อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้าลั่นกลองเบิกฤกษ์แก่เกษตรกรที่ได้รับวงเงินสินเชื่อจากการนำไม้ยืนต้นมาเป็นหลักประกันทางธุรกิจ ซึ่งเป็นเกษตรกรรายแรกในพื้นที่ จ.นครศรีธรรมราช โดยเป็นการเปิดประตูให้เกษตรกร และกลุ่มธุรกิจ SME ได้เข้าถึงแหล่งทุนได้ง่ายและสะดวกขึ้น
นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ พร้อมด้วยคณะผู้บริหารธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ร่วมมอบวงเงินจดทะเบียนไม้ยืนต้นเป็นหลักประกันธุรกิจแก่นายสุมิตร ศรีวิสุทธิ์ เกษตรกรที่ได้รับวงเงินสินเชื่อ 50,000 บาท จากการนำไม้ยืนต้นที่ปลูกบนที่ดินของตนเอง จำนวน 137 ต้น ได้แก่ ต้นสักทอง 100 ต้น ต้นตะเคียนทอง 21 ต้น ต้นแดง 9 ต้น ต้นพะยูง 6 ต้น และ ต้นมะขาม 1 ต้น มาเป็นหลักประกันทางธุรกิจ ซึ่งนายสุมิตรถือเป็นเกษตรกรรายแรกในจังหวัดนครศรีธรรมราชที่ได้รับการอนุมัติสินเชื่อในเวลาไม่นาน พร้อมเป็นการเปิดประตูให้เกษตรกรและกลุ่มผู้ประกอบการ SME ได้เห็นคุณค่าของไม้ยืนต้นที่สามารถนำมาแปรเปลี่ยนเป็นเงินนำไปต่อยอดในชีวิตประจำวันได้ โดยไม่ต้องตัดต้นไม้ และสามารถนำไม้ยืนต้นที่มีการเจริญเติบโตมาเพิ่มมูลค่าและเป็นหลักประกันการขอสินเชื่อ โดยข้อมูลปัจจุบัน เมื่อวันที่ 14 สิงหาคม 2568 ได้มีเกษตรกร และ SME ทั่วประเทศนำไม้ยืนต้นมาเป็นหลักประกันทางธุรกิจแล้ว 170,026 ต้น (รวม 312 สัญญา) วงเงินรวม 186,122,768.04 บาท
นอกจากนี้ กรมพัฒนาธุรกิจการค้ายังได้จัดกิจกรรมให้ความรู้ “ส่งเสริมไม้ยืนต้นเป็นหลักประกันทางธุรกิจ” แก่เกษตรกรใน อ.ถ้ำพรรณรา จำนวน 100 ราย เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจและส่งเสริมให้ปลูกไม้ยืนต้นบนที่ดินของตนเอง พร้อมบรรยายรายละเอียด พ.ร.บ.หลักประกันทางธุรกิจ พ.ศ. 2568 และกฎกระทรวงกำหนดให้ทรัพย์สินอื่นเป็นหลักประกัน พ.ศ. 2561 (ไม้ยืนต้น) แก่เกษตรกรด้วย
สำหรับโครงการส่งเสริมไม้ยืนต้นเป็นหลักประกันทางธุรกิจ ถือเป็นหนึ่งในโครงการเรือธงที่กรมพัฒนาธุรกิจการค้าให้ความสำคัญเป็นลำดับต้น โดยปี 2568 ได้มีการลงพื้นที่เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการนำไม้ยืนต้นมาเป็นหลักประกันทางธุรกิจแก่เกษตรกรใน 4 นคร 4 ภูมิภาค ภายใต้ชื่อ “4 นคร ส่งเสริมไม้ยืนต้นเป็นหลักประกันทางธุรกิจ” ประกอบด้วย ภาคเหนือ จ.นครสวรรค์ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จ.นครพนม ภาคกลาง จ.นครนายก และภาคใต้ จ.นครศรีธรรมราช รวมกว่า 800 ราย โดยเป็นการให้ความรู้ถึงความสำคัญของการปลูกไม้ยืนต้น และพร้อมนำมาเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันการขอสินเชื่อกับสถาบันการเงินลงทุนหรือนำไปใช้สอยในชีวิตประจำวัน และที่สำคัญ เกษตรกรพร้อมปลูกไม้ยืนต้นในที่ดินเพิ่มขึ้น เพื่อเป็นมรดกแก่ลูกหลานและเป็นแหล่งออกซิเจนที่สำคัญของโลก และยังสามารถนำไม้ยืนต้นมาแปรเป็นเงินทุนได้