เพจดังยกเคสดังจากมหาวิทยาลัย west Virginia ของอเมริกาปี 2018 เตือนระวังเป็นพิเศษการทำหัตถการใดๆ กับคอ โดยเฉพาะการบิดด้วยอัตราเร็วมากๆ ไม่ว่าจะทำเอง หรือให้ใครทำก็ตาม เสี่ยงหลอดเลือดฉีกขาด กล้ามเนื้อ-เอ็นอักเสบฉีกขาด อันตรายถึงเสียชีวิตได้
วันนี้ (17 มี.ค.) เพจ "Tensia" ได้ออกมาโพสต์เตือนภัย ระบุข้อความว่า “หญิง 32 ปี สุขภาพดี หลังดัดคอ ปวดคอมาก เหงื่อแตกเฉียบพลัน หัวใจหยุดเต้น ตรวจสมองพบหลอดเลือดข้างคอฉีก 2 ข้าง + ลิ่มเลือดอุดก้านสมอง คอเป็นโครงสร้างที่เต็มไปด้วยโครงสร้างที่สำคัญ หนึ่งในนั้นคือระบบหลอดเลือดที่เรียกว่า Vertebral artery ที่ทอดตัวผ่านรูด้านข้างของกระดูกคอ พอถึงฐานกะโหลก จะลู่เข้าหากัน แล้วรวมกันเป็นหลอดเลือด basilar artery ที่เลี้ยงก้านสมอง และสมองด้านบนโซนหลัง
ดังนั้นเรียกได้ว่าคอเรามีหลอดเลือดที่อยู่กับกระดูกคอเลย แม้โครงสร้างค้ำจุนจะค่อนข้างดีมาก แต่ถ้าเหตุเหมาะเจาะ องศาได้ และอาจมีโรคประจำตัวที่ไม่ทราบ มันอาจได้รับอันตรายได้ หญิง 32 ปี ไม่มีประวัติโรคประจำตัวใดๆ ปวดเมื่อยคอ จึงไปรับการดัดคอ (ข้อมูลไม่ได้ระบุรายละเอียดว่าทำสถานที่แบบใด) หลังทำ มีอาการเจ็บคอมากขึ้นมาทันที หลังจากนั้นเริ่มเหงื่อแตก แล้วหมดสติไป หัวใจหยุดเต้น + หยุดหายใจ CPR ยื้อประมาณ 3 นาที จนกระทั่งรถ EMS นำส่ง รพ. ตอนมาถึง รพ. CPR ขึ้นแล้ว ความดันเฉลี่ยประมาณ 80 mmHg จึงรีบส่งสแกนหลอดเลือดสมองฉุกเฉินพบว่า หลอดเลือด vertebral artery ที่แนบกระดูกสันหลังคอ 2 ข้างมีผนังฉีกด้านใน โดยข้างขวาคือหนักมาก จุดสารทึบแสงไม่ผ่านเลย (ดูในภาพนะคะ)
ยังไม่จบค่ะ พอผนังหลอดเลือดมันฉีกขาด เกล็ดเลือดจะคิดว่าเป็นแผล จึงวิ่งมาสร้างลิ่มเลือดพยายามอุด แต่ลิ่มเลือดนั้นมันเกาะไม่ไหว เลือดมันไหลแรง หลุดขึ้นไปในสมอง แล้วไปอุดหลอดเลือดหัวใจสำคัญของก้านสมองชื่อ Basilar artery และยังเลี้ยวไปอุดแขนงที่ชื่อว่า PICA ข้างซ้าย ที่เลี้ยงสมองส่วน cerebellum อีก
คือเรียกได้ว่าทั้งฉีกอุด และแจกลิ่มเลือดไปทั่วเลยค่ะ จึงไม่แปลกที่ผู้ป่วยจะไปไวมาก เพราะก้านสมองส่วน medulla oblongata ที่เป็นศูนย์การหายใจและหัวใจขาดเลือดไปชั่วขณะ (ยังมีฝั่งซ้ายมาช่วยได้บ้าง) หัวใจจึงหยุดเต้นไวมาก ผู้ป่วยได้รับการรักษาอย่างเร่งด่วนทั้งยาและเข้าสวนหลอดเลือดเพื่อพยายามซ่อมและเอาลิ่มเลือดออก แต่สุดท้ายแขนงเส้นเลือดที่ไปเลี้ยงสมองส่วนหลังก็ไม่กลับมา (No reperfusion of left PCA) น่าจะช้าไปแล้ว
หลังออกจากห้องผ่าตัด 1 วัน จุดที่ขาดเลือดไปแล้วเริ่มมีการบวมของสมอง ลามไปอย่างรวดเร็ว จากเซลล์บวม หลอดเลือดพัง แล้วเริ่มมีเลือดออกซ้ำ (Hemorrhagic transformation) แล้วเริ่มมีสมองปลิ้นตามจุดสำคัญ โดยเฉพาะก้านสมองส่วนล่าง (Tonsilar herniation)
Case report นี้รายงานจบแค่นี้ ไม่แน่ใจว่าผู้ป่วยรอดชีวิตหรือไม่ แต่สิ่งต้องระวังเป็นพิเศษเลยคือการทำหัตถการใดๆ กับคอ โดยเฉพาะการบิดด้วยอัตราเร็วมากๆ ไม่ว่าจะทำเอง หรือให้ใครทำก็ตาม บางทีอาจไม่ถึงขั้นหลอดเลือดฉีกขาด แต่กล้ามเนื้อ-เอ็นอักเสบฉีกขาด ก็ทำให้รักษาหลายเดือนได้"