“จรยุทธ” จี้ นายกฯ แก้ปัญหาส่วย รับไม่มั่นใจแก้ได้หรือไม่ เหตุนายกฯเคยหลุดปากเองปมซื้อขายตำแหน่ง แฉใบเสร็จส่วยผ่านทางขนวัตถุอันตรายนอกเวลา ไม่มีหน้าม้าใดๆ ทั้งสิ้น ร้องเฮ้ย มันจ่ายส่วยกันทั้งประเทศ แม้แต่เขต “รองอ๋อง” ยังมี ฝากไปไล่บี้ให้ด้วย
วันนี้ (3 เม.ย.) นายจรยุทธ จตุรพรประสิทธิ์ ส.ส.กทม. พรรคก้าวไกล อภิปรายทั่วไปรัฐบาลตามมาตรา 152 ของรัฐธรรมนูญว่า เป็นที่รู้กันดีว่ารัฐบาลเศรษฐา 1 นโยบายซอฟต์พาวเวอร์ คือ นโยบายเรือธง ที่ได้รับการเคลมว่าเป็นมหายุทธศาสตร์ ตนจึงอยากนำเสนออีกหนึ่งซอฟต์พาวเวอร์ ของไทยที่โด่งดังไกลถึงนักลงทุนชาวต่างชาติ ซึ่งก็คือ “ส่วย” ที่แทรกซึมลึกลงไปในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) หน่วยงานที่ขึ้นตรงกับ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ส่วยที่ตนจะอภิปรายในวันนี้ ตนขอตั้งชื่อว่า The G Pass ที่เป็นแพกเกจเคลียร์เส้นทางรถบรรทุกผ่านสะดวก ผ่านสบาย ผ่านทุกเวลา
นายจรยุทธ กล่าวต่อว่า ย้อนกลับไปช่วงกลางปีที่ผ่านมา จากการเปิดโปงส่วยสติกเกอร์อันฉาวโฉ่ หนำซ้ำในช่วงปลายปียังมีเหตุการณ์รถบรรทุกที่ติดสติกเกอร์ส่วย ทำถนนทรุด แต่นายกรัฐมนตรีกลับออกมาเปิดเผยว่า ส่วยหายไปแล้ว 80% ตนก็เลยสงสัยว่า “เอ๊า ถ้ารู้ลึกขนาดนี้ อีก 20% ทำไมแก้ไม่ได้” นายจรยุทธ กล่าว
นายจรยุทธ กล่าวว่า รถบรรทุกหกล้อขึ้นไป มีกฎระเบียบหมดว่าต้องจำกัดความเร็วและเวลา เพื่อหลีกเลี่ยงช่วงเวลาเร่งด่วน รถบรรทุกวัตถุอันตรายมีข้อห้ามไม่ให้บรรทุกนอกเวลา เนื่องจากมีข้อจำกัดด้านความปลอดภัยในการควบคุมเพลิง หากเกิดเหตุเพลิงไหม้ ตนถึงได้สอบถามไปยังกองบังคับการตำรวจจราจร ซึ่งก็ยืนยันว่าไม่สามารถบรรทุกได้ แต่จากการสำรวจของตน พบว่ายังมีการวิ่งอยู่บนถนนในเวลากลางวัน มีทั้งวิ่งในช่วงเวลาที่จราจรหนาแน่นและใต้รถไฟฟ้า
นายจรยุทธ เปิดคลิปเหตุการณ์แก๊สระเบิดที่ถนนเพชรบุรี พร้อมไว้อาลัยกับผู้สูญเสีย ก่อนกล่าวว่า ไม่อยากจะคิดว่าถ้าเกิดขึ้นในช่วงเช้าวันจันทร์ วันทำงาน จะโหดร้ายขนาดไหน 3 ปีที่ผ่านมา เกิดอุบัติเหตุรถบรรทุกวัตถุไวไฟในเมือง นอกจากนี้ เมื่อสิ้นปีที่ผ่านมา มีเหตุการณ์รถบรรทุกวัตถุอันตรายพลิกคว่ำในเขตของตน คำถามคือในเมื่อกฎหมายกำหนดไว้เหตุใดรถวันนี้ยังวิ่งในเวลาที่ห้ามวิ่งได้ ปัญหาเป็นเพราะการรับส่วยรถบรรทุกมีอยู่จริง
นายจรยุทธ กล่าวว่า นอกจากนี้ ยังมีใบแสดงค่าใช้จ่าย ที่ระบุว่า เป็นค่าเคลียร์เส้นทางการจราจร มีการลงนามอนุมัติและทำกันอย่างเป็นระบบ ซึ่งจากที่อยู่ปรากฏว่าเป็นที่ของการรถไฟแห่งประเทศไทย โดยทางการรถไฟชี้แจงว่าเป็นที่ดินของผู้บุกรุก อย่างไรฝากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมช่วยตรวจสอบด้วย
“เฮ้ย นี่มันจ่ายส่วยกันทั้งประเทศเลยท่านประธาน ถ้าท่านประธานเห็น มีไปถึงพิษณุโลก บ้านท่านประธานด้วยครับ” นายจรยุทธ กล่าว
นายจรยุทธ เปิดเผยว่า บริษัทดังกล่าวรับงานจากบริษัทชื่อดังทั้งนั้น ตนขอฝากไปถึงบริษัทที่เป็นคู่ค้า วันนี้พวกท่านได้ทราบแล้ว ว่า บริษัทคู่ค้าของท่านจ่ายส่วย สถานีตำรวจก็มีตั้งแต่พระโขนง ไปจนถึงแม่ปิง ไม่ต้องมีใครน้อยใจ มีกันทั่วประเทศ ซึ่งถ้ามาดูที่จำนวนเงิน จะเห็นว่ามันไม่ได้เยอะ หลักพันบาททั้งนั้น แต่ไม่ว่าจะเป็นหลักพันหรือหลักล้าน ความผิดสำเร็จแล้ว ตนจึงให้ทีมงานแกล้งแอดไลน์ไปที่รายชื่อผู้ติดต่อในสถานีตำรวจที่รับค่าเคลียร์เส้นทาง ปรากฏว่ามีคอนแทกต์ให้ติดต่อจริง มีเลขบัญชีรับโอนจริง
“เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมามีข่าวเกี่ยวกับการใช้บัญชีม้า เอี่ยวนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ ท่านประธานครับ อันนั้นบัญชีม้า แต่อันนี้ไม่มีบัญชีม้า บัญชีแมวใดๆ ทั้งนั้น นี่เปิดมาแค่บริษัทเดียวนะครับ” นายจรยุทธ กล่าว
นายจรยุทธ ย้ำว่า อาจจะมองว่าเป็นเงินนิดเดียวเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่ตอนนี้กลับกลายเป็นเรื่องปกติของสังคมไทย เรื่องที่ตนนำเสนอเป็นเพียงแค่ยอดภูเขาน้ำแข็งเท่านั้น ตนนั่งอยู่ในกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาผลกระทบของการเปิดสถานบันเทิง พบว่า มีการจ่ายส่วยกันเดือนหนึ่งไม่ต่ำกว่า 10 หน่วยงาน ตนเชื่อว่า ตำรวจไม่อยากรีดไถประชาชน แต่ระบบที่มันเน่าเฟะ ใครอยากก้าวหน้าในตำแหน่งต้องซื้อตั๋ว บางคนต้องยอมตามน้ำ หัวไม่ส่ายหางไม่กระดิก แต่บางทีหางไม่อยากกระดิก
นายจรยุทธ กล่าวอีกว่า ตนไม่มั่นใจว่า จะจัดการได้หรือไม่ เพราะนายกรัฐมนตรี ก็พูดในที่ประชุมพรรคการเมืองหนึ่ง ว่าตำแหน่งผู้กำกับ ก็มีผู้ผิดหวังมากกว่าสมหวังในห้องนี้ เพราะเยอะเกิน ที่ตนบอกว่านายกรัฐมนตรีเคยให้สัมภาษณ์ว่าส่วย หายไปแล้ว 80% แสดงว่าอีก 20% นี้ สมหวังใช่หรือไม่ คือคนที่ขอตำแหน่งใช่หรือไม่ ตนหมดหวังถ้าระบบตั๋วยังถูกทำให้เป็นเรื่องปกติ เมื่อตอนไปเปิดดูคำแถลงของนายกรัฐมนตรีพบว่า ไม่มีนโยบายเกี่ยวกับตำรวจเลย ทุกวันนี้ตำรวจทำงานเพื่อใคร ที่แน่ๆไม่ใช่เพื่อประชาชน
นายจรยุทธ ยังได้โชว์เอกสาร คำร้องไปถึงนายกรัฐมนตรี พร้อมระบุว่า ตนขอฝากประธานสภาไปยังนายกรัฐมนตรีด้วย ในนี้มีการเปิดชื่อทุกคนไว้ อย่ารอให้ประวัติศาสตร์ต้องซ้ำรอย
โดยภายหลังการอภิปราย นายจรยุทธ ได้เดินไปยื่นเอกสารคำร้องดังกล่าวให้นายกรัฐมนตรีผ่านประธานในที่ประชุม