xs
xsm
sm
md
lg

หลักสูตร Super LBA รุ่นที่ 2 จบลงอย่างสวยงาม โดยคณะนักศึกษาของหลักสูตรโชว์ “ศักยภาพ” ผลงานวิชาการคุณภาพ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



หลักสูตร Super LBA รุ่นที่ 2 มาถึงบทสรุป โดยคณะนิติศาสตร์ปรีดี พนมยงค์ มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ (DPU) จัดกิจกรรม Module 8 : Practice Solution to Success ของนักศึกษาหลักสูตร Super LBA รุ่นที่ 2 ภายในงานประกอบด้วยการนำเสนอรายงานวิชาการกลุ่ม การวิพากษ์และสะท้อนมุมมองหลักสูตรโดยผู้แทนนักศึกษา เสนอจัดตั้ง National Health Bureau ปรับปรุงกฎหมายการถือครองที่ดิน ยกระดับกลไกกฎหมายป้องกันอาชญากรรมไซเบอร์สู่มาตรฐานสากล พร้อมเสนอกลไกเพิ่มประสิทธิภาพ-กิโยตินกฎหมาย พร้อมด้วยข้อเสนอแนะจากคณาจารย์คณะนิติศาสตร์ปรีดี พนมยงค์ DPU นอกจากนี้ ยังมีพิธีมอบทุนการศึกษาให้กับนักศึกษาคณะนิติศาสตร์ปรีดี พนมยงค์ DPU เป็นจำนวนเงิน 1,000,000 บาท โดย นายสุชัย พรชัยศักดิ์อุดม กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท จีพีพี อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ซึ่งเป็นประธานนักศึกษา Super LBA รุ่นที่ 2

กิจกรรมปิดท้ายด้วยพิธีมอบโล่รางวัลและกล่าวปิดหลักสูตรโดย ดร.สุทธิพล ทวีชัยการ คณบดีคณะนิติศาสตร์ปรีดี พนมยงค์ ในฐานะประธานกรรมการหลักสูตร ซึ่งให้เกียรติเป็นประธานในพิธี ณ ห้องประชุม ดร.ไสว สุทธิพิทักษ์ อนุสรณ์ อาคาร 6 ชั้น 7 มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์

ภายในงาน ดร.สุทธิพลยังได้มอบช่อดอกไม้แสดงความยินดีกับ นายปรัธนา ลีลพนัง นักศึกษาหลักสูตร Super LBA รุ่นที่ 2 ในโอกาสรับตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (CEO) คนใหม่ของ AIS เพื่อร่วมแสดงความปรารถนาดีและสนับสนุนบทบาทผู้นำองค์กรเทคโนโลยีระดับประเทศ

สำหรับการนำเสนอของ กลุ่มที่ 1 (กลุ่มการเงิน ประกันภัย ขนส่ง สิ่งทอ และโลจิสติกส์) ได้นำเสนอในหัวข้อ “การจัดตั้ง National Health Bureau (NHB) of Thailand” เสนอทางออกเชิงนโยบายเพื่อยกระดับการจัดการข้อมูลสุขภาพของประเทศให้มีมาตรฐาน โปร่งใส และตรวจสอบได้ โดยชี้ว่าข้อมูลสุขภาพที่กระจายหลายหน่วยงานทำให้การวางแผนสาธารณสุข การประเมินความเสี่ยง และการใช้งบประมาณขาดประสิทธิภาพ ขณะเดียวกันยังเปิดช่องให้เกิดปัญหาทุจริต เช่น การเบิกจ่ายค่ารักษาเท็จ การฮั้วจัดซื้อจัดจ้าง และการสวมสิทธิรักษา

รายงานฯ เสนอให้จัดตั้ง NHB เป็นหน่วยงานกลางรวบรวมข้อมูลสุขภาพภายใต้มาตรฐานเดียว พร้อมจัดทำ พระราชบัญญัติข้อมูลสุขภาพแห่งชาติ เพื่อกำหนดอำนาจหน้าที่ มาตรการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล และกลไกกำกับดูแล โดยให้มีคณะกรรมการ National Health Data Governance Board จากภาครัฐ-เอกชน‐วิชาการกำกับทิศทางข้อมูลระดับชาติ

กลุ่มที่ 2 (กลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ การโรงแรม การก่อสร้าง เครื่องจักร และอื่นๆ) นำเสนอรายงานหัวข้อ “มาตรการทางกฎหมายในการถือครองอสังหาริมทรัพย์ของต่างชาติเพื่อการอยู่อาศัย” โดยศึกษากฎหมายที่เกี่ยวข้องกับสิทธิการถือครองที่ดินของชาวต่างชาติภายใต้ประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ. 2497 วิเคราะห์ปัญหา-ข้อจำกัด และเสนอแนวทางพัฒนากฎหมายให้สอดคล้องกับบริบทเศรษฐกิจโลกยุคใหม่ โดยอาศัยกรอบคิดด้านกฎหมาย เศรษฐศาสตร์ และสิทธิในทรัพย์สิน

รายงานชี้ว่า สิทธิการถือครองที่ดินของต่างชาติเป็นประเด็นกฎหมายที่ละเอียดอ่อน เพราะเกี่ยวพันกับทั้งความมั่นคงของรัฐ โครงสร้างเศรษฐกิจ และเสถียรภาพตลาดอสังหาริมทรัพย์ ที่ดินในฐานะทรัพยากรที่มีจำกัดและเคลื่อนย้ายไม่ได้ จึงถูกควบคุมด้วยรูปแบบ “ห้ามเป็นหลัก-อนุญาตเป็นข้อยกเว้น” ตามมาตรา 86 ของประมวลกฎหมายที่ดิน ซึ่งสะท้อนฐานคิดแบบยุคสงครามเย็น และไม่สอดคล้องกับเศรษฐกิจปัจจุบันที่ต้องอาศัยการเคลื่อนย้ายทุนและบุคลากรข้ามพรมแดน

ข้อสรุปของกลุ่มที่ 2 คือ ระบบสิทธิในที่ดินของไทยจำเป็นต้องปฏิรูปเชิงโครงสร้าง จาก “ข้อห้ามแบบกว้าง” ไปสู่ระบบที่มีเกณฑ์จำแนกระดับความเสี่ยง พื้นที่ และวัตถุประสงค์ของผู้พำนักต่างชาติอย่างชัดเจน เพื่อให้กฎหมายไทยสามารถรักษาสมดุลระหว่างความมั่นคงของรัฐ ความเป็นธรรมของสังคม และความสามารถในการแข่งขันของประเทศได้อย่างยั่งยืนในระยะยาว


กลุ่มที่ 3 (ด้านการแพทย์ สุขภาพ ความงาม เทคโนโลยี และสิ่งแวดล้อม) นำเสนอรายงานหัวข้อ “ความท้าทายทางกฎหมายต่ออาชญากรรมไซเบอร์เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ปลอมและการหลอกลวงบนแพลตฟอร์มดิจิทัลนานาชาติ” ศึกษาบริบทและรูปแบบอาชญากรรมไซเบอร์ที่เกี่ยวข้องกับการค้าสินค้าปลอมและการหลอกลวงบนแพลตฟอร์มดิจิทัล วิเคราะห์กฎหมายทั้งในระดับชาติและระหว่างประเทศ และศึกษากรณีตัวอย่างเพื่อประเมินปัญหาการบังคับใช้ในอนาคต

สำหรับข้อเสนอเชิงนโยบาย กลุ่มวิจัยเสนอแนวทางสำคัญ 3 ด้าน ได้แก่ 1. ยกระดับกลไกทางกฎหมายให้สอดคล้องบริบทสากล โดยผลักดันให้ไทยเข้าร่วมความตกลงระหว่างประเทศด้านอาชญากรรมไซเบอร์ เช่น Budapest Convention เพื่อให้การสืบสวน แลกเปลี่ยนข้อมูล และส่งผู้ร้ายข้ามแดนทำได้มีประสิทธิภาพ 2. กำหนดความรับผิดของแพลตฟอร์มดิจิทัล (Platform Liability) ให้ผู้ให้บริการออนไลน์ต้องมีหน้าที่ตรวจสอบ หรือร่วมรับผิดหากปล่อยให้มีการจำหน่ายสินค้าปลอมหรือเนื้อหาหลอกลวงบนระบบของตน และ 3. สร้างกลไกบูรณาการในประเทศ ผ่านความร่วมมือระหว่างสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กรมทรัพย์สินทางปัญญา กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม และ สคบ. พร้อมจัดทำฐานข้อมูลกลางด้านการเฝ้าระวังและบังคับใช้กฎหมาย

กลุ่มที่ 4 (กลุ่มธุรกิจอาหาร เครื่องดื่ม พลังงาน และการสื่อสาร) นำเสนอรายงานหัวข้อ “ถอดบทเรียนการทบทวนกฎหมายด้วยวิธีการกิโยตินกฎหมาย: ศึกษาเฉพาะกรณีเกษตร-อุตสาหกรรมอาหาร” โดยศึกษากรอบ Regulatory Guillotine เพื่อยกระดับประสิทธิภาพกฎหมายภาคเกษตรและอุตสาหกรรมอาหารให้สอดคล้องกับหลักธรรมาภิบาลและหลักนิติรัฐ

รายงานวิเคราะห์กรณีศึกษาต่างประเทศ ได้แก่ อินโดนีเซีย เวียดนาม เกาหลีใต้ และโครเอเชีย ซึ่งประสบความสำเร็จในการใช้ Regulatory Guillotine และ Omnibus Law เพื่อลดขั้นตอนราชการที่ซ้ำซ้อน เอื้อต่อการลงทุน และปรับโครงสร้างกฎหมายให้โปร่งใส โดยพบปัจจัยสำคัญที่ทำให้การปฏิรูปสำเร็จ ได้แก่ การมีหน่วยงานกลางคัดกรอง-ยกเลิกกฎหมายที่ไม่จำเป็น การจัดทำฐานข้อมูลกฎหมายแบบเปิดเผย การมีส่วนร่วมของภาคเอกชน และการเชื่อมโยงกับดัชนี Ease of Doing Business ของธนาคารโลก

สำหรับประเทศไทย ได้หยิบตัวอย่างการปรับปรุงตาม Regulatory Guillotine เช่น การแก้ไข พ.ร.บ.โรงงาน ที่ยกเลิกการต่ออายุใบ รง.4 และยกเว้นบางโรงงานขนาดเล็กจากการขออนุญาต ส่งผลให้ภาคธุรกิจลดต้นทุนค่าใช้จ่าย เพิ่มความคล่องตัว และเสริมขีดความสามารถการแข่งขันของผู้ประกอบการอย่างชัดเจน

งานศึกษายังวิเคราะห์ 4 ประเด็นเร่งด่วนที่จำเป็นต้องใช้กิโยตินกฎหมาย ได้แก่ เทคโนโลยีพันธุ์พืชและ Gene Editing การบริหารจัดการน้ำ แรงงานเมียนมาร์ในภาคเกษตร-อาหาร และโครงการแลนด์บริดจ์

กลุ่มวิจัยได้เสนอ โมเดลการปฏิรูปกฎหมายเพื่อความสามารถแข่งขันอย่างยั่งยืน (END–WAY(s)–MEAN(s)–OUTCOME Model) ได้แก่ END: ลดกระบวนงานภาครัฐลงอย่างน้อย 30% WAY(s): ใช้โมเดล 5C (Cut–Change–Combine–Continue–Creative) ร่วมกับ Omnibus Law เพื่อลดความซ้ำซ้อนMEAN(s): ภาวะผู้นำที่กล้าปฏิรูปและเปิดรับความร่วมมือภาคเอกชน และOUTCOME: จัดทำข้อเสนอเชิงนโยบายสู่การปฏิรูปที่ยั่งยืนระดับประเทศ


ในช่วงท้ายของกิจกรรม มีการจัดพิธีมอบโล่รางวัลดีเด่นประเภทต่างๆ แก่นักศึกษา Super LBA รุ่นที่ 2 ก่อนปิดหลักสูตรอย่างเป็นทางการโดย ดร.สุทธิพล ทวีชัยการ คณบดีคณะนิติศาสตร์ปรีดี พนมยงค์ และประธานกรรมการหลักสูตร ซึ่งได้กล่าวชื่นชมความมุ่งมั่นของนักศึกษาหลักสูตร Super LBA รุ่นที่ 2 โดยระบุว่าหลักสูตร Super LBA มุ่งสร้างผู้นำยุคใหม่ที่เข้าใจกฎหมาย ใช้กฎหมายอย่างถูกต้อง และสามารถประยุกต์ความรู้ไปพัฒนาธุรกิจและสังคมได้อย่างมีธรรมาภิบาล

หนึ่งในผู้เรียนหลักสูตร Super LBA รุ่นที่ 2 “ดร.นรภัทร ลีธีรโชติ” ประธานกรรมการบริษัทผลไม้กระป๋องประจวบ จำกัด กล่าวแสดงความดีใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของหลักสูตร Super LBA รุ่นที่ 2 พร้อมให้ความเห็นถึงจุดแข็งของหลักสูตรว่า “เป็นกฎหมายที่เข้าใจง่ายและเข้าถึงได้สำหรับทุกคน” โดยชี้ว่ากฎหมายมักถูกมองว่ายากสำหรับผู้ประกอบการ แต่หลักสูตรนี้สามารถ “ตีโจทย์ให้คนทั่วไปฟังกฎหมายรู้เรื่อง” ทำให้ผู้เรียนไม่รู้สึกปิดกั้นและสามารถนำไปใช้ได้จริง พร้อมย้ำว่า จุดเด่นสำคัญของ Super LBA ที่ตนชื่นชอบคือ “Moot Court” หรือศาลจำลอง ที่เปิดโอกาสให้ผู้เรียนฝึกปฏิบัติจริง ทั้งการวิเคราะห์คดี การใช้เหตุผล และการมองกฎหมายในบริบทของโลกธุรกิจ เพิ่มทักษะเชิงปฏิบัติและความมั่นใจในการประยุกต์ใช้กฎหมายในชีวิตจริง

“หลักสูตรนี้ผู้เรียนได้ความรู้ที่ไม่เคยรู้มาก่อน เข้าใจหลักกฎหมายสำคัญที่ใช้ดำเนินธุรกิจได้อย่างปลอดภัย และสามารถนำไปประยุกต์ใช้ในสถานการณ์จริง เช่น การทำสัญญา การคุ้มครองสิทธิ หรือการบริหารความเสี่ยง ก็รู้สึกประทับใจต่อหลักสูตรนี้และเนื้อหาเข้าถึงง่ายสำหรับผู้ประกอบการ ทุกคนใช้ประโยชน์ได้จริง อยากให้มี Super LBA รุ่นที่ 3 ต่อไป” ดร.นรภัทรกล่าวทิ้งท้าย

สอดคล้องกับความคิดเห็นของ นางสาวเยาวลักษณ์ อร่ามทวีทอง ประธานกรรมการการลงทุน บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงความประทับใจต่อการเรียนหลักสูตร Super LBA รุ่นที่ 2 ว่า กฎหมายเป็นเรื่องที่อยู่คู่กับการทำงานและการดำเนินชีวิตของประชาชนเสมอ และการเปลี่ยนแปลงทางกฎหมายในปัจจุบันยิ่งทำให้ผู้ประกอบการจำเป็นต้องเข้าใจอย่างถูกต้อง และยังระบุอีกว่า สำหรับหลักสูตร Super LBA เป็นหลักสูตรที่โดดเด่นเพราะให้ความสำคัญกับกฎหมายโดยตรง ซึ่งหาได้ยากจากหลักสูตรทั่วไป ตนชอบคลาสแบบนี้มาก และยังรู้สึกว่าอยากมีให้เรียนต่อเนื่องเพราะกฎหมายมีการพัฒนาอยู่ตลอด

“หาก Super LBA รุ่นที่ 1 คือรุ่นที่สร้างประวัติศาสตร์ให้หลักสูตรนี้เริ่มต้นได้อย่างงดงาม Super LBA รุ่นที่ 2 คือรุ่นที่สร้างตำนานที่เต็มไปด้วยพลังแห่งความสามัคคี ด้วยหัวใจของผู้นำอย่างแท้จริง ซึ่งจะส่งต่อพลังไปยัง Super LBA รุ่นที่ 3 ที่กำลังเปิดรับสมัคร เพื่อรอต้อนรับผู้ที่มีหัวใจของผู้นำที่พร้อมเปิดโลกการเรียนรู้ในมิติใหม่ที่ท้าทาย” ดร.สุทธิพล ทวีชัยการ กล่าวในตอนท้ายของพิธีปิด












กำลังโหลดความคิดเห็น