ทบ.ย้ำชัดกัมพูชาใช้เทคนิคการสื่อสารฝ่ายเดียวหลอกลวงสังคมโลก เรียกคณะทูต–องค์กรนานาชาติไปฟังข้อมูลบิดเบือน ทำลายภาพลักษณ์ไทย กล่าวหายิงพลเรือนกัมพูชา แถมอ้างทุ่นระเบิดห้วยตามาเรียเป็นทุ่นระเบิดเก่า ยันไทยมีหลักฐานพิสูจน์เป็นของใหม่ ฝ่ายไทยปฏิบัติตามกติกา
จากกรณีเมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน 2568 กระทรวงการต่างประเทศกัมพูชาได้เผยแพร่ผลการบรรยายสรุปแก่คณะทูตและองค์กรระหว่างประเทศ โดยมีเนื้อหาบางส่วนเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย–กัมพูชา ซึ่งถูกบิดเบือนข้อเท็จจริง เพื่อหวังให้สังคมโลกเกิดความเข้าใจผิดต่อประเทศไทยนั้น
พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก ระบุว่า “กรณีนี้เป็นอีกหนึ่งความพยายามของฝ่ายกัมพูชาในการสร้างภาพและบิดเบือนหลักฐานต่อสังคมโลก เชื่อว่าคณะทูตจากต่างประเทศย่อมพิจารณาข้อมูลอย่างรอบด้าน ไม่ได้ฟังความฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจากเพียงคำกล่าวอ้าง ทั้งนี้ กระทรวงการต่างประเทศของไทยได้ชี้แจงข้อมูลและหลักฐานต่อคณะทูต รวมทั้งคณะผู้สังเกตการณ์อาเซียน (AOT) แล้ว โดยเฉพาะคณะ AOT ที่ฝ่ายไทยได้นำลงพื้นที่จริง เพื่อให้เห็นข้อเท็จจริงด้วยตนเอง ซึ่งทำให้สามารถแยกแยะเจตนาที่ไม่บริสุทธิ์ของฝ่ายกัมพูชาออกจากข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นได้อย่างชัดเจน”
สำหรับประเด็นที่ฝ่ายกัมพูชาได้นำเสนอข้อมูลที่บิดเบือนต่อคณะทูตและองค์กรระหว่างประเทศไปนั้น มี 2 ประเด็นดังนี้
กรณีกล่าวหาว่าทหารไทยยิงพลเรือนกัมพูชาในพื้นที่บ้านหนองหญ้าแก้ว จ.สระแก้ว (12 พ.ย. 68) ฝ่ายกัมพูชาอ้างว่า ทหารไทยยิงเข้าไปในหมู่บ้านโดยปราศจากการยั่วยุ และยืนยันว่ายังไม่มีการยิงตอบโต้จากฝ่ายกัมพูชา โฆษกกองทัพบกยืนยันว่า เรื่องดังกล่าวไม่เป็นความจริง กัมพูชาเป็นฝ่ายเริ่มยิงมายังจุดเฝ้าตรวจของฝ่ายไทยก่อน เหมือนลักษณะต้องการสร้างสถานการณ์ ทำให้ฝ่ายไทยจำเป็นต้องยิงเตือนกลับไปตามกฎการใช้กำลัง เพื่อป้องกันตนเอง ยืนยันว่าฝ่ายไทยได้ยิงเตือนกลับไปในทิศทางตามแนววิถีกระสุนที่ฝ่ายกัมพูชาได้ยิงมา ซึ่งบริเวณดังกล่าวมีลักษณะเป็นพุ่มไม้ ไม่ใช่พื้นที่ที่มีสิ่งปลูกสร้าง หรือพื้นที่อยู่อาศัยของประชาชนอย่างแน่นอน และเมื่อเห็นว่าภัยคุกคามด้วยการยิงสิ้นสุด ฝ่ายไทยก็ได้หยุดการตอบโต้ทันที
ที่สำคัญ จากผลการตรวจสอบพื้นที่โดยหน่วยพิสูจน์หลักฐานของไทยร่วมกับคณะ AOT พบร่องรอยกระสุนที่บังเกอร์ของฝ่ายไทย และบริเวณต้นไม้โดยรอบ ชี้ชัดว่าเป็นการยิงมาจากทิศทางกัมพูชา ขณะเดียวกัน วิถีกระสุนที่ฝ่ายไทยยิงเตือนนั้น ไม่ได้มุ่งไปในทิศทางพลเรือนตามที่กัมพูชากล่าวอ้าง หลักฐานเหล่านี้สะท้อนชัดเจนว่า ฝ่ายไทยได้ปฏิบัติตามกติกาทั้งหมด และไม่ได้มีการยิงพลเรือนตามข้อกล่าวหา
สำหรับกรณีทหารไทยเหยียบทุ่นระเบิดที่ห้วยตามาเรีย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ (10 พ.ย. 68) โดยฝ่ายกัมพูชากล่าวอ้างว่าเป็น “ทุ่นระเบิดเก่า” และอยู่ในเขตแดนกัมพูชาโฆษกกองทัพบกชี้แจงว่า จากหลักฐานการตรวจพื้นที่ของคณะ AOT พบว่าเป็น ทุ่นระเบิดใหม่ มีลักษณะการวางเป็นกลุ่มจำนวนหลายทุ่น ไม่ใช่ทุ่นระเบิดเก่าตามที่กล่าวอ้าง และที่สำคัญที่สุดคือ ตำแหน่งพบอยู่ในเขตแดนไทย แสดงให้เห็นชัดเจนว่าเป็นการลักลอบวางทุ่นระเบิดโดยฝ่ายกัมพูชา ซึ่งเป็นการละเมิดข้อตกลงระหว่างประเทศอย่างร้ายแรง และมีลักษณะเป็นการแสดงความเป็นปรปักษ์ต่อไทยอย่างเจตนา
จากเหตุการณ์นี้ทำให้ไทยจำเป็นต้องระงับการปฏิบัติตามปฏิญญาร่วม จนกว่าจะมีการคลี่คลายสถานการณ์และยุติการกระทำที่เป็นการละเมิด
โฆษกกองทัพบกระบุเพิ่มเติมว่า ขณะนี้ นอกจากการเตรียมกำลังป้องกันอธิปไตยภายใต้กฎการใช้กำลังอย่างเข้มงวดแล้ว การติดตามข่าวสารที่ถูกบิดเบือนโดยฝ่ายกัมพูชายังเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งที่ฝ่ายไทยต้องพยายามสื่อสารข้อเท็จจริงตอบโต้ เพื่อไม่ให้ฝ่ายกัมพูชาใช้เทคนิคการสื่อสารฝ่ายเดียว และเทคนิคการสร้างเรื่องราวอันเป็นเท็จหลอกลวงสังคมโลก เพื่อหวังทำลายภาพลักษณ์ของประเทศไทย


