ข่าวปนคน คนปนข่าว
**ฝุ่นตลบ “ครม.เศรษฐา 2” วิ่งพล่านทุกสาย “จันทร์ส่องหล้า” เคาะโผใกล้สะเด็ดน้ำ ดึง “พิชัย”ขุนคลัง “สมศักดิ์”กระทรวงหมอ “สุริยะ” ควบรองนายกฯ เบอร์ 2 ”สุทิน-ชลน่าน” ลุ้นดีลประธานสภาฯ ปลอบใจ “แฮงค์” หลุด“เฮ้ง”เสียบ
ขยับจากฤกษ์เดิมไปเล็กน้อยคิว “ปรับ ครม.” ที่เคยกาปฏิทินเปิดทำการวันแรก หลังหยุดยาว 17 เม.ย.67 ทุกอย่างต้องเรียบร้อยให้ “นายกฯนิด” เศรษฐา ทวีสิน นำรายชื่อ “ครม.เศรษฐา 2“ ขึ้นมูลเกล้าฯ ตามกระบวนการ
เผอิญข่าวรั่วออกมาก่อน ทำให้ฝุ่นตลบ บรรดารัฐมนตรีที่มีแนวโน้มถูกปรับออก รวมไปถึง ว่าที่รัฐมนตรีที่จ่อคิวรออยู่วิ่งกันวุ่น เห็นได้จากวงดินเนอร์ช่วงสงกรานต์ ที่ “รมต.เพื่อไทย” ตบเท้าขึ้นเหนือ ไปเช็กชื่อกับ“นายใหญ่” ทักษิณ ชินวัตร กันพรึบ
จน “นายใหญ่” ยังเอ่ยปากแซวว่า ครบองค์(ประชุม)แล้ว เปิดประชุมครม.ได้เลย!!
ว่ากันว่า วงดินเนอร์ในคืนนั้น พ่วงด้วยพิธีรดน้ำดำหัวในวันรุ่งขึ้น “นายใหญ่” ถือโอกาสดูโหวงเฮ้งบรรดารัฐมนตรีในโควตาพรรคเพื่อไทย เป็นครั้งสุดท้ายก่อนตัดสินใจ
นอกจากนี้ยังต้องรอข้อมูลจากสายอื่นๆ เพราะบรรดา“นักวิ่ง” ยังพล่านไปถึงคนใกล้ชิดของ “นายใหญ่” ที่เชื่อว่า พอมีอิทธิพลกับการตัดสินใจของ “นายใหญ่” แบบถ้วนหน้า ไม่ว่าจะเป็น “คุณหญิงอ้อ” คุณหญิงพจมาน ดามาพงษ์ อดีตภริยา, “นายกฯน้องปู” ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร น้องสาว, “เจ๊แดง” เยาวภา วงศ์สวัสดิ์ น้องสาว และยังรวมไปถึง “ลูกอิ๊งค์” แพทองธาร ชินวัตร ลูกสาว แล้วก็ยังมีในส่วนของ“กลุ่มทุน” อีกด้วย
อย่างไรก็ดี มีกระแสข่าวว่า “นายใหญ่” เมื่อกลับมาประจำการที่ “บ้านจันทร์ส่องหล้า” แล้วยังคงยึด “โผเดิม” อยู่ในมือ โดยวาง “พิชัย ชุณหวชิร” ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี และประธานกรรมการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ที่สนิทชิดเชื้อกับ “ตระกูลชินวัตร” มาอย่างยาวนาน เข้ามาดำรงตำแหน่ง “ขุนคลัง” รมว.คลัง
หลังจากที่เคยมีกระแสข่าวว่า “พิชัย” จะเข้ามาเป็น รมว.คลัง ตั้งแต่ช่วงตั้งรัฐบาล แต่ขัดข้องทางเทคนิค ทำให้ “นายกฯเศรษฐา” ต้องนั่งควบ รมว.คลัง ไปพลางก่อน
ส่วน “นายกฯนิด” จะขยับไปควบ รมว.กลาโหม อีกตำแหน่งแทน และปรับ“บิ๊กทิน” สุทิน คลังแสง รมว.กลาโหม ออกจากครม. ไปทำหน้าที่ คุมเกมสภาฯ
เช่นเดียวกับ “หมอชลน่าน” นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ที่ดูเหมือนรับสภาพแล้วว่า จะถูกปรับออกจากรมว.สาธารณสุข และกลับไปทำงานในสภาฯ ในฐานะสส.น่าน
แต่ก็มีข่าวหนาหูว่า ทั้ง “สุทิน-ชลน่าน” มีลุ้นดีลเปลี่ยนตัวประธานสภาฯ หากลงตัวก็จะเบียดกันขึ้นไปทำหน้าที่แทน “วันนอร์” วันมูหะมัดนอร์ มะทา ที่เคยรับปากว่า จะเป็นประมุขนิติบัญญัติ แค่ชั่วคราวเท่านั้น
เมื่อปรับ “หมอชลน่าน” ออก ก็มีชื่อของ “สมศักดิ์ เทพสุทิน” รองนายกรัฐมนตรี ขยับไปเป็น รมว.สาธารณสุข แทนเพียงตำแหน่งเดียว และจะแต่งตั้งให้ “เดอะซัน” สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.คมนาคม มาเป็นรองนายกรัฐมนตรี อีกตำแหน่ง โดยจะเป็นรองนายกรัฐมนตรี ลำดับที่ 2 ถัดจาก “ภูมิธรรม”
นอกจากนี้ ยังมีในส่วนของผู้ที่มีแนวโน้มถูกปรับออกในครั้งนี้ ทั้ง “ไชยา พรหมา” รมช.เกษตรและสหกรณ์ และ “เกรียง กัลป์ตินันท์” รมช.มหาดไทย ซึ่งทั้งคู่ ยังมีตำแหน่งเป็นสส.อยู่ ตามสูตร “รมต.แท้งกิ้ว” หมุนเวียนให้ “นายใหญ่” ได้ตอบแทนลิ่วล้อคนอื่นบ้าง
รายที่น่าจะใช้คำว่า “ตกงาน” คงเป็น “เจ๊แจ๋น” พวงเพ็ชร ชุนละเอียด รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ถูกเต็งจ๋า ว่าจะเก้าอี้หลุดมาตั้งแต่ตอนตั้งรัฐมนตรี โดย “พวงเพ็ชร” เป็นรัฐมนตรีเก้าอี้หลุดที่ไม่มีตำแหน่ง สส.รองก้นเพียงคนเดียว
โผเดียวกัน ก็มีแนวโน้มสลับกัน 2 กระทรวง โดย “มาดามปุ๋ง” สุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รมว.ท่องเที่ยวและกีฬา จะสลับตำแหน่งกับ “ป๋าเสริม” เสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รมว.วัฒนธรรม
มีคนออกก็มีคนเข้า รายแรกคาดว่าเป็น “บิ๊กเล็ก” พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ จะขยับจากเลขานุการ รมว.กลาโหม ขึ้นมาเป็น รมช.กลาโหม เพื่อรับหน้าเสื่อดูแลงานความมั่นคงแทน “นายกฯเศรษฐา” อีกเก้าอี้ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ถูกวางตัวมาดูแลงานด้านกฎหมาย เบียดกันอยู่ระหว่าง “พิชิต ชื่นบาน-ชูศักดิ์ ศิรินิล” โดยที่รายแรกมีโอกาสมากกว่า เพราะรายหลังยังติดพันงานสำคัญที่สภาฯ
รวมถึงมีชื่อ “สาวอิ่ม” ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ สส.กทม. หนึ่งเดียวของพรรคเพื่อไทย มีลุ้นเข้ามาเสียบแทนโควตา “มาดามนครบาล” หรือ “พวงเพ็ชร” ส่วนอีก 2 ตำแหน่ง รมช. เบื้องต้น จะใช้เป็นเก้าอี้ “รมต.แท้งกิ้ว” หมุนเวียนให้ สส.เหนือ-อีสาน ผลัดกันเข้ามาทำหน้าที่ แต่ก็มีชื่อ “เสี่ยออฟ” เผ่าภูมิ โรจนสกุล เลขานุการ รมว.คลัง คนสนิทของ “เฮียอ้วน-ภูมิธรรม” อาจสอดแทรกมากินตำแหน่ง รมช.คลัง
ในส่วนของพรรคร่วมรัฐบาลนั้น “ค่ายลุงป้อม” พรรคพลังประชารัฐ ที่ยังมีโควตาว่างอยู่ 1 ตำแหน่ง ข่าวว่า ได้เสนอชื่อ “ไผ่ ลิกค์” สส.กำแพงเพชร เข้ามาเป็น รมช.พาณิชย์ หรือ รมช.เกษตรและสหกรณ์ ตามโควตาเดิมแล้ว แต่มีประเด็นเรื่องคุณสมบัติ ที่ดูจะทำให้ “นายกฯเศรษฐา” ไม่สบายใจ โอกาสก็เลยตกไปที่ “เสี่ยเบนซ์” อรรถกร ศิริลัทธยากร สส.ฉะเชิงเทรา ที่ก็อยู่ในก๊วนเดียวกับ “เสี่ยไผ่” แทน
ขณะที่ “ค่ายลุงตู่” พรรครวมไทยสร้างชาติ เบื้องต้นมีการปรับเปลี่ยน 1 ตำแหน่ง โดยเสนอชื่อ “เสี่ยเฮ้ง” สุชาติ ชมกลิ่น สส.บัญชีรายชื่อ เข้ามาเป็น รมช.เกษตร และสหกรณ์ แทน “เสี่ยแฮงค์” อนุชา นาคาศัย ที่จะถูกปรับออก
ส่วนอีกตำแหน่งยังเจรจากันอยู่ในส่วนของ รมช.คลัง ที่มี “ปลัดตู่” กฤษฎา จีนะวิจารณะ นั่งอยู่ โดยมีรายการ “คุณขอมา” จาก “ว่าที่ขุนคลัง” ให้ทางพรรครวมไทยสร้างชาติ เปลี่ยนตัว เพราะมีประเด็นกันอยู่ในอดีต เกรงว่า อาจจะทำงานไม่เข้าขากัน
ที่ว่าไปเป็นโผ “ครม.จันทร์ส่องหล้า” เอ้ยยย.. “ครม.เศรษฐา 2” ที่ใกล้จะสะเด็ดน้ำเต็มที ส่วนจะจริง-เท็จอย่างไร ต้องจับตาความเคลื่อนไหวภายในสัปดาห์นี้ ที่จะมีการตรวจสอบประวัติ “ว่าที่รัฐมนตรี” พร้อมนัดหมายเข้ามากรอกประวัติที่ สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ทำเนียบรัฐบาล
ถึงวันนั้นก็จะได้รู้ว่า ใครเข้า-ใครออก ใครได้ไปต่อ-ใครแต่งตัวเก้อ.
**ป.ป.ช.ยังจะอุ้มอยู่มั้ย!? อดีตผู้ว่าฯ แจ้งความมัด“บิ๊กโจ๊ก” แต่งละครเช่าพระ แจ้งบัญชีทรัพย์สินเท็จ
แม้จะถือฤกษ์ “เสาร์ 5” เดินสายทำพิธีปัดเป่าภยันอันตรายในหลายวัดทางภาคอีสานและภาคใต้ ช่วงสงกรานต์ที่ผ่านมา แต่ดูเหมือนว่า“บิ๊กโจ๊ก” พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. จะรอดพ้นจากความผิดตามที่ถูกกล่าวหาได้ยากเสียแล้ว
อย่าว่าแต่คดีหลัก อย่างคดีฟอกเงิน หรือคดีปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตามมาตรา 157 เลย เอาแค่คดี “แจ้งบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินอันเป็นเท็จ” ก็น่าปิดฉากชีวิตราชการของบิ๊กตำรวจสายมูคนนี้ได้เลย หากกรรมการป.ป.ช.ไม่หลับหูหลับตาอุ้มกระเตงกันเอาไว้
เพราะพยานหลักฐานในคดีที่ปรากฏออกมาเวลานี้ มันชัดยิ่งกว่าชัด!!
เท้าความสักหน่อยว่า คดีนี้เกิดจากกรณีที่ “บิ๊กโจ๊ก” ในฐานะข้าราชการระดับสูง ที่ต้องยื่นแสดงรายการบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินต่อ ป.ป.ช. ได้แจ้งบัญชีทรัพย์สินรายการหนึ่งเป็นปืน 200 กระบอก มูลค่าประมาณ 14 ล้านบาท
แต่ว่าเงิน 14 ล้านบาทที่เอามาซื้อปืนนั้น มาจากไหน ต้องหาคำชี้แจงให้เคลียร์คัตชัดเจน “บิ๊กโจ๊ก” จึงหาทางออกโดยให้ “เฮียอั๊ง เมืองชล” สมภพ ไทยธีระเสถียร เซียนพระผู้กว้างขวางในพื้นที่ภาคตะวันออก รองนายกสมาคมผู้นิยมพระเครื่องพระบูชาไทย ที่รู้จักสนิทสนมกันมานาน ช่วยทำเอกสารชี้แจงต่อป.ป.ช. ภายใต้การจัดแจงของเจ้าหน้าที่ในป.ป.ช. 3 คน และ พ.ต.ท.คริษฐ์ ปริยะเกตุ หรือ “รองคริษฐ์” ลูกน้องใกล้ชิด “บิ๊กโจ๊ก”
“เฮียอั๊ง เมืองชล” ชี้แจงต่อป.ป.ช.เป็นตุเป็นตะว่า ได้เช่าพระจากอดีตผู้ว่าราชการจังหวัดคนหนึ่ง ที่ “บิ๊กโจ๊ก” สนิทสนม รู้จักดี ซึ่งพระที่เช่านั้นเป็นพระที่ตนเองชอบ และอยากได้ เมื่อสามารถเช่าได้จึงจ่ายค่าแนะนำ หรือค่านายหน้าให “บิ๊กโจ๊ก” เป็นเงินสด รวมแล้วจ่ายไปประมาณ 13.7 ล้านบาท เพราะมีการเช่าพระหลายครั้ง
ถ้าเซียนพระทั่วไปได้เห็นคำชี้แจงของ “เฮียอั๊ง เมืองชล” ก็คงจะงงเป็นไก่ตาแตก ว่าเหตุไฉน คนเช่าพระเป็นคนจ่ายค่านายหน้า เพราะโดยทั่วไปในวงการพระเครื่องนั้น คนให้เช่า หรือคนปล่อยพระต่างหากที่จ่ายค่านายหน้า หลังจากได้เงินเข้ากระเป๋ามาแล้ว นี่ก็เพิ่งเคยเห็นว่าคนเช่าเป็นคนจ่ายค่านายหน้า
มิหนำซ้ำ คำชี้แจงบางรายการก็โอเวอร์เกินเหตุ เช่น เมื่อเดือนมี.ค.60 เช่าหลวงพ่อแก้วพิมพ์ใหญ่ 8 ล้านบาท ให้ค่าแนะนำ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ 4 ล้านบาท คิดเป็นอัตราค่านายหน้าสูงถึง 50% เลยทีเดียว
คำชี้แจงที่มีพิรุธขนาดนี้ จึงมีผู้ไปแจ้งความร้องทุกข์ต่อ ตำรวจกองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ หรือ บก.ปปป. ให้ดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่ของป.ป.ช. 3 คน ในความผิดฐาน “ร่วมกันกระทำความผิดฐานทุจริตต่อหน้าที่”
รวมถึงแจ้งดำเนินคดีกับ “บิ๊กโจ๊ก” และ “รองคริษฐ์” รวมถึง “เฮียอั๊ง เมืองชล” ในฐานความผิดเป็นผู้ใช้ หรือตัวการร่วมกับเจ้าหน้าที่ป.ป.ช. กรณีดำเนินการหรือสร้างพยานหลักฐานเท็จ เกี่ยวกับการจัดทำเอกสารประกอบการชี้แจงบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์
ความคืบหน้าล่าสุด เมื่อวันจันทร์ที่ 15 เม.ย.ที่ผ่านมา “ร.ต.สมพร กุลวานิช” อายุ 89 ปี อดีตผู้ว่าราชการหลายจังหวัด อาทิ ระนอง สิงห์บุรี พยานคนสำคัญในคดีนี้ ได้เดินทางเข้าพบ “ร.ต.อ.วรธน อิ่มวิทยา” รอง สว.(สอบสวน) สน.บางยี่ขัน เพื่อลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน ยืนยันความบริสุทธิ์ใจว่า ไม่เคยรู้จักกับ “บิ๊กโจ๊ก” เป็นการส่วนตัว ตามที่“เฮียอั๊ง เมืองชล” แอบอ้าง ในการสร้างพยานหลักฐานเท็จ ชี้แจงที่ไปที่มาทรัพย์สินของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ก่อนหน้านี้
“อดีตผู้ว่าฯ สมพร” ให้การต่อพนักงานสอบสวน สน.บางยี่ขัน ยืนยันว่า ไม่เคยพบเจอ หรือรู้จักเป็นการส่วนตัวกับ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ตามคำกล่าวอ้างของ “เฮียอั๊ง เมืองชล” ที่ว่าได้เช่าพระจากตน โดยมีพล.ต.อ.สุรเชษฐ์ เป็นคนกลางแนะนำติดต่อให้ จึงได้จ่ายเงินจำนวนมากให้พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ เป็นค่าแนะนำ
คำให้การของ “อดีตผู้ว่าฯสมพร” พบว่า ส่วนใหญ่สอดคล้องกับพยานหลักฐานต่างๆ ที่ทางพนักงานสอบสวน บก.ปปป. ตรวจพบเจอในเครื่องคอมพิวเตอร์ โทรศัพท์มือถือ ของพ.ต.ท.คริษฐ์ ลูกน้องคนสนิทของ “บิ๊กโจ๊ก” โดยเฉพาะบันทึกข้อมูลการสนทนาต่างๆ ซึ่งข้อมูลหลักฐานเหล่านี้ ทางพนักงานสอบสวน บก.ปปป. ได้รวบรวมส่งให้กับทางป.ป.ช.พิจารณา ไปแล้ว ซึ่งขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการพิจารณา
ยิ่งไปกว่านั้น ทราบมาว่า คดีแจ้งบัญชีทรัพย์สินเท็จของ “บิ๊กโจ๊ก” ไม่ได้มีแค่กรณี “เช่าพระเครื่องทิพย์” กรณีเดียว แต่ยังมีกรณีอื่น ที่เจ้าหน้าที่ตรวจพบในคอมพิวเตอร์ของ พ.ต.ท.คริษฐ์ เช่น กรณีที่มาของรถยนต์เล็กซัส, ทำเอกสารโอนหุ้น ลงวันที่ย้อนหลัง, ยอดเงินซื้อขายที่ดิน เป็นต้น
ด้วยข้อพิรุธมากมาย และล้วนแต่โดน “จับโป๊ะ” ด้วยพยานหลักฐานได้หมด ถ้าเรื่องขึ้นไปถึงขั้นตอนการชี้มูลของคณะกรรมการป.ป.ช. แล้วยังมีการอุ้มกันไว้อีก เหมือนคดีที่ “บิ๊กโจ๊ก” ถูกร้อง 5-6 คดีก่อนหน้านั้น ความน่าเชื่อถือขององค์กรปราบโกง อย่างป.ป.ช. ก็คงจะถึงจุดอวสานลงเพียงเท่านี้