเลย จะมีตำแหน่งหรือไม่ก็ตาม แต่เรื่องของศักดิ์ศรีของตนบางทีก็ต้องขอไว้บ้างเช่นกัน
ต่อข้อถามว่า การถอด พล.ต.ต.ชัยยะ ศิริอำพันธุ์กุล รอง ผบช.ส.ออกจากชุดสอบสวนสำนวนคดีเชียงราย เป็นคำขอของนายยงยุทธหรือไม่ นายยงยุทธ กล่าวว่า ใช่ เพราะตนไม่สบายใจ เนื่องจากในพื้นที่มีการให้นายตำรวจยศ พ.ต.อ.พิเศษ เข้าไปกดดันกำนัน-ผู้ใหญ่บ้านเพื่อให้มาใส่ร้ายตน จึงขอให้ถอดออกจากการเป็นพนักงานสอบสวน เมื่อถามต่อว่า มีการระบุว่ามีสำนวนการสอบสวนของชุดสันติบาลรั่วออกไปถึงมือนายยงยุทธ นายยงยุทธ กล่าวว่า ไม่มี ตนไม่เคยเห็นสำนวนใดๆ ทั้งสิ้น ขนาดวีซีดีที่บอก ตนอยากดูจะตาย ยังไม่เคยได้เห็นเลย แล้วเวลาที่มีข่าวรั่วออกไป ตนกลับรู้ทีหลังที่นายถาวร เสนเนียม รองเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์แถลงเสียอีก ถ้ารั่วจริงก็ต้องมาที่ตน ไม่ใช่ไปที่พรรคประชาธิปัตย์
นายยงยุทธ ยังกล่าวถึงขบวนการใส่ร้ายที่ จ.เชียงราย โดยใช้แผนภูมิภาพประกอบ โดยระบุว่า แผนการใส่ร้ายตนเริ่มจากผู้บงการคนหนึ่งซึ่งเป็นคนที่เคยบงการให้ยิงระเบิดเอ็ม 79 เข้าหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ เป็นนายใหญ่ ซึ่งคดีดังกล่าวยังมีอายุความอยู่ แล้วสั่งการหางบประมาณด้านการประชาสัมพันธ์การเลือกตั้งให้กับตำรวจสันติบาลบางคนที่ได้รับเงินไปคนละ 35 ล้านบาทเพื่อเป็นค่าใช้จ่าย เบี้ยเลี้ยงอะไรต่างๆ รองลงมาเป็นระดับปฏิบัติงาน คือพล.ต.ท.ส. ที่เคยปาระเบิดเข้าหนังสือพิมพ์ข่าวสด เมื่อตอนที่นายถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจในสภา และชอบอุ้มฆ่า อีกคน คือ พล.ต.ต.ช. ที่ร่วมกับ พล.ต.ท.ส. สร้างพยานหลักฐานเท็จโดยใช้เครือข่ายสันติบาลในพื้นที่ โดยไปใช้ตัวบุคคลที่มีปัญหาทางกฎหมายมาเป็นนกต่อ นอกจากนี้ยังมี พ.ต.ท.พิเศษ ธ. ที่ทำหน้าที่ข่มขู่กดดันผู้นำชุมชนในพื้นที่เพื่อมาใส่ร้ายตน นอกจากนี้ เมื่อระดับปฏิบัติการทั้ง 3 ส่งข้อมูลไปยังผู้บงการ ก็ยังมีหน้าที่อีกอย่างคือ ปล่อยข่าวว่า กกต.รับเงิน เพื่อกดดันการวินิจฉัยของกกต. ว่าหากพิจารณาว่าตนไม่มีความผิดก็แสดงว่ารับเงิน นอกจากนี้ตัวผู้บงการยังสั่งงานไปยังลูกพรรคตัวเอง ให้ออกมาแถลงขย่มเหตุการณ์รายวันอีก
“ความจริงผมยังไม่อยากเปิดเผย เพราะเกรงว่าจะกดดัน กกต. แต่เมื่อเป็นมากดดันกันทุกวิธีเช่นนี้ก็ต้องพูดออกไปบ้าง ผมยังมีอีกชาร์ทหนึ่ง ที่จะเปิดเผยชื่อทุกคน ต้องทำให้รู้ว่ามีคนที่ไม่กลัวคนพวกนี้อยู่ ถ้าผมโดนใบแดงก็ดี จะได้ว่างงาน มาไล่บี้กับคนพวกนี้ โดยเฉพาะพล.ต.ท.ส.ที่ชอบอุ้มฆ่า นี่สำคัญ พูดเสมอว่าในประเทศนี้ไม่เคยกลัวใคร ก็ขอให้เจอกันสักที และไม่ว่ากกต.จะพิจารณาผลเป็นอย่างไร ผมจะถูกใบแดง ใบเหลือง หรือยกคำร้อง ผมก็ต้องเปิดเผยชื่อทั้งหมดว่าคนพวกนี้กำลังทำอะไรอยู่ หากจะต้องฟ้องร้องกันก็เอา” นายยงยุทธกล่าว