กองทัพเรือตรวจพบทุ่นระเบิดสังหารเกลื่อนบ้านหนองรี (บ้านสามหลัง) ทั้ง PMN-2 และทุ่นระเบิดดัดแปลง สภาพใหม่ ไม่สามารถตีความได้ว่าเป็ฯระเบิดตกค้างตามที่กัมพูชาอ้าง หลักฐานชี้ชัดเขมรละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศ
วันที่ 29 ธ.ค.พลเรือตรี ปารัช รัตนไชยพันธ์ โฆษกกองทัพเรือ เปิดเผยว่า ตามที่กองทัพเรือ โดยกองบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด (กปช.จต.) ได้ดำเนินการเข้าควบคุมและเคลียร์พื้นที่บริเวณ บ้านหนองรี (บ้านสามหลัง) นั้น ปรากฏในช่วงหลายวันที่ผ่านมา หน่วยปฏิบัติการทุ่นระเบิดด้านมนุษยธรรม กองทัพเรือ (นปท.2/นปท.ทร.) ได้ตรวจพบทุ่นระเบิดสังหารบุคคลและทุ่นระเบิดดัดแปลงอีกเป็นจำนวนมากในพื้นที่ดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง โดยก่อนหน้านี้ นปท.ทร. ร่วมกับทหารช่างจากหน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน ได้พบหลักฐานชิ้นสำคัญ ได้แก่ คู่มือการใช้งานทุ่นระเบิดสังหารบุคคลแบบ PMN-2 และแผนที่การวางสนามทุ่นระเบิดโดยรอบฐานบ้านหนองรี ซึ่งเป็นหลักฐานที่มีความชัดเจน สอดคล้องกัน และเชื่อมโยงโดยตรงกับการวางกำลังของทหารกัมพูชาในพื้นที่นี้
หลักฐานทั้งหมดไม่สามารถตีความได้ว่าเป็น “ทุ่นระเบิดเก่าที่ตกค้างจากอดีต” ได้เลย ตามที่ฝ่ายรัฐบาลกัมพูชาได้กล่าวอ้างมาโดยตลอด หากแต่เป็นการยืนยันอย่างชัดแจ้งว่า กองทัพกัมพูชามีเจตนา ใช้ และสะสมทุ่นระเบิดสังหารบุคคลมาอย่างต่อเนื่องและเป็นระบบ การกระทำดังกล่าวถือเป็นการ ละเมิดกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศอย่างร้ายแรง และเป็นการฝ่าฝืนพันธกรณีตาม อนุสัญญาว่าด้วยการห้ามใช้ สะสม ผลิต และโอนทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ค.ศ.1997 (Ottawa Convention) ซึ่งกัมพูชาเป็นรัฐภาคีและมีหน้าที่ต้องปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด จากข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานที่ปรากฏอย่างเป็นรูปธรรม คำชี้แจงของฝ่ายกัมพูชาที่ผ่านมา ไม่สอดคล้องกับสถานการณ์จริงในพื้นที่ และเป็นที่น่าตั้งคำถามอย่างยิ่งว่า ประชาคมระหว่างประเทศจะยังสามารถเชื่อถือถ้อยแถลงดังกล่าวได้อีกหรือไม่
กองทัพเรือจะยังคงดำเนินการตรวจสอบ เก็บกู้ และรวบรวมพยานหลักฐานอย่างรอบคอบ พร้อมยึดมั่นในหลักกฎหมายระหว่างประเทศ เพื่อปกป้องความปลอดภัยของกำลังพลและประชาชนอย่างสูงสุด


