พฤติกรรมเตะถ่วงคดีของ ป.ป.ช. กำลังเป็นคำถามมากมายในสังคม กรรมการ ป.ป.ช.พวกนี้ ทำงานเอียงกระเท่เร่เหมือนสนับสนุนการโกง มากกว่าจะปราบโกง
ไม่ใช่แค่สำนวนคดีฟอกเงินของบิ๊กโจ๊กเท่านั้น ที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. ดองไว้กับตัว จนถูกพนักงานสอบสวนของนครบาล ทำหนังสือทวงคืนสำนวน เป็นข่าวฉาวโฉ่
แต่ยังมีคดีเจ้าหน้าที่ ป.ป.ช. กระทำการทุจริต ช่วยบิ๊กโจ๊ก พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล ในการตกแต่งบัญชีทรัพย์สินอันเป็นเท็จ
คณะกรรมการ ป.ป.ช. ก็ไม่ยอมขยับทำอะไร จนสร้างความเสียหายให้กับตำรวจ เจ้าของสำนวน ในลักษณะคล้ายกัน
เป็นกรณีที่พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผู้บังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ หรือ บก.ปปป. ได้ทำหนังสือลงวันที่ 7 พ.ค. 2567 ไปถึงเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. คือนายนิวัติไชย เกษมมงคล ขอให้สืบพยานล่วงหน้าก่อนฟ้องคดี
หนังสือระบุว่า ตามที่ บก.ปปป. ได้ส่งเรื่องกล่าวโทษเจ้าหน้าที่ในสำนักงาน ป.ป.ช. กระทำความผิดฐาน “เป็นเจ้าพนักงานร่วมกันปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัตหน้าที่โดยมิชอบ”
และมีข้าราชการตำรวจระดับสูง ซึ่งหมายถึงบิ๊กโจ๊ก พร้อมกับพวก ร่วมกันกระทำความผิดฐาน “สนับสนุนเจ้าพนักงานของรัฐกระทำความผิด”
ซึ่งสำนักงาน ป.ป.ช. รับเรื่องไว้แล้ว ตามเลขรับที่ 12007 ลงวันที่ 5 เม.ย. 2567
ขอให้ทาง ป.ป.ช. ยื่นคำร้องต่อศาลขอสืบพยานล่วงหน้า คือนายสมพร กุลวานิช ข้าราชการบำนาญ ในฐานะพยาน ซึ่งเป็นบุคคลสำคัญในคดีนี้
เหตุที่ บก.ปปป. ต้องการให้มีการสืบพยานปากนี้ล่วงหน้า ให้เหตุผลว่า นายสมพรมีอายุมากแล้ว เกรงจะยากต่อการนำมาสืบพยานในภายหลัง
“โปรดพิจารณายื่นคำร้องต่อศาลให้มีการสืบพยานหลักฐานล่วงหน้า เพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายทางคดีในภายหลัง” หนังสือระบุในตอนท้าย
ปรากฎว่า หนังสือร้องขอจาก ผบก.ปปป. มีไปตั้งแต่วันที่ 7 พ.ย. 2567 แต่ผ่านไปนานนับเดือน ไม่เคยมีการขยับขับเคลื่อนใดๆ จากทาง ป.ป.ช.
เหมือนไม่เห็นพนักงานสอบสวนตำรวจอยู่ในสายตา อยากจะดึงเช็งล่าช้าอย่างไรก็ได้ ถือว่ามีอำนาจในมือ
ซึ่งพยานปากนี้คือนายสมพร กุลวานิช อดีตผู้ว่าราชการจังหวัด มีความสำคัญอย่างยิ่งในการเอาผิดเจ้าหน้าที่ ป.ป.ช. หลายคน ที่ร่วมทุจริตคิดมิชอบเสียเอง
ในการสร้างสตอรี่ให้ “เฮียอั๊ง เมืองชล” ไปซื้อพระเครื่องจำนวนมากจากนายสมพร อ้างว่าไปตามคำแนะนำของบิ๊กโจ๊ก
อ้างด้วยว่า บิ๊กโจ๊กได้ค่านายหน้าจากการซื้อขายพระเครื่อง ระหว่าง “เฮียอั๊ง เมืองชล” กับนายสมพร เป็นเงินถึง 13 ล้านบาท แล้วนำเงินจำนวนนี้ไปซื้อปืนสะสมไว้ 200 กว่ากระบอก
แต่พอพนักงานสอบสวนสอบปากคำนายสมพร กุลวานิช ก็ได้ให้การยืนยันว่า ได้ขายพระเครื่องให้ “เฮียอั๊ง เมืองชล” ไปแค่ 10,000 บาท และไม่เคยรู้จักกับบิ๊กโจ๊กเป็นการส่วนตัวมาก่อน
เรียกว่าเป็นพยานปาก ที่เปิดโปงความเน่าเหม็นในสำนักงาน ป.ป.ช. จนล่อนจ้อน และจะมีผลในการลากคอเจ้าหน้าที่ ป.ป.ช.ขี้โกงทั้งก๊วน รวมถึงบิ๊กโจ๊ก เข้าตะราง
พฤติกรรมการเตะถ่วงคดีของ ป.ป.ช. กำลังเป็นคำถามมากมายในสังคม กรรมการ ป.ป.ช.พวกนี้ ทำงานเอียงกระเท่เร่ เหมือนสนับสนุนการโกง มากกว่าจะปราบโกง
หากไม่มีนอกมีใน แค่ทำงานล่าช้าตามธรรมชาติ ก็ต้องนับว่าทำงานไม่คุ้มเงินเดือน
ล่าสุด นายนิวัติไชย เกษมมงคล เลขาธิการ ป.ป.ช. ออกมาพูดชัดแล้วว่า จะไม่ยอมคืนสำนวนคดีฟอกเงินให้ตำรวจ อ้างว่า ต้องมาประชุมพูดคุยกันก่อน
โดยไม่สนใจเลยว่า ความล่าช้าของ ป.ป.ช. กำลังสร้างความปั่นป่วนให้กระบวนการยุติธรรม ผู้ต้องหาหลายราย จะถูกนำตัวส่งศาลไม่ทันกำหนดเวลา
ขืนยังมีพฤติกรรมแบบนี้ต่อไป บรรดาบิ๊กๆ ในป.ป.ช. ต้องระวังให้ดี ขนาดบิ๊กตำรวจ ยังโดนปฏิบัติการกวาดบ้านมาแล้ว
อย่าให้ถึงขั้นตำรวจต้องไปกวาดบ้าน ป.ป.ช. อีกหลังเลย
----------------------------------------------------
แอป Sondhi App เปิดให้ Download ฟรีไม่มีค่าใช้จ่าย
ระบบ iOS ไปที่ AppStore :https://apps.apple.com/th/app/sondhi-app/id1588046647
ระบบ android ไปที่ Google Play :https://play.google.com/store/apps/details?id=com.sondhitalk.asia.android