ฝ่ายเลขาฯ RBC ไทย-กัมพูชา สรุปแผนถอนอาวุธหนักจากชายแดน แบ่งเป็น 3 ประเภท 3 ระยะ เริ่ม 1 พ.ย.เคลื่อนย้ายจรวดหลายลำกล้อง จากนั้นถอนปืนใหญ่ทั้งลากจูงและอัตราจร 22 พ.ย.และสุดท้ายถอนยานเกราะ-รถถัง 13 ธ.ค.
จากกรณีเมื่อวานนี้ ( 28 ต.ค. ) ที่ฝ่ายกัมพูชาได้เสนอข่าวระบุว่า ”กองกำลังจากเขตภูมิภาคทหารที่ 4 ของกัมพูชา และกองทัพที่ 2 ของไทย เข้าพบกับคณะผู้สังเกตการณ์อาเซียน (AOT) ณ ด่านตรวจคนเข้าเมืองโอเสม็ด ในจังหวัดอุดรมีชัย(ติดกับช่องจอม จ.สุรินทร์) ซึ่งการประชุมครั้งนี้จัดขึ้นเพื่อหารือเกี่ยวกับการปฏิบัติตามเจตนารมณ์ของแถลงการณ์ร่วมว่าด้วยสันติภาพระหว่างกัมพูชาและไทย เมื่อวันที่ 26 ตุลาคม 2568 ณ ประเทศมาเลเซีย
ล่าสุดมีรายงานผลการประชุมดังกล่าวสรุปได้ว่า เป็นการประชุมกองเลขาณุการคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค (RBC) ระหว่างกองทัพภาคที่ 2 ของไทย กับ ภูมิภาคทหารที่ 4 ของกัมพูชา ณ หน่วยประสานงานชายแดน กัมพูชา– ไทย ต.โอร์เสม็ด เทศบาลเมืองสำโรง จ.อุดรมีชัย ตรงข้ามจุดผ่านแดนถาวรช่องจอม ต.ด่าน อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์ ฝ่ายไทยนำโดย พล.ต.กัมปนาท วาพันสุ เสนาธิการกองทัพภาคที่ 2 ฝ่ายกัมพูชา นำโดย พล.จ.นิด ณารง รองเสนาธิการภูมิภาคทหารที่ 4 เมื่อวันที่ 28 ต.ค.2568 สรุปสาระสำคัญ ดังนี้
1.ทั้งสองฝ่ายเห็นชอบในการกำหนดวันปฏิบัติตามแผนถอนอาวุธหนัก/ปรับกำลังร่วมกัน ในวันที่ 1 พ.ย.68
2. การดำเนินการตามแผนปฏิบัติ ดังนี้
2.1 ปรับกำลังประเภท Type A จะเริ่มต้นใน 1 พ.ย.68 (อาวุธประเภทจรวดหลายลำกล้อง)
2.2 ปรับกำลังประเภท Type B จะเริ่มต้น ใน 22 พ.ย.68) ( อาวุธประเภท ป.ทั้งหมด ทั้งลากจูงและอัตราจร ขนาด 155 ลงมา)
2.3 ปรับกำลังประเภท Type C จะเริ่มต้น ใน 13 ธ.ค.68 ( อาวุธประเภทยานเกราะ รถถัง )


