xs
xsm
sm
md
lg

รองแม่ทัพภาคที่ 2 เปิดความจริงมีหนึ่งเดียว “ช่องอานม้า” ปัญหายืดเยื้อข้ออ้างมนุษยธรรม-การค้า กระทบความมั่นคงชายแดน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



พล.ต.ณัฏฐ์ ศรีอินทร์ รองแม่ทัพภาคที่ 2 โพสต์เฟซบุ๊กเล่าความเป็นมาของ “ช่องอานม้า” จ.อุบลราชธานี ชี้ปัญหาที่เริ่มจากการอพยพและการค้า กลับถูกละเลยจนขยายกลายเป็นปัญหาความมั่นคงชายแดน พร้อมเตือนทุกฝ่ายอย่าใช้ข้ออ้างเรื่อง “มนุษยธรรม-การท่องเที่ยว” จนทำให้ไทยเสียเปรียบในระยะยาว

วันนี้ (20 ส.ค) “พล.ต.ณัฏฐ์ ศรีอินทร์” รองแม่ทัพภาคที่ 2 ได้ออกมาโพสต์ข้อความแสดงความคิดเห็นที่น่าสนใจในประเด็นของช่องอานม้า หลังเมื่อวาน (19 ส.ค.) เกิดเหตุวุ่นวายระหว่างทหารไทย-เขมรระหว่างพาคณะผู้สังเกตการณ์ชั่วคราว (IOT) ที่ประกอบด้วยตัวแทน 8 ชาติ ตามข้อตกลงหยุดยิง ลงพื้นที่ช่องอานม้า จ.อุบลราชธานี โดยรองแม่ทัพภาคที่ 2 ได้ระบุข้อความว่า

“ช่องอานม้า…ความจริงมีหนึ่งเดียว

ช่องอานม้า ต.โซง อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี เป็นช่องเขาลักษณะคล้ายอานม้า เดิมเป็นช่องทางธรรมชาติชักลากไม้นำเข้าจากฝั่งกัมพูชา อ.จอมกระสาน จ.พระวิหาร

ห้วงสงครามกลางเมืองภายในกัมพูชา ชาวกัมพูชาหลบหนีภัยการสู้รบเข้ามาบริเวณชายแดน ไทยได้เอื้อเฟื้อพื้นที่จัดตั้งศูนย์อพยพตามหลักมนุษยธรรมโดยมีหน่วยงานของสหประชาชาติอำนวยการ หลังการสู้รบเราได้ส่งคืนผู้อพยพกลับประเทศแต่มีส่วนหนึ่งปักหลักตั้งถิ่นฐานอยู่ไม่ยอมกลับ ด้วยหลักมนุษยธรรมที่สากลนำมากล่าวอ้างและความไม่เด็ดขาดของเราทำให้ไม่สามารถผลักดันกลุ่มคนเหล่านี้ออกจากพื้นที่ได้หมดและยืดเยื้อจนเป็นปัญหาถึงปัจจุบัน

ปี 2542 จ.อุบลราชธานี และ จ.พระวิหาร เห็นชอบเปิดช่องอานม้าเป็นจุดผ่อนปรนเพื่อการค้า กำหนดให้ตลาดฝั่งกัมพูชาอยู่บริเวณชุมชนเดิมนี้ ในขณะที่ตลาดฝั่งไทยลึกเข้ามาจากแนวเขตแดนประมาณ 300 เมตร คนกัมพูชาขึ้นมาจับจองพื้นที่ขยายชุมชนจากประมาณ 30 หลัง เป็นกว่า 100 หลังในปัจจุบัน

ปี 2554 ในขณะมีข้อขัดแย้งพื้นที่เขาพระวิหาร กัมพูชาใช้ห้วงเวลาที่เราติดตรึงการรบแอบสร้างอนุสาวรีย์ตาอม และปรับปรุงมาเรื่อยๆ จากแบบชั่วคราวจนเป็นแบบถาวร

ทั้งการขยายบ้านเรือน/การสร้างอนุสาวรีย์ ฝ่ายทหารได้พยายามแก้ไขด้วยการเจรจาและประท้วงผ่านกลไกทางทหารและกระทรวงการต่างประเทศรวม 65 ครั้ง แต่ฝ่ายกัมพูชาเพิกเฉยซึ่งสร้างความอึดอัดแก่ฝ่ายทหารในพื้นที่เป็นอย่างมาก

ปี 2555 รัฐบาลสองฝ่ายเห็นชอบให้ยกระดับเป็นจุดผ่านแดนถาวร มีนักลงทุนมาสร้างกาสิโนรอ แต่หน่วยงานความมั่นคงไม่เห็นด้วยยื่นข้อเสนอให้ย้ายชุมชนลงไปด้านล่าง ฝ่ายกัมพูชาไม่ยินยอม ทำให้การยกระดับไม่สามารถดำเนินการได้ ฝ่ายความมั่นคงเห็นว่าในอนาคตจะเกิดปัญหาจึงเสนอขอให้ปิดจุดผ่อนปรนฯ แต่ จ.อุบลราชธานีคัดค้านเนื่องจากเห็นว่าจะกระทบต่อการค้าและการท่องเที่ยวชายแดน

หวังว่าคำกล่าวอ้าง “เพื่อมนุษยธรรม” และ “กระทบการค้าและการท่องเที่ยวชายแดน” ซึ่งทำให้เราเพิกเฉยต่อประเด็นความมั่นคงแล้วส่งผลให้เกิดปัญหาใหญ่ในระยะยาว จะเป็นบทเรียนให้ทุกภาคส่วนของไทยเราได้ตระหนักและแก้ไขท่าทีทั้งในปัจจุบัน และอนาคตครับ”
กำลังโหลดความคิดเห็น