"ต้นอ้อ เป็นหนึ่ง" ยืนยันข่าวที่ผู้เสียหายถูกหลอกให้ซื้อวุฒิการศึกษาและตำแหน่งในรัฐสภาไม่เป็นความจริง เตรียมรวบรวมหลักฐานให้ทนายความฟ้องกลับ แจงพลาดไปเพราะรักและหวังดีกับเพื่อนแต่ถูกบิดเบือน
วันนี้ (3 ก.ค.) จากกรณีที่มีผู้เสียหาย อายุ 42 ปี แจ้งความต่อพนักงานสอบสวน สภ.เมืองสกลนคร ว่าได้ไปร้องทุกข์ต่อมูลนิธิแห่งหนึ่งเพื่อให้ขอช่วยเหลือด้านคดีที่ถูกสามีทำร้ายร่างกาย และฮุบสมบัติ พร้อมปรึกษาว่าอยากจะมีตัวตนให้สามีรู้สึกเกรงขาม จึงปรึกษากับมูลนิธิดังกล่าว โดยประธานมูลนิธิเสนอว่าให้ซื้อวุฒิการศึกษาจากมหาวิทยาลัย แล้วไปยื่นสมัครหรือซื้อตำแหน่งที่รัฐสภา ทำให้ตนหลงเชื่อและโอนเงินเมื่อปลายปี 2566 ระบุว่าจะได้วุฒิในเดือนกุมภาพันธ์ 2567 แต่ถึงวันนี้ไม่มีวี่แวว เมื่อสอบถามก็บ่ายเบี่ยงว่า อธิการบดีไม่สามารถทำได้ ก่อนได้มาฟังเรื่องราวจากคนในมูลนิธิอีกคนหนึ่งพบว่ามีปัญหาเรื่องเงิน การขอเงินต่างๆ เลยเอะใจว่าน่าจะโดนหลอก เพราะเงินที่รับไป 150,000 บาท แต่รับเงินจากตนเองไป 200,000 บาท หมายถึงว่าเขามีค่าส่วนต่าง จึงได้มาแจ้งความเพื่อเป็นหลักฐานไว้ว่าโดนหลอกลวง กระทั่งกลายเป็นข่าวดัง
ปรากฏว่าเมื่อวันที่ 2 ก.ค. เฟซบุ๊ก "ต้นอ้อ เป็นหนึ่ง" หรือ น.ส.ชลิดา พะละมาตย์ ประธานมูลนิธิเป็นหนึ่ง ชี้แจงว่า "จากกรณีที่มีการปล่อยข่าวว่ามีการซื้อขายตำแหน่งคณะทำงานรองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ตามที่ปรากฏเป็นข่าวนั้น ต้นอ้อขอชี้แจงยืนยันดังนี้ค่ะว่าข้อมูลดังกล่าวไม่เป็นความจริง และไม่มีการโอนเงินซื้อขายตำแหน่งแต่อย่างใด ท่านสมคิด เชื้อคง รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ฝ่ายการเมือง ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องหรือรู้เห็นในเรื่องดังกล่าว แต่กลับถูกพาดพิงจนท่านได้รับความเสียหาย ดังนั้นต้นอ้อได้รวบรวมหลักฐานเพื่อส่งมอบให้ทนายความดำเนินคดีจนถึงที่สุดต่อไปค่ะ ดิฉันต้องกราบขออภัยไปยังท่านสมคิด เชื้อคง รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ฝ่ายการเมือง ที่ได้รับความเสียหายจากเรื่องนี้ค่ะ"
อีกโพสต์หนึ่ง ระบุว่า "กรณีที่มีบางเพจและกลุ่มคนบางกลุ่มเปิดเผยแชตและมีการพาดพิงถึง “ต้นอ้อ เป็นหนึ่ง” ในทางเสื่อมเสีย ตลอดจนมีการบิดเบือนเรื่องราวและเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีต ทำให้สังคมเกิดความเข้าใจผิด ซึ่งอ้อขอยืนยันว่าทางเรามีหลักฐานโต้แย้งข้อกล่าวหาเหล่านั้นทุกเรื่อง และยินดีให้ผู้ที่อ้างว่าเป็นผู้เสียหายใช้กระบวนการทางกฎหมายดำเนินการ เพื่อนำหลักฐานของทั้งสองฝ่ายมาแสดงในชั้นศาล ไม่ใช่การโพสต์และกล่าวหาลอยๆ จนนำไปสู่ผลกระทบต่อชื่อเสียงและงานของ “มูลนิธิเป็นหนึ่ง” ที่กำลังดำเนินอยู่ ทั้งนี้ อ้อต้องกราบขออภัยอย่างสูงหากมีบุคคลที่สามท่านใดที่ต้องได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ครั้งนี้นะคะ และต่อจากนี้อ้อยังขอยืนยันว่าจะทำงานช่วยเหลือสังคมต่อไปค่ะ"
และยังคอมเมนต์อีกว่า "สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นการกระทำของอ้อที่ผิดพลาดไปเพราะรักและหวังดีกับเพื่อน แต่มีการบิดเบือนบางส่วนทำให้อ้อได้รับความเสียหาย เรื่องทุกเรื่องที่เกิดขึ้นมีที่มาที่ไป มีหลักฐานทุกอย่าง ต้องขอโทษสังคม และคนที่ติดตามอ้อที่ทำให้รู้สึกผิดหวังในตัวอ้อ เรื่องนี้จะเป็นบทเรียนให้อ้อมากที่สุดในชีวิตและอ้อจะเลือกคบเพื่อนให้ดีกว่านี้ค่ะ"