นายศุภกิจ งามจิตรเจริญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซิก้า อินโนเวชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ZIGA ตกเป็นข่าวฉาวโฉ่อีกครั้ง หลังถูกผู้ถือหุ้นและอดีตกรรมการบริษัทลูกยื่นฟ้อง และศาลอาญาธนบุรีมีคำสั่งประทับรับฟ้องคดียักยอกทรัพย์ นำเงินของบริษัทไปซื้อทองคำแท่ง เบียดบังเป็นของตนเองหรือบุคคลที่สามโดยทุจริต
ข่าวฉาวโฉ่ของผู้บริหาร ZIGA ครั้งนี้ ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นนักลงทุนโดยตรง และดูเหมือนราคาหุ้นจะรับรู้ข่าวร้ายล่วงหน้า โดยปรับตัวลงต่อเนื่อง จากเคยถูกลากขึ้นไปสูงสุดที่ 3.02 บาท ในรอบ 12 เดือน แต่ถูกขายทิ้ง จนลงมาต่ำสุดที่ 98 สตางค์ เมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา และล่าสุดปิดที่ 1.00 บาท
ZIGA ในอดีตเป็นหุ้นร้อน ราคาเคลื่อนไหวหวือหวา มีการสร้างข่าวดีกระตุ้นราคาอย่างต่อเนื่อง จนถูกตลาดหลักทรัพย์ใช้มาตรการกำกับการซื้อขายหลายครั้ง
ในยุคที่บริษัทจดทะเบียนโหนกระแสเหมืองขุดบิตคอยน์ ผู้บริหาร ZIGA โดดร่วมวงด้วย ประกาศทุ่มงบลงทุนกว่า 100 ล้านบาท ตั้งเหมืองขุดบิตคอยน์ แต่ไม่มีข่าวว่าประสบความสำเร็จหรือเสียหาย จาการตั้งเหมืองขุดบิตคอยน์ไปเท่าไหร่
นอกจากนั้น ยังมีการออกวอร์แรนต์หรือใบสำคัญแสดงสิทธิจองซื้อหุ้นสามัญ กระตุ้นการเก็งกำไรหุ้น 2 รุ่น โดย ZIGAW-2 ราคาล่าสุดอยู่ที่ 11 สตางค์
ZIGA เคยตกเป็นข่าวดัง ปล่อยเงินกู้ให้ นายสุรชัย เชษฐโชติศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับหนึ่ง บริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน) หรือ RS จำนวน 104 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ย 15% ต่อปี เมื่อประมาณกลางปี 2566 แต่มีการชำระหนี้คืนเป็นที่เรียบร้อย
คดียักยอกเงินบริษัทไปซื้อทองคำ เก็บไปเป็นสมบัติส่วนตัว เคยถูกเปิดโปงมาก่อนหน้าแล้ว และ ZIGA เคยชี้แจงผ่านตลาดหลักทรัพย์ แต่เมื่อศาลประทับรับฟ้อง สะท้อนให้เห็นว่า คดีมีมูล ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ต้องลงมาตามติดเรื่องความไม่สุจริตการบริหารงานภายในของ ZIGA
เพราะมีเบาะแสการกระทำความผิด เข้าข่ายการโกงผู้ถือหุ้น ไซฟ่อนผ่องถ่ายเงินออกจากบริษัทจดทะเบียน ซึ่งถ้าตรวจสอบว่ามีมูล จะต้องร้องทุกข์กล่าวโทษทางอาญาซ้ำ รวมทั้งแจ้งให้สำนักงานคณะกรรมการปราบปรามการฟอหเงิน (ปปง.) ดำเนินการสอบสวนเส้นทางการเงินต่อ
นายศุภกิจยังดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ZIGA อยู่ แม้จะถูกฟ้องคดียักยอกทรัพย์ของบริษัท แต่คงไม่มีข้อห้ามหรือข้อบังคับใดของ ก.ล.ต.ที่กำหนดให้นายศุภกิจพ้นจากตำแหน่ง และนายศุภกิจคงไม่แสดงสปิริตลาออก
แต่ถ้า ก.ล.ต.ใช้เบาะแสคดีที่ผู้ถือหุ้นและอดีตกรรมการบริษัทลูก ZIGA ตรวจสอบข้อมูลเพิ่มเติม และพบพฤติกรรมความผิดจริง และกล่าวโทษ นายศุภกิจจะต้องพ้นจากการเป็นผู้ บริหาร ZIGA ในทันที
ในยุคที่ราคาหุ้นถูกลากขึ้นอย่างร้อนแรง มีการสร้างข่าวกระตุ้นการเก็งกำไร นักลงทุนรายย่อยจำนวนมากแห่เข้าไปแลกหมัดวัดดวงหุ้น ZIGA จนจำนวนผู้ถือหุ้นรายย่อยมีมากถึง 21,031 ราย เมื่อปิดสมุดทะเบียนวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2567
ผู้ถือหุ้นรายย่อยทั้งหมดตกอยู่ในฐานะผู้สูญเสีย ขาดทุนป่นปี้ และไม่อาจคาดหวังชะตากรรมใดได้
เพราะข่าวถูกฟ้องคดียักยอกทรัพย์ ทำให้ผู้บริหาร ZIGA ล้มละลายในความเชื่อถือ เดินเข้าสู่วาระอนาคตดับสูญ
และราคาหุ้น ZIGA คงปลุกผีไม่ขึ้นแล้ว
