ราชบัณฑิตเตรียมพร้อม เปลี่ยนชื่อ “คางคก” เป็น “คางคุก”

วันพุธที่ 22 สิงหาฯ นี้ ราชบัณฑิตเตรียมเปลี่ยนชื่อเรียก "คางคก" ซึ่งใช้กันมาตลอด ให้เป็น "คางคุก"

กรุงเทพฯ - เหล่านักปราชญ์-ราชบัณฑิต นัดหารือกันในที่แจ้ง ระดมสมองครั้งใหญ่ให้สมกับการปรับแปลงหนสำคัญ สรุปตรงกันให้เปลี่ยนชื่อ “คางคก” เป็น “คางคุก” ภายในวันที่ 22 สิงหาคมนี้ ชี้เหมาะสมด้วยประการทั้งปวง

วานนี้ที่บริเวณท้องสนามหลวง ท่ามกลางแสงแดดเปรี้ยงผสมม่านฝนที่หล่นพรมเป็นพักๆ บรรดานักปราชญ์ ราชบัณฑิต รวมทั้งนักคิดระดับหัวกะทิของประเทศ นัดหารือร่วมกันด้วยบรรยากาศโล่งโจ้ง เนื่องจากต้องการเปิดเผยทุกขั้นตอนในการประชุมครั้งสำคัญให้ประชาชนที่สนใจใคร่รู้ ได้มีโอกาสรับรู้ถึงสาระของการประชุมอย่างไม่มีการปิดกั้น หากผู้ใดประสงค์จะโต้เถียง หรือแสดงทัศนะโต้แย้งสนับสนุน ทุกท่านที่ร่วมประชุมหารือก็ยินดีรับฟังและนำไปพิจารณาถ้าเป็นเหตุผลที่เพียงพอ

สำหรับการนัดประชุมหารือของเหล่านักปราชญ์ราชบัณฑิตจากทั่วสารทิศในวาระนี้ ก็เพื่อพิจารณาหาข้อยุติตามที่มีหลายคนเสนอแนะเข้ามาว่าสมควรแก่เวลาอันเป็นอัปมงคลเต็มแก่แล้ว ต่อการที่จะต้องเปลี่ยนชื่อให้สัตว์ครึ่งคน เอ้ย! สัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำอย่างคางคก เปลี่ยนชื่อเรียกเสียใหม่เป็น “คางคุก” เนื่องเพราะมีความเหมาะควรเกินกว่าใครจะโต้เถียงขัดแย้ง แม้ที่ผ่านมาคนไทยทุกเพศทุกวัยไม่มีใครไม่รู้จักคางคก แต่สมัยนี้มีอะไรๆ ที่จำเป็นให้เรียกว่าคางคุกจะถูกต้องตรงเผงกว่า “คางคกส่วนมากอยู่บนดิน แต่ก็สามารถอยู่ในน้ำได้ แต่สมัยใหม่ ไอ้เจ้าสัตว์ที่ว่านี้นอกจากไม่ อาศัยอยู่ในน้ำยามอยากรับประทานสาวกสาวๆ แล้ว ยังต้องเข้าไปพำนักพักอาศัย สะกดจิต และทำใจอยู่ ในตะรางอย่างน้อยก็ 2-3 ปี ในกรณีที่ได้รับอภัยโทษ แต่ถ้ายังไม่สำนึกอาจถึงขั้นตายในคุกเลยก็ว่าได้ นี่จึงเป็นที่มาที่ไปของการเปลี่ยนชื่อคางคกเป็นคางคุก” ราชบัณฑิตท่านหนึ่งเผย

สำหรับคางคุกนี้จะถูกบรรจุไว้ในพจนานุกรมฉบับใหม่ ความว่า “คางคุก เป็นชื่อของสัตว์เลื้อยคลานประเภทหนึ่ง หางแดง ตัวใหญ่ ผิวดำ นัยน์ตาโต ขี้โม้ โกหกเก่งเป็นที่หนึ่ง นิยมสมสู่กับเพศตรงข้ามกลางชายหาด รับประทานเงินเป็นอาหาร เกลียดอำมาตย์เป็นบางที เพราะบางหนก็แปลงร่างเป็นอำมาตย์ซะเองได้ นิสัยเหมือนจะดุร้าย แต่กลัวตาย (ห่า) เป็นที่ 1 ชมชอบความฉิบหายวายวอดของบ้านเมือง ศรัทธาประชาธิปไตยในระบอบทักษิณจนโงหัวไม่ขึ้น ก่อนจะกลายพันธุ์เป็นคางคก มันเคยเป็นขอทานหน้ารามฯ จากนั้นผันสปีชีส์เข้าสู่ยุคแม้วครองเมือง ต่อมาแปรสภาพจากสัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำเป็นสัตว์ครึ่งคน อาศัยอยู่ในตะราง กระทั่งต้องเปลี่ยนชื่อเรียกเป็นคางคุก”