xs
xsm
sm
md
lg

“FoodX – Premiumization Day 2025” เวทีระดมคีย์แมนระดับประเทศครั้งใหญ่ ถกปัญหาอุตสาหกรรมอาหารไทย

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



เมื่อวันที่ 3 ธันวาคม 2568 FoodX Media จับมือพันธมิตรเชิงกลยุทธ์ ประกอบด้วย Food Innopolis เครือข่ายมหาวิทยาลัยเพื่อการวิจัย (RUN) สถาบันอาหาร (NFI) และสถาบันไทย–เยอรมัน (TGI) จัดงาน “FoodX – premiumization Day 2025” ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ กรุงเทพมหานคร โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อระดมงานวิจัยและเพื่อเป็นเวทีสำคัญของอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่มสำเร็จรูป ที่มุ่งเน้นกลยุทธ์ “Premiumization” หรือการยกระดับผลิตภัณฑ์ธรรมดาให้เป็นสินค้าที่มีคุณค่า

กลยุทธ์ “Premiumization” หรือการยกระดับผลิตภัณฑ์ธรรมดาให้เป็นสินค้าที่มีคุณค่า แตกต่าง และสร้างประสบการณ์ที่ผู้บริโภคยินดีจ่ายมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการเน้นสุขภาพ ความยั่งยืน รสชาติที่แปลกใหม่ หรือการเล่าเรื่องราวของแบรนด์อย่างมีเอกลักษณ์ ท่ามกลางแรงกดดันด้านต้นทุน การแข่งขันที่รุนแรง และความต้องการผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว กลยุทธ์ Premiumization จึงเป็นกุญแจสำคัญที่จะช่วยให้ผู้ประกอบการอาหาร รักษาอัตรากำไร เพิ่มความภักดีต่อแบรนด์ขยายโอกาสสร้างการเติบโตทั้งในและต่างประเทศให้กับธุรกิจในอนาคต
รศ.ดร.ชาลีดา บรมพิชัยชาติกุล ผู้อำนวยการสำนักงานเครือข่ายพันธมิตร มหาวิทยาลัยเพื่อการวิจัย (Research University Network: RUN)ให้สัมภาษณ์ว่า เครือข่ายพันธมิตรมหาวิทยาลัยเพื่อการวิจัย เป็นการรวมตัวของ 8 มหาวิทยาลัยวิจัยชั้นนำของประเทศ จุฬา ธรรมศาสตร์ เกษตรศาสตร์ เชียงใหม่ สงขลานครินทร์ ขอนแก่น และมหาวิทยาลัยนเรศวร เพื่อแชร์องค์ความรู้ เพื่อขับเคลื่อนความสามารถในการแข่งขันเริ่มต้นจากอุตสาหกรรมอาหารให้กับประเทศ ในรูปแบบต่าง ๆ RUN มาพูดคุยกับผู้ประกอบการ จากที่มองเห็นปัญหาด้วยกันว่า ทำไมอาหารไทยถึงไปไม่สุด ทำไมอาหารไทยยังติดอยู่กับดักรายได้ปานกลาง ผลิตแค่วัตถุดิบไม่มีการแปรรูป

"เราร่วมกันถ่ายทอดองค์ความรู้จากฝั่งสุขภาพ ไปสู่ฝั่งภาคอุตสาหกรรม เพราะมันไม่มีเวทีที่ทำให้เรามาเจอกันมาคุยกัน เป็นวัตถุประสงค์ที่เราเห็นว่าการที่นักคิดนักวิจัยมีเวทีสามารถคุยกับผู้ประกอบการได้อย่างเปิดเผย นั่งโต๊ะกลมถกกันเลย ไม่ต้องมาพรีเซนต์ผลงานวิจัยใด ๆ แต่ว่ามีผลงานเป็นตัวอย่างให้เห็น " รศ.ดร.ชาลีดา กล่าวพร้อมระบุว่า งานนี้จะทำให้เราเข้าใจผู้ประกอบการมากขึ้น รู้ว่าปัญหาของท่านคืออะไร และงานวิจัยตอบโจทย์ปัญหาของผู้ประกอบการได้จริงๆ จะไม่มีคำว่าขึ้นหิ้งแต่วันนี้จะไปสู่ห้าง ก็คือไปแก้ไขปัญหาของผู้ประกอบการ แล้วนำไปสู่การใช้ประโยชน์และมีผลต่อการสร้างโซลูชั่นให้กับผู้ประกอบการ เพิ่มความสามารถในการแข่งขัน หลังจากนี้ผู้ประกอบการไปเยี่ยมเราที่มหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยก็ไปเยี่ยมผู้ประกอบการ เราไปดูว่าท่านมีปัญหาอะไร เราสามารถช่วยซัพพอร์ตอะไรท่านได้บ้าง แล้วก็จูงมือกันไปหาภาครัฐต่อรองในเรื่องของงบประมาณที่จะนำมาใช้เพื่อการพัฒนา
รศ.ดร.ชาลีดา กล่าวด้วยว่า รัฐมีคนกลไกมีมาตรการในการสนับสนุน เช่น รัฐอาจจะออกให้ 50% ของเรา10% บีโอไอก็มีกลไกในเรื่องของการส่งเสริมการลงทุน บางเรื่องผู้ประกอบการไม่จำเป็นต้องออก 100% ถ้าออกเพียงแค่ 50% มากหรือน้อยกว่า ก็จะมีกลไกการสนับสนุน ซึ่งต้องคุยกันเรื่องสิทธิประโยชน์หรือผลประโยชน์ หรือหาความเป็นธรรมร่วมกันอย่างบาลานซ์ เพราะอุตสาหกรรมอาหารไทยไม่แพ้ใครแน่นอน

นอกจากนี้บนเวที Visionary Stage ในหัวข้ออาหารไทยควรสู้อย่างไร ที่มี นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี อดีตประธานกรรมการพัฒนาซอร์ฟพาวเวอร์แห่งชาติ และนายกรณ์ จาติกวณิช อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ร่วมแสดงความคิดเห็น

นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ กล่าวว่า ประเทศไทยมีพื้นที่ในการทำเกษตรจำนวนมาก แต่การส่งวัตถุดิบจากต้นน้ำยังไปไม่ถึงปลายน้ำ จึง ควรผันตัวเองมาเป็น ฟู๊ดซีเคียวริตี้ ยกตัวอย่างสิงคโปร์ ไม่มีพื้นที่ผลิตอาหารเองได้ 100% เราสามารถเสนอตัวว่าหากเขามี Climate Change ภาวะเศรษฐกิจถดถอย ภาวะสงครามหรืออื่นๆ ซึ่งมีอีกหลายประเทศที่ไม่สามารถผลิตอาหารเองได้ ประเทศไทยจะเป็นประเทศที่มีอาหารสำรอง แต่ขณะนี้เราแค่ออกจากไร่แต่ยังไปไม่ถึงร้าน

ทั้งนี้โพซิชั่นของอาหารไทย ความรับรู้ต่างชาติ รู้จักอาหารไทย ต้มยำกุ้ง ผัดไทย ผัดกระเพรา แต่อาหารไทยอยู่แค่ไร่ ไปไม่ถึงร้าน ดังนั้นการเป็นฟู๊ดซีเคียวริตี้ ก็ต้องมีการประกัน ให้อาหารที่เราส่งออกคงคุณภาพอาหารเหมือนกับที่ได้ไปทานที่ร้านทุกครั้ง รัฐอาจมีการพูดถึงแต่ยังไม่มีการกำหนดให้เป็นกิจลักษณะ หรือนโยบายที่ครัวไทยไปครัวโลก ไม่ใช่ไปแค่ขายครก ต้องมีการจัดส่งอาหารทั้งระบบ และคนไทยควรมีโอกาสได้ทานอาหารไทยที่ดีกว่านี้ เพื่อนส่งออกกุ้งเล่าว่า กุ้งที่พวกเรากินในประเทศไม่ใช่กุ้งที่ดีที่สุดเพราะที่ดีที่สุดส่งออกหมดแล้ว

นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี กล่าวว่า อุตสาหกรรมอาหารเป็นการยกระดับ คุณค่า ราคาและรายได้ เมื่อถามว่าอาหารไทยอยู่ตรงไหน ขอเทียบว่าเหมือนม้าป่วย หรืออัญมณีที่ไม่ถูกเจียรไนย เหมือนคนเดินข้ามอยู่ตรงกลางสี่แยกแล้วไปต่อไม่ได้ เรามีโครงการครัวไทยสู่ครัวโลกเมื่อ 20 ปีที่แล้ว แต่เกิดสะดุดและไม่ได้ทำอะไรต่อ อาหารไทยมีศักยภาพ เช่นต้มยำกุ้ง ผัดกระเพรา แกงแพนง ที่มีชื่อเสียงระดับโลก แต่หากผู้บริโภคไม่ได้รับประทานถึงรสชาติต้นแบบที่แท้จริงก็จะไม่เกิดประโยชน์ จึงต้องมองทั้งระบบที่ทำให้ผลิตภัณฑ์สำเร็จรูปของอาหารไทยไปสู่ครัวโลกได้จริง แต่สภาพวันนี้ยังต่ำกว่าความเป็นจริง

นพ.สุรพงษ์ ให้ความเห็นว่าตนไปเมืองนอกเห็น Shelves วางสินค้าอาหารไทย เมื่อเทียบกับญี่ปุ่น หรือเกาหลี ของเราเล็กมาก ปัญหาใหญ่จึงต้องมองทั้งระบบ ระบบนิเวศของอาหารไทยทำให้ผลิตภัณฑ์สำเร็จรูปไปสู่โลกได้จริงๆ เช่น ซอสพริกนรสิงห์ ไปด้วยตัวเองยอดขายปีหนึ่งเป็นพันล้าน ลองจินตนาการดูถ้าเขาเหล่านั้นมีแรงส่งที่เป็นความร่วมมือครั้งใหญ่ของภาครัฐจะไปไกลขนาดไหน ไม่ต้องพูดถึงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ซึ่งเป็นอีกมิติหนึ่งเลยที่สามารถเปิดตลาดที่เป็นเอกลักษณ์ สภาพของอาหารไทยวันนี้มีโอกาสที่จะเจียรไนย วิ่งได้เมื่อไหร่อาหารไทยจะเป็นตัวหนึ่งที่จะเป็นเครื่องมือทางเศรษฐกิจที่ขับเคลื่อนให้มีรายได้สูงเข้าประเทศ

อย่างไรก็ตามตนเห็นด้วยว่าอุตสาหกรรมอาหารยกระดับคุณภาพชีวีตคนส่วนใหญ่ของประเทศได้ ไม่ว่าจะตรงไหนก็ตาม แต่ได้อยู่ในส่วนของซัพพลายเชน ก็สามารถทำให้ทุกคนมีมูลค่าเพิ่มได้ เปรียบเทียบฟู๊ดซีเคียวริตี้ กับ Premiumization ถ้าเชิงการแพทย์เทียบได้กับเรามี 30 บาทรักษาทุกโรคเพื่อเป็นหลักประกันพื้นฐานให้กับทุกคนในประเทศนี้ ปัญหาหลักของอุตสาหกรรมอาหารอยู่ที่การไม่มีเจ้าภาพ สถาบันอาหาร มีงบประมาณไม่ถึงร้อยล้าน ดูแลอุตสาหกรรมอาหารที่มีมูลค่าเป็นล้านล้านบาท เห็นชัดว่าที่ผ่านมาไม่โฟกัสเรื่องอุตสาหกรรมอาหารอย่างแท้จริง

นายกรณ์ จาติกวณิช แสดงความเห็นว่า บ้านเรามีบริษัทอุตสาหกรรมอาหารขนาดใหญ่ระดับโลก มีหลายเจ้า ที่ไม่ต้องการความช่วยเหลือ ซึ่งรัฐบาลอย่าขวางทาง อะไรที่ควรทำและไม่ควรทำ จะส่งเสริมอุตสาหกรรมอาหารไปสู่เป้าหมาย การเข้าถึงการตลาด RND รัฐต้องมีกลไกของเครื่องมือช่วยให้เอกชนทำได้ อาจเป็น SME รวมตัวกันปฏิรูปอุตสาหกรรมอาหารเฉพาะประเภทของผลิตภัณฑ์ เพื่อมีกำไรในทุกองค์กร ส่วนกฎหมายเป็นเรื่องของรัฐบาล เพื่อปฏิรูประบบสหกรณ์

นายกรณ์ มองว่าตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจที่สำคัญที่สุดในอนาคต อุตสาหกรรมอาหารเกี่ยวโยงกับภาคเกษตร คำว่า Premiumization คือยุทธศาสตร์สำคัญของอุตสาหกรรมอาหารซึ่งเกี่ยวข้องกับคนจำนวนมาก มีมูลค่าประมาณ 3.7 ล้านล้านบาท ของรายได้ของประเทศ ถ้าช่วยกันส่งเสริมให้อุตสาหกรรมอาหารเติบโต ไม่ใช่เพียงแค่นายทุนไม่กี่เจ้า ที่อยู่ได้ แต่คือประชากรจำนวนมาก ถ้านับในถนนผู้ประกอบการจะมีมากกว่าอุตสาหกรรมอื่นๆ ระดับ SME ทางสภาอุตสาหกรรมฯคาดว่ามีประชากรที่เลี้ยงชีพในอุตสาหกรรมนี้อยู่ประมาณล้านสองแสนคน ยังไม่รวมเกษตรกรที่เป็นเจ้าของวัตถุดิบ จึงสมควรเป็นตัวขับเคลื่อนทางเศรษฐกิจ เรามีห่วงโซ่อุปทานตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ ตอนนี้สัดส่วนจีดีพี มีถึง 13% และคิดว่าไปได้อีก ควรเป็นเป้าหมายที่จะไปให้ถึง20% และเป็นไปได้สูงมาก สำหรับอาหารไทย และที่สำคัญภูมิภาคเราอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจสูงที่สุดในโลกด้วย เมื่อคนรวยขึ้นเขาพร้อมที่จะเลือกคุณภาพในแง่พรีเมี่ยม และสอดคล้องกับกระแสการพัฒนา

ส่วนเป้าหมายและตัวชี้วัดของอุตสาหกรรมอาหารไทย หากเป็นเรื่องการเจาะตลาดก็เป็นเรื่องคุณภาพของสินค้า ซึ่งอาจย้อนแย้งเพราะภาคอุตสาหกรรมเขาอยากมีโอกาสเข้าถึงวัตถุดิบผลผลิตการเกษตรที่ดีที่สุด และถูกที่สุด ทำให้ขาดการแข่งขันในระดับโลก ดังนั้นสหกรณ์จึงมีบทบาทสำคัญที่จะช่วยเหลือผู้ประกอบการ

ติดตามรายละเอียดได้ทาง https://www.youtube.com/watch?v=UdOC0s324so












กำลังโหลดความคิดเห็น