กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช แจงกรณี "สรณ์สืบ" เสือโคร่งตายนอกเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง ด้านอธิบดีกรมอุทยานฯ สั่ง "เคาะประตูบ้าน" เตือนชาวบ้านแนวป่าเกี่ยวกับการใช้แร้วดักสัตว์ หากพบการกระทำดังกล่าวจะดำเนินการทางกฎหมายอย่างเด็ดขาด
วันนี้ (8 ต.ค.) เพจ "กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช" ชี้แจงกรณี "สรณ์สืบ" เสือโคร่งตายนอกเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง โดยรายงานว่า "นายเพิ่มศักดิ์ กนิษฐชาต หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง (สป.ห้วยขาแข้ง) ชี้แจงกรณี "สรณ์สืบ" เสือโคร่งตาย โดยยืนยันว่าจุดที่พบซากเสือโคร่งไม่ได้อยู่ในเขตฯ แต่เป็นพื้นที่ใกล้เคียงคือ สวนป่าลาดยาว อำเภอแม่เปิน จังหวัดนครสวรรค์
จากการตรวจสอบข้อเท็จจริง หัวหน้ากลุ่มงานวิชาการ สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 12 (นครสวรรค์) ดร.อัจฉรา ซิ้มเจริญ ได้ให้ข้อมูลว่า เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2568 ทีมวิจัยได้ติดตามพิกัดจากปลอกคอเสือโคร่งผ่านระบบดาวเทียม และพบชิ้นส่วนกระดูกปลอกคอ และร่องรอยการขุดหลุมเพื่อพรางแร้วแบบเหยียบในพื้นที่ ซึ่งอยู่ห่างจากสวนป่าลาดยาวเพียง 40 เมตร สำหรับพฤติกรรมของเสือโคร่งวัยรุ่นจะเดินทางออกนอกพื้นที่บ้านเกิดเป็นพฤติกรรมปกติ แต่ก็เป็นสาเหตุหลักที่ทำให้อัตราการรอดชีวิตต่ำด้วยเช่นกัน
ทั้งนี้ จากเหตุการณ์ดังกล่าว นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ได้สั่งการให้เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้งดำเนินการ คือ การประชาสัมพันธ์เชิงรุก โดยให้เจ้าหน้าที่ "เคาะประตูบ้าน" เพื่อขอความร่วมมือจากชาวบ้านในพื้นที่แนวกันชนและบริเวณใกล้เคียงเกี่ยวกับการใช้แร้วดักสัตว์ พร้อมแจ้งให้ทราบหากพบการกระทำดังกล่าวจะดำเนินการทางกฎหมายอย่างเด็ดขาดกับผู้ที่ไม่ให้ความร่วมมือ และให้เพิ่มการลาดตระเวนเชิงคุณภาพอย่างเข้มข้นและค้นหาแร้วดักสัตว์ในพื้นที่แนวกันชนรอบป่าและขยายพื้นที่ลาดตระเวนออกนอกพื้นที่ป่าอนุรักษ์อย่างเข้มงวดด้วย
จากข้อสั่งการดังกล่าว เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้งได้จัดทำแผนงาน โดยจะส่งเจ้าหน้าที่ออกปฏิบัติการประชาสัมพันธ์และประสานงานกับหน่วยงานใกล้เคียง เช่น หน่วยพิทักษ์ทรัพยากรป่าไม้และสัตว์ป่า ซับป่าพลู และหน่วยป้องกันรักษาป่าที่ อน. 2 กรมป่าไม้ เพื่อร่วมกันลาดตระเวนและค้นหากับดักสัตว์ในพื้นที่และนอกพื้นที่แนวเขตป่าต่อไป"