จากอดีตค่ายผู้ลี้ภัย "หนองจาน" ที่เคยเป็นสะพานบุญของไทยช่วยเหลือชาวกัมพูชานับหมื่นชีวิต สู่ข้อพิพาทชายแดนที่กัมพูชาอ้างสิทธิเหนือพื้นที่ ประเด็นที่ไทยใช้สันติวิธีประท้วงมานานนับทศวรรษแต่ยังไม่ได้รับความสนใจ
วันนี้ (20 ส.ค.) เพจ "โบราณนานมา" ออกมาโพสต์ข้อความน่าสนใจ ย้อนรอยประวัติศาสตร์ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมครั้งสำคัญของไทยกับเขมร สู่ประเด็นข้อพิพาทชายแดนที่กำลังปะทุขึ้นอีกครั้ง ณ บริเวณ "ค่ายผู้อพยพชาวกัมพูชาบ้านหนองจาน" หรือที่รู้จักกันในชื่อ "แคมป์ 511" ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็น "สะพานชีวิต" สำหรับชาวเขมรหลายหมื่นคนผู้ลี้ภัยสงครามและความอดอยากเมื่อปี 2522 โดยทางเพจได้ระบุข้อความว่า
"ย้อนกลับไปในระหว่างปี 2522 ชาวกัมพูชาจำนวนมากได้อพยพลี้ภัยสงครามออกมาจากประเทศตนเอง “ค่ายผู้อพยพชาวกัมพูชาบ้านหนองจาน” คือหนึ่งในสถานที่ที่ชาวกัมพูชาหลายหมื่นคนได้มารวมตัวกัน เนื่องจากชาวกัมพูชาหนีสภาวะอดอยากและการถูกกองกำลังทหารเวียดนามเข้ารุกราน
ชาวกัมพูชาล้วนแต่อดอยาก ลำบากไปทุกฝ่าย อาหารหยูกยาเป็นของหายากยิ่ง ผู้ลี้ภัยจำนวนมหาศาลจึงเดินเท้าอพยพหลบหนีทั้งความยากแค้นและการไล่ล่าฆ่าล้างเผ่าพันธุ์มาสู่ชายแดนไทยแทบทุกจุด
ภายใต้การบริหารของ พลเอก เกรียงศักดิ์ ชมะนันทน์ นายกรัฐมนตรี ในขณะนั้น ได้อนุญาตให้ข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ (UNHCR) ตั้งสถานีและค่ายชั่วคราวรองรับผู้อพยพ 40,000 คนที่จังหวัดสระแก้ว และเปิดค่ายผู้อพยพอีกจำนวนมากไม่ต่ำกว่า 8 แห่ง ตลอดแนวชายแดนจังหวัดสระแก้วในเดือนธันวาคมปีเดียวกัน โดยมีทหารไทยช่วยดูแลความปลอดภัย
“ค่ายผู้อพยพหนองจาน” หรือ “ศูนย์พักพิงหนองจาน” (Nong Chan Refugee Camp) หรือฝั่งไทยรู้จักกันในชื่อ “แคมป์ 511” ตั้งอยู่ในบ้านหนองจาน อ.โคกสูง จ.สระแก้ว เป็นหนึ่งในค่ายผู้อพยพที่จัดตั้งขึ้นเป็นแห่งแรกๆ บนชายแดนไทย-กัมพูชา เคยเป็นทั้งค่ายผู้ลี้ภัย และศูนย์กลางการแจกจ่ายอาหาร เมล็ดพันธุ์ และโอกาสในการมีชีวิตรอด
“หนองจาน” ไม่ได้แค่ต้อนรับคนแปลกหน้า แต่มอบโอกาสให้เขา “ปลูกข้าว” เลี้ยงตัวเอง และ “กลับไปมีชีวิตใหม่” ได้อีกครั้ง
ปี 2523 มีการแจกอาหารและอุปกรณ์กว่า 340,000 รายการในที่เดียว ชื่อของ “Land Bridge” หรือ “สะพานชีวิตแห่งหนองจาน” ถูกจารึกไว้ในบันทึกของ UNHCR และ CARE จนทุกวันนี้ และในบันทึกสำคัญยังระบุว่า สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เคยเสด็จฯ ไปทรงช่วยเหลือประชาชนที่นี่ด้วยพระองค์เอง
แต่เมื่อสถานการณ์กลับสู่ภาวะปกติ พบว่ามีราษฎรกัมพูชาบางส่วนไม่ยอมเดินทางกลับประเทศ ยังคงพักอาศัยในพื้นที่ของประเทศไทย
แต่วันนี้ “ราษฎรกัมพูชา” ที่ตั้งถิ่นฐานในเขตของประเทศไทย ที่ประเทศไทยเคยช่วยเหลือในยามสงคราม กลับได้อ้างว่า พื้นที่ที่ตั้งถิ่นฐานเป็นพื้นที่ของ “กัมพูชา” ไม่ใช่ไทย
ที่ผ่านมาฝ่ายกัมพูชาละเมิดข้อตกลงในพื้นที่อ้างสิทธิ โดยการสนับสนุนให้ราษฎรมาสร้างถิ่นฐานอย่างถาวรในบริเวณ “บ้านหนองจาน” ทั้งในบริเวณพื้นที่อ้างสิทธิ และนอกบริเวณพื้นที่อ้างสิทธิในฝั่งประเทศไทย
ซึ่งฝ่ายไทยได้ดำเนินการประท้วงร้องเรียนฝ่ายกัมพูชาในเวทีต่างๆ มาอย่างต่อเนื่อง
ทั้งระดับหน่วยทหารในพื้นที่ และผ่านกระทรวงการต่างประเทศ ตั้งแต่ปี 2557 จนถึงปัจจุบัน แต่ฝ่ายกัมพูชากลับนิ่งเฉย ไม่ได้แยแสแต่ประการใด นานวันก็ทึกทักว่าเป็นเจ้าของพื้นที่ จึงยืนยันได้ว่าฝ่ายไทยได้ใช้การแก้ปัญหาโดยสันติวิธีมาตลอด"