ประเทศไทยยกระดับการคุ้มครองเด็กทุกคนอย่างเท่าเทียมและไม่เลือกปฏิบัติ ด้วยการถอนข้อสงวนในอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็ก ข้อ 22 ซึ่งเป็นการรับรองสิทธิของเด็กผู้ลี้ภัยและเด็กผู้แสวงหาที่พักพิงอย่างเป็นทางการ นับเป็นก้าวสำคัญที่สะท้อนถึงเจตนารมณ์อันแน่วแน่ของไทยในการไม่ทิ้งเด็กคนใดไว้เบื้องหลัง
จากกรณีครูสุดเศร้านักเรียนเกรด 4.00 วัย 13 ปี ชาวกัมพูชา ถูกจับฐานเป็นบุคคลต่างด้าวเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย ทั้งที่โตและเรียนในไทยตั้งแต่เด็กจนพูดภาษาบ้านเกิดไม่ได้ ครูวอนสังคมหยุดรังแกเด็กบริสุทธิ์ จนกลายเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ในโลกโซเชียลอย่างมาก
ล่าสุดวันนี้ (28 ส.ค.) “กรมกิจการเด็กและเยาวชน” ออกมาชี้แจงถึงประเด็นดังกล่าว ระบุว่า
ประเทศไทยได้ถอนข้อสงวนในข้อ 22 ของอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็ก ซึ่งเกี่ยวข้องกับการคุ้มครองเด็กผู้ลี้ภัยและเด็กผู้แสวงหาที่พักพิง
การตัดสินใจครั้งนี้มีที่มาจากมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 9 กรกฎาคม 2567 ที่เห็นชอบตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) เสนอ ซึ่งแสดงให้เห็นว่าประเทศไทยให้ความสำคัญต่อการปกป้องและจัดบริการขั้นพื้นฐานสำหรับเด็กกลุ่มนี้มาอย่างต่อเนื่อง
จากนี้กระทรวง พม.จะตั้งคณะทำงานเพื่อส่งเสริมและติดตามการเข้าถึงสิทธิของเด็กผู้ลี้ภัยและเด็กผู้แสวงหาที่พักพิง โดยจะร่วมมือกับทุกภาคส่วนเพื่อปกป้องสิทธิของเด็กทุกคนอย่างเท่าเทียม โดยไม่ทิ้งใครไว้เบื้องหลัง และคำนึงถึงประโยชน์สูงสุดของเด็กเป็นสำคัญ