เมีย “แป้ง นาโหนด” ฟ้องแฟนสาวของสามีฐานยักยอกทรัพย์ เผยรู้จักเสี่ยจำเลยคดีดังตอนหลบหนีอยู่อินโดนีเซีย หลังถูกจับส่งตัวมาไทยได้มอบทองหนัก 4 บาทพร้อมนาฬิกาให้เพื่อนำไปขายเอาเงินมาดูแลคดีและส่งให้ใช้ในเรือนจำ แต่ฝ่ายหญิงรู้ทีหลังว่ามีเมียแล้ว รู้สึกเหมือนถูกหลอกใช้และเลิกติดต่อกันในที่สุด
วันนี้ (22 มี.ค.) ที่ จ.นครศรีธรรมราช นายกษิดิ์ชาติ ทองด้วง พี่ชายของนายเชาวลิต ทองด้วง หรือ แป้ง นาโหนด ผู้ต้องหาคดีดังหลายคดีซึ่งเคยก่อเหตุหลบหนีออกจาก รพ.นครศรีธรรมราชและหนีออกนอกประเทศระหว่างต้องโทษจำคุก เปิดเผยถึงกรณีดรามาระหว่างเมียเก่ากับแฟนใหม่ของน้องชายว่า เมื่อวันที่ 4 มิ.ย. 2567 ที่น้องชายถูกควบคุมตัวจากประเทศอินโดนีเซีย มายัง สภ.เมืองนครศรีธรรมราช นายเชาวลิตมีทรัพย์สินติดตัวมาเป็นกระเป๋าเป้ 2 ใบ กระเป๋าเดินทาง 1 ใบ และยังมีสร้อยคอทองคำ 1 เส้น สร้อยข้อมือทองคำ 1 เส้น และนาฬิกาข้อมือยี่ห้อ Gucci อีก 1 เรือน ซึ่งตนได้อยู่ที่ สภ.ด้วย นายเชาวลิตจึงบอกให้ติดต่อผู้หญิงที่ชื่อ มุก อยู่ จ.สุราษฎร์ธานี ให้มารับทรัพย์สินเหล่านี้ไป ซึ่งตนก็เพิ่งรู้จักผู้หญิงชื่อมุกเป็นครั้งแรก เมื่อ น.ส.มุกมาถึง นายเชาวลิตบอกว่าคนนี้เป็นแฟนสาว ให้มอบทรัพย์สินเหล่านี้ให้ไปได้เลย ตนจึงมอบให้ หลังจากนั้นทั้งคู่ก็ได้ถ่ายรูปเซลฟีและนั่งคุยจู๋จี๋กันอยู่ในห้องสอบสวน
นายกษิดิ์ชาติกล่าวว่า ในวันนั้น น.ส.มุกน่าจะยังไม่รู้นายเชาวลิตมีแฟนสาวอีกคนอยู่แล้วคือ น.ส.แอน อายุ 39 ปี ซึ่งก็ยังสงสัยอยู่ว่าเหตุใดนายเชาวลิตจึงมอบของมีค่าให้ น.ส.มุก แทนที่จะมอบให้ น.ส.แอน แต่ก็มองว่าเป็นเรื่องส่วนตัวจึงไม่เข้าไปเกี่ยวข้อง
ต่อมาทราบภายหลังว่า น.ส.มุกได้นำทรัพย์สินที่นายเชาวลิตมอบให้ไปขายเพื่อนำเงินมาซื้อข้าวซื้อของให้นายเชาวลิตที่อยู่ในเรือนจำและเป็นค่าใช้จ่ายอื่นๆ อีก ซึ่งก็ไม่ทราบว่า น.ส.มุกนำทรัพย์สินไปขายเอง หรือเป็นความประสงค์ของนายเชาวลิต แต่ก็ถือเป็นเรื่องผัวเมียจึงไม่อยากไปยุ่ง
นายกษิดิ์ชาติกล่าวต่อว่า จนกระทั่งล่าสุด น.ส.แอนได้แจ้งความดำเนินคดี น.ส.มุก ในข้อหายักยอกทรัพย์ ซึ่งตนได้ไปให้ปากคำต่อพนักงานสอบสวนที่ สภ.เมืองนครศรีธรรมราชเมื่อวันที่ 16 มี.ค.ที่ผ่านมา ตามสิ่งที่ตนได้เห็นในวันนั้น
“ผมมองว่าเป็นเรื่องธรรมดา ที่บ้านใหญ่เมื่อรู้ว่าผัวมีบ้านเล็กจึงอยากได้ทรัพย์สินของผัวทั้งหมดคืน ส่วนหนังสือมอบอำนาจที่บอกว่า เสี่ยแป้ง นาโหนด มอบหมายให้ น.ส.แอนเป็นผู้มีอำนาจในการจัดการเกี่ยวกับทรัพย์สินและผลประโยชน์ต่างๆ ของเสี่ยแป้ง นาโหนด เช่น รถแบ็กโฮ และการเก็บรายได้จากการขายทรายนั้น ผมคาดเดาเอาว่า น.ส.แอนอาจจะนำหนังสือมอบอำนาจเปล่าให้เสี่ยแป้ง นาโหนด เซ็นและมาแต่งเติมเนื้อหาเอาในภายหลังหรือไม่อย่างไร ซึ่งหลังจากที่เสี่ยแป้ง นาโหนด ติดคุกผมก็ไม่ได้ติดต่อกับ น.ส.แอนอีกเลย” นายกษิดิ์ชาติกล่าว
ทางด้าน น.ส.มุกเปิดเผยว่า ได้รู้จักกับแป้ง นาโหนด เมื่อช่วงปีใหม่ 2567 ขณะที่ตนเองและเพื่อนไปเที่ยวที่ประเทศอินโดนีเซีย ช่วงประมาณเดือน ก.พ.ได้ไปเที่ยวสถานบันเทิงแห่งหนึ่งทำให้ได้พบและรู้จักกับเสี่ยแป้ง นาโหนด ตอนนั้นยังไม่รู้จักว่าเป็นใคร เห็นแต่ว่าเป็นคนไทยคนหนึ่งที่ใช้ชีวิตอยู่ในอินโดนีเซีย และแป้งเองยังบอกว่าโสดไม่มีภรรยา ใช้ชีวิตอิสระ จึงได้มีการแลกไลน์ไว้ติดต่อกัน
หลังจากนั้นจึงได้มีการคบหาดูใจกัน แต่ก็เคยมีปัญหาปากเสียงกัน เนื่องจากทางแป้ง นาโหนด ได้เช็กโทรศัพท์มือถือแล้วเกิดความหึงหวงจึงทำร้ายร่างกาย ตนเองจึงได้วิ่งหนีออกมาจากคอนโดฯ หรูตามที่เป็นข่าว แต่แป้ง นาโหนด ก็ตามจับได้แล้วนำไปขังในห้อง 2-3 วัน ก่อนจะเคลียร์กันได้แล้วปล่อยตัวออกมา หลังจากนั้นตนได้เดินทางกลับประเทศไทย แต่ก็ยังติดต่อกับแป้ง นาโหนด อยู่ตลอดเวลา
น.ส.มุกเปิดเผยอีกว่า หลังจากแป้ง นาโหนด ถูกจับตนทราบข่าวว่าจะถูกส่งตัวมายัง สภ.เมืองนครศรีธรรมราช หลังจากนั้นก็ได้รับการติดต่อจากพี่ชายของแป้ง นาโหนด ให้เดินทางไปหาที่ สภ.เมืองนครศรีธรรมราช เมื่อไปถึงในห้องสอบสวนยังมีเจ้าหน้าที่ตำรวจ พี่ชายของแป้ง นาโหนด และทนายความ อยู่ในห้องกันทุกคน โดยแป้ง นาโหนด ได้แนะนำกับทุกคนว่าตนเองคือแฟนสาวที่คบหากันอยู่ และได้สั่งให้พี่ชายนำสร้อยคอทองคำ 1 เส้น น้ำหนัก 2 บาท สร้อยข้อมือหนัก 2 บาท 1 เส้น รวมถึงนาฬิกาข้อมือ Gucci 1 เรือน ราคาประมาณ 20,000 กว่าบาท ที่พี่ชายสวมใส่อยู่มอบให้ตนด้วย
น.ส.มุกบอกอีกว่า ระหว่างที่อยู่ในห้องสอบสวน แป้ง นาโหนด ยังได้สั่งกำชับให้เธอนำทองที่มอบให้ไปขายเพื่อนำเงินมาจ่ายค่าทนายความ และซื้อข้าวจากด้านนอกให้ทุกวัน เพราะแป้ง นาโหนด ไม่สามารถกินข้าวในเรือนจำได้ พร้อมกับกำชับให้ฝากเงินเข้าเรือนจำอีกเดือนละ 10,000 บาท ซึ่งตนเองก็รับปากเพราะความเห็นใจ หลังจากนั้นได้นำสร้อยคอทองคำพร้อมกับสร้อยข้อมือน้ำหนักรวม 4 บาท ไปขายได้เงินประมาณ 2 แสนบาท ได้นำไปจ่ายเงินให้ทนายความในวันสอบสวน 4,000 บาท และให้เงินค่าทนายความอีก 50,000 บาท โดยให้พี่ชายของแป้ง นาโหนด เป็นผู้จ่ายเงิน และทราบภายหลังว่าทนายความคนดังกล่าวยังเป็นพรรคพวกกับภรรยาของ แป้ง นาโหนด ที่มีอาชีพเป็นทนายความเช่นเดียวกัน และเงิน 50,000 บาทที่จ่ายไปก็ยังอยู่กับภรรยาของแป้ง นาโหนด
ส่วนการฝากเงินเข้าเรือนจำให้กับแป้ง นาโหนดนั้น ได้ฝากเข้าระบบออนไลน์ 10,000 บาท ในเดือน มิ.ย. 2567 และเว้นระยะไป 3 เดือน เนื่องจากตัวแป้ง นาโหนด ถูกแยกขังเดี่ยวไม่สามารถฝากเงินให้ได้ จากนั้นจึงได้ฝากเงินเข้าระบบออนไลน์อีกทุกเดือน เดือนละ 5,000-10,000 บาท เป็นเวลา 5 เดือน จนกระทั่งถึงเดือน ก.พ.ปี 2568 จึงได้เลิกฝากให้ และเลิกติดต่อกันไป หลังจากทราบว่าแป้ง นาโหนด มีภรรยาอยู่แล้ว
น.ส.มุกเปิดเผยอีกว่า สาเหตุที่ทราบว่าแป้ง นาโหนด มีภรรยาอยู่แล้ว เนื่องตนได้โพสต์รูปคู่กับแป้ง นาโหนด ใน TikTok แล้วมีผู้หญิงคนหนึ่งเข้ามาคอมเมนต์ว่าอย่าออกตัวแรงเกินไป เนื่องจากแป้ง นาโหนด มีภรรยาแล้ว และมีลูกด้วยกัน 2 คน ทำให้ตนตกใจมาก และได้ไปสืบมาจนทราบว่าแป้ง นาโหนด มีภรรยาอยู่แล้วจริงๆ จากนั้นภรรยาของแป้ง นาโหนด ได้คุกคามข่มขู่ครอบครัวของเธอ รวมทั้งได้ส่งเอกสารฝากผู้ใหญ่นำมาให้ดู ซึ่งเป็นใบมอบอำนาจจากนายเชาวลิต หรือ แป้ง นาโหนด ให้ น.ส.แอน เป็นผู้ดูแลทรัพย์สิน เมื่อรู้ความจริงจึงรู้สึกเหมือนถูกหลอกใช้ ทั้งๆ ที่ แป้ง นาโหนด เคยเขียนจดหมายขอบคุณและบอกรัก
ส่วนเงิน 2 แสนบาทที่ได้จากการขายทอง ได้ส่งให้พี่ชายของแป้ง นาโหนด เป็นค่าใช้จ่ายในการเดินทางจากพัทลุงไปเยี่ยมที่คุกบางขวาง 10,000 บาททุกครั้ง โดยไม่เคยนำมาใช้ส่วนตัวเลย นอกจากใช้ในเรื่องของคดีและเดินทางไปเยี่ยมแป้ง นาโหนด ตอนนี้ยังเหลือเงินไม่ถึง 10,000 บาท และนาฬิกา Gucci อึก 1 เรือน
ทั้งนี้ น.ส.มุกยังได้เปิดเผยจดหมายที่แป้ง นาโหนด เขียนมาหาระหว่างที่อยู่ในเรือนจำบางขวาง โดยเนื้อความในจดหมายขึ้นต้นว่า “น้องมุก สุดที่รัก” พร้อมแสดงความเป็นห่วงเป็นใย ถามว่าเป็นอย่างไรบ้าง ขอบคุณมากๆ ที่ดูแลกัน ซื้อของให้ใช้ทุกวัน ที่ผ่านมาไม่เคยนอกใจมุกแม้แต่ครั้งเดียว เพราะรักน้องมุกเพียงคนเดียว และจะรักตลอดไป รักและคิดถึงน้องมุกเสมอ จาก เสี่ยแป้ง