xs
xsm
sm
md
lg

ปกป้อง “โจ๊ก” สุดลิ่ม ป.ป.ช.เมินคืนสำนวนเว็บพนันให้ตำรวจ ไม่เรียกพยานปากเอกเช่าพระเครื่องทิพย์

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



องค์กรพังช่างมัน ป.ป.ช.ปกป้อง “โจ๊ก” สุดลิ่มทิ่มประตู ไม่ยอมคืนสำนวนคดีเว็บพนันให้ บช.น.อ้างพบบัญชีม้าโยงบัญชีตำรวจ ต้องพิจารณาก่อนว่าเป็นความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่หรือไม่ ขณะเดียวกันก็ไม่ยอมเรียกสอบ “อดีตผู้ว่าฯ” พยานปากเอกมัด “เฮียอั้ง เมืองชล” แต่งละครเช่าพระเครื่องทิพย์ ช่วย “โจ๊ก” ตกแต่งบัญชีทรัพย์สิน



ในรายการ  “คุยทุกเรื่องกับสนธิ” หรือ “สนธิทอล์ก”เมื่อวันศุกร์ที่ 7 มิถุนายนที่ผ่านมา นายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์เครือผู้จัดการได้กล่าวถึงการแถลงข่าวเมื่อวันที่ 5 มิถุนายน 2567 ที่ผ่านมา ของนายนิวัติไชย เกษมมงคล เลขาธิการ และโฆษกคณะกรรมการ ป.ป.ช. กรณี พล.ต.ต.วสันต์ เตชะอัครเกษม รอง ผบช.น. มีหนังสือขอคืนสำนวนการสอบสวนคดีอาญาที่ 391/2566 ของ สน.เตาปูนกรณีที่มีผู้มากล่าวโทษต่อพนักงาน สอบสวนให้ดำเนิน คดีกับ พ.ต.ท.คริษฐ์ ปริยะเกตุ, น.ส.เบญจมิน แสงจันทร์, น.ส.อัญชลี ไวทยาชีวะ กับพวกรวม 22 คน จาก ป.ป.ช. เนื่องจากเห็นว่าอยู่ในขอบเขตอำนาจของศาลอาญาและพนักงานสอบสวน ป.ป.ช.จึงได้นัดหมายรองผู้บัญชาการตำรวจนครบาลเข้ามาพูดคุยกัน

นายนิวัติไชย เกษมมงคล
แต่ นายนิวัติไชยอ้างว่า เมื่อถึงเวลาทางฝั่งตำรวจไม่ได้เดินทางมาตามนัดหมาย ส่งเพียงหนังสือชี้แจงมาเท่านั้น ซึ่งในหนังสือชี้แจงระบุด้วยว่าเรื่องนี้ทางพนักงานสอบสวนได้สอบสำนวนคดีนี้เสร็จสิ้นแล้ว พบว่า คดีของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติและพวก ไม่ใช่ความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ และพนักงานสอบสวนได้มีการเสนอต่อศาลอาญาพิจารณาออกหมายจับแล้วเนื่องจากระยะเวลาล่วงเลยนานแล้ว จึงขอทราบว่าตกลง ป.ป.ช.จะคืนสำนวนหรือไม่ คืนอย่างไร และถ้า ป.ป.ช.ไม่คืนเวลาที่เนิ่นช้าไปจะก่อให้เกิดความเสียหายในการบังคับใช้กฎหมาย กระทบต่อกระบวนการยุติธรรม หากผู้ต้องหาหลบหนีไปอันเกิดจากความเนิ่นช้า ทอดเวลาอันเป็นเหตุให้พนักงานสอบสวนได้รับความเสียหาย ดังนั้น เพื่อป้องกันความเสียหายดังกล่าวจึงขอให้ ป.ป.ช.ได้ส่งสำนวนคืนมา

พ.ต.ท.คริษฐ์ ปริยะเกตุ
นายนิวัติไชยได้อ้างแบบข้าง ๆ คู ๆ ว่า ในรายละเอียดทาง บช.น.ก็ไม่ได้ชี้แจงว่าที่ว่าเสียหายหรือมีผลกระทบนั้น เป็นอย่างไร?

นายนิวัติไชย กล่าวด้วยว่า สำนวนนี้เมื่อทางสำนักงาน ป.ป.ช.ได้รับ เจ้าหน้าที่ได้มีการคลี่สำนวนดูแล้ว มีความเห็นต่างกับพนักงานสอบสวน เนื่องจากพบความเชื่อมโยงของบัญชีม้า อักษรย่อ พ. ที่เป็นตัวกลางในการจ่ายเงินต่อไปยังบัญชีของตำรจหลายราย รวมถึงตำรวจชั้นผู้ใหญ่ระดับนายพลคนหนึ่งด้วย ซึ่งทั้งหมดเป็นเส้นทางการเงินที่รวบรวมจากข้อเท็จจริงของพนักงานสอบสวน จึงต้องพิจารณาต่อ ว่าสำนวนของคดี สน.เตาปูน มีความผิดเกี่ยวกับเจ้าหน้าที่ของรัฐกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่หรือไม่ โดยเฉพาะเรื่องของการได้รับผลประโยชน์

นายนิวัติไชย ระบุว่า ได้เห็นหนังสือชี้แจง ของ บช.น.แล้ว และมีความเห็นว่า ควรจะส่งต่อให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. เป็นผู้พิจารณาต่อว่า จะคืนหรือไม่คืนสำนวนให้กับ บช.น. คาดว่า จะเร่งดำเนินการพิจารณาให้แล้วเสร็จ และจะส่งให้ ป.ป.ช.พิจารณาในวันพุธที่ผ่านมา พร้อมยืนยัน ป.ป.ช.ไม่ได้ประวิงเวลา และการสอบสวนคืบหน้าแล้ว ไม่ได้ล่าช้าแต่อย่างใด

จากท่าทีล่าสุดของ นายนิวัติไชย และ สำนักงาน ป.ป.ช. ทำให้เชื่อได้ว่า ณ นาทีนี้ ป.ป.ช. องค์กรจะพัง สังคมจะเสื่อมศรัทธาแค่ไหนต่อองค์กรแห่งนี้ ก็ดูเหมือนว่า ทั้ง พล.ต.อ.วัชรพล ประสานราชกิจ ประธาน ป.ป.ช. และ นายนิวัติไชย เลขาธิการ ป.ป.ช. ก็คงจะไม่สนอะไร ใด ๆ แล้ว


งานนี้พิสูจน์ชัด แบบอ้าปากก็เห็นลิ้นไก่ว่า ป.ป.ช.ยุคนี้ต้องการอะไร? ถ้าไม่ใช่เพื่อช่วยเหลือพวกพ้อง ถ่วงเวลาเพื่อช่วยเหลือ“โจ๊ก” สุรเชษฐ์ หักพาล

ขณะเดียวกันก็ตอกย้ำว่า “สุรเชษฐ์ หักพาล” ก็คือ ผู้มากบารมีตัวจริง ใน ป.ป.ช. โดยจะขอ พล.ต.อ.วัชรพล ประธาน และ นายนิวัติไชย เลขาธิการ ป.ป.ช. ทำอะไรให้ อยากให้สำนวนคดีอยู่กับ ป.ป.ช. ก็ได้สมปรารถนา

รวมไปถึงการที่ใช้งานเจ้าหน้าที่ ป.ป.ช. กระทำการทุจริต ช่วย “สุรเชษฐ์ หักพาล” ในการตกแต่งบัญชีทรัพย์สินอันเป็นเท็จ มีการเปิดเผยหลักฐานออกมามากมาย ก็ไม่เห็นจะลงโทษอะไรกันได้

ทั้ง ๆ ที่กรณี เจ้าหน้าที่ ป.ป.ช. ช่วย “สุรเชษฐ์ หักพาล” ตกแต่งบัญชีทรัพย์สินเป็นเท็จ นี้ “พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์” ผู้บังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ หรือ บก.ปปป. ได้ทำหนังสือลงวันที่ 7 พฤษภาคม 2567 ไปถึง เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. คือ นายนิวัติไชย เกษมมงคล ขอให้สืบพยานล่วงหน้าก่อนฟ้องคดี โดยหนังสือระบุว่า ตามที่ บก.ปปป.ได้ส่งเรื่องกล่าวโทษเจ้าหน้าที่ในสำนักงาน ป.ป.ช. กระทำความผิดฐาน“เป็นเจ้าพนักงานร่วมกันปฏิบัติ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ”


และมีข้าราชการตำรวจระดับสูง ซึ่งหมายถึง “โจ๊ก และ พวก” ร่วมกันกระทำความผิดฐาน “สนับสนุนเจ้าพนักงานของรัฐกระทำความผิด” ซึ่งสำนักงาน ป.ป.ช. รับเรื่องไว้แล้ว

ขอให้ทาง ป.ป.ช.ยื่นคำร้องต่อศาล ขอสืบพยานล่วงหน้า คือ “นายสมพร กุลวานิช” ข้าราชการบำนาญ อดีตผู้ว่าราชการหลายจังหวัด ในฐานะพยานบุคคลสำคัญในคดีนี้

เหตุที่ บก.ปปป. ต้องการให้มีการสืบพยานปากนี้ล่วงหน้า เพราะ อดีตผู้ว่าฯ สมพร มีอายุมากถึง 92 ปีแล้ว เกรงจะยากต่อการนำมาสืบพยานในภายหลัง

ปรากฏว่า หนังสือร้องขอจาก ผบก.ปปป. มีไปตั้งแต่วันที่ 7 พฤษภาคม 2567ผ่านมาถึงวันนี้ครบเดือนแล้ว ป.ป.ช. ในเงื้อมมือ พล.ต.อ.วัชรพล กับ นายนิวัติไชย กลับเล่นมุกเงียบ ไม่ตอบสนองใดๆ กับหนังสือของตำรวจ !?!

เพราะฉะนั้น พฤติการณ์นี้ของ ป.ป.ช. ย่อมแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่ามีเจตนาจะลากถ่วงเวลา เพราะรู้ดีว่า พยานปากนี้ชี้เป็นชี้ตายสำคัญต่อคดีเอาผิดคนที่เกี่ยวข้องได้

เนื่องจาก อดีตผู้ว่าราชการจังหวัดนั้นเป็นผู้เสียหาย ที่ถูกแก๊งตกแต่งบัญชีช่วยโจ๊ก แอบอ้างสร้างสตอรี่ว่า “เฮียอั๊ง เมืองชล” เซียนพระชื่อดังได้ไปซื้อพระเครื่องจำนวนมากจากอดีตผู้ว่าฯ โดยคำแนะนำของ “โจ๊ก สุรเชษฐ์” ที่อ้างว่ารู้จักสนิทสนมกับอดีตผู้ว่าฯ ท่านนี้ ทำให้ “โจ๊ก สุรเชษฐ์” ได้รับค่านายหน้าจาก “เฮียอั๊ง เมืองชล” เป็นเงินถึง 13 ล้านบาท แล้วนำเงินจำนวนนี้ไปซื้อปืนสะสมไว้ 200 กว่ากระบอก

เฮียอั๊ง เมืองชล
แต่ “ความจริงมีหนึ่งเดียว” ก็คือ พอพนักงานสอบสวนสอบปากคำ “สมพร กุลวานิช” ขบวนการโจ๊ก ก็โป๊ะแตก เมื่ออดีตผู้ว่าฯ ยืนยันว่าขายพระเครื่องให้ “เฮียอั๊ง เมืองชล” ไปแค่ 10,000 บาท และไม่เคยรู้จักกับโจ๊ก เป็นการส่วนตัวมาก่อน

นี่ถือความจริงที่เมื่อช้างตายทั้งตัว ป.ป.ช.พยายามจะเอาใบบัวมาปิดก็ปิดไม่มิด ที่ทำได้อย่างเดียวในตอนนี้ ก็คือ ยื้อเวลาช่วยเหลือคนใน ป.ป.ช. ที่ร่วมกันทำทุจริตช่วย “โจ๊ก”ตกแต่งบัญชีทรัพย์สินอันเป็นเท็จ

ความผิดสำเร็จเกิดขึ้นแล้วหากดำเนินคดีไปตามที่ตำรวจขอมา เชื่อได้ว่า จะมีคนติดคุกติดตะรางกันเป็นแถบ รวมถึงตัว “โจ๊ก สุรเชษฐ์” ด้วย


นี่เป็นระเบิดเวลาลูกใหญ่อีกลูกหนึ่ง ของ วิกฤตของ ป.ป.ช.ที่ พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ และ นิวัติไชย เกษมมงคล ปล่อยทิ้งเอาไว้ ใน ป.ป.ช. ด้วยเหตุผลเพียงข้อเดียวคือ เพราะต้องการจะช่วยเหลือ “สุรเชษฐ์ หักพาล” เพียงคนเดียว แต่ผลที่ตามมานั้นร้ายแรงมาก คือ ป.ป.ช.พังทั้งองค์กร !


กำลังโหลดความคิดเห็น