ผู้จัดสร้างภาพยนตร์แอนิเมชันประวัติศาสตร์ "2475 Dawn of Revolution" เปิดฉายรอบปฐมทัศน์ ก่อนฉายออนไลน์ผ่าน 3 แพลตฟอร์ม ชมฟรี 13 มี.ค. 67 ผู้กำกับเผยต้องการให้คนไทยเข้าใจเหตุการณ์เปลี่ยนแปลงการปกครองแบบชัดเจน ตรงไปตรงมา ทุกฝ่ายดูได้ มีแหล่งอ้างอิง แต่ขึ้นอยู่กับคนดูว่ารับได้แค่ไหน
เมื่อวันที่ 9 มี.ค. ที่โรงภาพยนตร์เซ็นจูรี่ เดอะ มูฟวี่ พลาซ่า สุขุมวิท กรุงเทพฯ บริษัท นาคราพิวัฒน์ จำกัด หรือนาคราสตูดิโอ ได้เปิดฉายภาพยนตร์แอนิเมชันประวัติศาสตร์เรื่อง "2475 Dawn of Revolution" รอบปฐมทัศน์ ก่อนที่จะเปิดฉายผ่านทางออนไลน์ในวันพุธที่ 13 มี.ค. ที่จะถึงนี้ โดยมีนายวิวัธน์ จิโรจน์กุล หรือซัง เป็นผู้กำกับภาพยนตร์ และมีผู้เข้าร่วมงานทั้งนักวิชาการ ศิลปิน สื่อมวลชน เช่น นายนิติพงศ์ ห่อนาค นักแต่งเพลง, นายสุเมธ องอาจ นักร้อง นักแต่งเพลง, นายนริศโรจน์ เฟื่องระบิล อดีตเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงบัวโนสไอเรส ประเทศอาร์เจนตินา, นายกฤษณพงศ์ เกียรติศักดิ์ อาจารย์ด้านสถาปัตยกรรมศาสตร์ และพิธีกรรายการข่าว, น.ส.ณัฏฐา มหัทธนา พิธีกรรายการข่าว และอดีตนักเคลื่อนไหวทางการเมือง เป็นต้น
สำหรับภาพยนตร์เรื่อง 2475 Dawn of Revolution ความยาวประมาณ 2 ชั่วโมง ดำเนินเรื่องโดยเยาวชน 3 คน คือ ตี๋ เบิ้ม และเมเจอร์ ต้องหาข้อมูลทำรายงานเรื่องความเป็นมาของรัฐธรรมนูญไทย ที่ห้องสมุดแห่งหนึ่ง กระทั่งได้มาพบกับลุงดอน บรรณารักษ์ จึงนำพามาสู่ห้องอ้างอิงที่มีหนังสือจำนวนมาก บอกเล่าเรื่องราวผ่านหนังสือเล่มต่างๆ ระบุเหตุการณ์ของกลุ่มที่เรียกตัวเองว่าคณะราษฎร นำโดยพระยาพหลพลพยุหเสนา ยึดพระราชอำนาจจากพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๗ และเปลี่ยนแปลงการปกครองไปสู่ระบอบกษัตริย์ใต้รัฐธรรมนูญ เมื่อวันที่ 24 มิ.ย. 2475
ก่อนที่จะนำไปสู่เหตุการณ์ต่างๆ ในกลุ่มคณะราษฎรตามมา เช่น การร่างพระราชบัญญัติธรรมนูญการปกครองแผ่นดินสยาม เค้าโครงร่างเศรษฐกิจ พ.ศ. 2475 หรือสมุดปกเหลือง ของหลวงประดิษฐ์มนูธรรม หรือนายปรีดี พนมยงศ์, ความขัดแย้งระหว่างจอมพล ป. พิบูลสงคราม กับกลุ่มที่เรียกตัวเองว่า คณะกู้บ้านกู้เมือง นำโดยพระองค์เจ้าบวรเดช ที่ทำให้ทหารต้องเสียเลือดเนื้อ และการที่รัฐบาลจัดตั้งศาลพิเศษเพื่อลงโทษผู้เห็นต่าง โดยที่พระองค์ซึ่งอยู่ในระหว่างทรงรักษาพระเนตรที่สหราชอาณาจักรนั้นไม่เห็นชอบด้วย นำไปสู่พระราชหัตถเลขาสละราชสมบัติในที่สุด
ภาพยนตร์เรื่องดังกล่าวใช้หนังสืออ้างอิงประมาณ 4-5 ลัง โดยได้ หมู ปัณฑา สิริกุล เรียบเรียงข้อมูลทางประวัติศาสตร์ และเขียนบท พร้อมด้วยอินฟลูเอนเซอร์บนโลกออนไลน์นามว่า ปราชญ์ สามสี เป็นที่ปรึกษาด้านข้อมูลเกร็ดประวัติศาสตร์ มีทีมงานสตรีทอาร์ต คิง ภูมิพล นำโดย นายชวัส จำปาแสน มาช่วยงานภาพ ส่วนทีมพากย์นำโดย อาวอ จิราวัฒน์ วชิรศรัณย์ภัทร พร้อมด้วยนักพากย์ เช่น นก ฉัตรชัย เปล่งพานิช, นก สินจัย เปล่งพานิช, สุเมธ องอาจ, เกลือ กิตติ เชี่ยววงศ์กุล และมี พ.อ.ประทีป สุพรรณโรจน์ ประพันธ์เพลงประกอบ โดยได้รับทุนสนับสนุนจากการระดมทุนรวมทั้งสิ้น 376,285.54 บาท
นายวิวัธน์กล่าวว่า ที่เลือกวันที่ 9 มี.ค.เปิดตัวภาพยนตร์ดังกล่าว เนื่องจากตรงกับวันที่นายเรย์มอนด์ บี สตีเวนส์ ที่ปรึกษาราชการชาวอเมริกัน และพระยาศรีวิสารวาจา (หุ่น ฮุนตระกูล) ทูลเกล้าฯ ถวายเอกสารเค้าโครงร่างรัฐธรรมนูญฉบับแรกของสยาม แด่พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๗ จึงนับเป็นฤกษ์มงคลสำหรับการเปิดตัวภาพยนตร์ดังกล่าว ที่จะพูดถึงจุดกําเนิดเรื่องราวประวัติศาสตร์อันเป็นรากเหง้าของประชาธิปไตยไทย ทั้งนี้ หนึ่งในปัญหาสําคัญตลอดการมีอยู่ของประชาธิปไตยกว่า 92 ปี คือ การศึกษาด้านประวัติศาสตร์อันเกี่ยวข้องกับการก่อกําเนิดชาติ และการเรียนการสอนเกี่ยวกับสถาบันพระมหากษัตริย์และหน้าที่พลเมืองในโรงเรียนนั้นกลับเบาบางลง
"ซ้ำร้ายแทนที่จะนําโศกนาฏกรรมในอดีต มาเป็นบทเรียนไม่ให้คนไทยทําผิดพลาดซ้ำ แต่กลับนําความขัดแย้งมาบ่มเพาะความเกลียดชัง ให้สังคมขัดแย้งกันต่อไปไม่จบสิ้น พวกเราเห็นว่าถ้าพวกเราคนไทยยังปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไป ความขัดแย้งจะยิ่งทวีคูณต่อไปเรื่อยๆ จนไปถึงการแตกแยกของชาติ จึงคิดว่าจําเป็นที่จะต้องผลักดันการเรียนรู้ประวัติศาสตร์ชาติไทย ที่เปรียบเสมือนการเสริมปุ๋ยให้รากของชาติไทยได้เติบโตแข็งแกร่ง เพราะต้นไม้จะยืนหยัดต่อยอดไม่ได้เลยหากรากของเรายังไม่แข็งแรงสมบูรณ์เพียงพอ เราเชื่อว่าสิ่งจําเป็นในการเรียนรู้ในระบอบประชาธิปไตย คือ การตั้งคําถามและหาคําตอบ เราจึงต้องการทําให้แอนิเมชันเรื่องนี้เป็นตัวแทนของพื้นที่สนทนาอย่างมีวุฒิภาวะของทุกฝ่าย" นายวิวัธน์กล่าว
นายวิวัธน์กล่าวว่า ไม่ได้ต้องการให้ภาพยนตร์แอนิเมชันเรื่องนี้กลายเป็นอาวุธที่เอาไว้ทําลายฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด เพราะประวัติศาสตร์ที่แท้จริงไม่เคยเลือกข้าง แอนิเมชันเรื่องนี้เป็นการนําเสนอประวัติศาสตร์ในยุคเปลี่ยนแปลงการปกครอง เพื่อให้คนไทยได้เข้าใจบริบทและเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้น และให้ผู้ชมได้นําความผิดพลาดในอดีตมาเรียนรู้ เพื่อร่วมกันหาแนวทางที่จะก้าวต่อไปยังอนาคต เพราะประชาธิปไตยที่แท้จริงต้องเป็นของทุกคน ไม่ใช่ของฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด หวังว่าแอนิเมชันเรื่องนี้จะมีประโยชน์ มีคุณค่าที่จะเป็นสื่อการเรียนรู้ที่จะทําให้คนไทยเข้าใจประชาธิปไตย และรับฟังกันมากขึ้น ถ้าทุกคนดูจบและได้รับสิ่งที่ภาพยนตร์นี้ต้องการสื่อสาร ก็ถือว่าแอนิเมชันเรื่องนี้ทํางานสําเร็จแล้ว
นายวิวัธน์กล่าวกับผู้สื่อข่าว MGR Online เพิ่มเติมว่า ตนมองว่าประวัติศาสตร์ประเทศไทยจำเป็นต้องเรียนรู้ ตนเติบโตมากับหนังสือประวัติศาสตร์ ทำให้มีภูมิคุ้มกันเกี่ยวกับเรื่องความมั่นคงของชาติ ถ้าเรียนประวัติศาสตร์จะรู้ว่าในแต่ละยุคสมัยที่ผ่านมาต้องผ่าน ต้องเจออะไรมาบ้างตลอดเวลา ในยุคปัจจุบันเราพูดถึงประวัติศาสตร์แบบไม่ชัดเจน คิดว่าที่ถกเถียงกันมากที่สุดคือช่วงปี 2475 ก็ลองสรุปกันว่าในช่วงปี 2475 แท้ที่จริงแล้วเกิดอะไรขึ้นบ้าง ไทม์ไลน์เป็นอย่างไร มีเหตุการณ์สำคัญอะไรเกิดขึ้น จึงกลายเป็นภาพยนตร์แอนิเมชันขึ้นมา วัตถุประสงค์เพื่อต้องการทำให้ประวัติศาสตร์ชัดเจน และต้องการให้คนไทยศึกษาและเรียนรู้ประวัติศาสตร์ เพื่อที่จะหาแนวทางไม่ให้ทำผิดพลาดซ้ำเดิม และหาแนวทางที่จะอยู่ร่วมกันได้ต่อไปในอนาคต เพราะประเทศเป็นของเราทุกคน ไม่ใช่ของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง คนหนึ่งคนมีสิทธิ์เป็นเจ้าของประเทศร่วมกัน
ทั้งนี้ ผลตอบรับที่ตามมาเกินความคาดหมาย ตนทำเป็นโปรเจกต์เล็กๆ มีแรงผลักดันที่ทำให้มีคนสนใจเพิ่มขึ้น มีคนที่แชร์ออกไป มีสื่อที่ช่วยกันโปรโมต งานเปิดฉายภาพยนตร์รอบปฐมทัศน์ครั้งนี้ทำกันเล็กๆ คิดว่าคนมาไม่เต็มโรงภาพยนตร์ด้วยซ้ำ แต่ปรากฏว่าคนล้นโรงภาพยนตร์ ก็ต้องขอโทษหลายคนที่อดเข้าชมภาพยนตร์เพราะแขกรับเชิญมากันแน่น อยากจะรู้ว่าภาพยนตร์เรื่องนี้เล่าอย่างไร เกี่ยวกับอะไร และวันที่ 13 มี.ค. เปิดฉายออนไลน์ ทุกคนจะได้ดูกันอยู่แล้ว สำหรับสิ่งที่อยากจะบอกกับผู้ชมก่อนชมภาพยนตร์นั้น เรื่องนี้เนื้อหาค่อนข้างแน่น เราพยายามที่จะย่อยให้เข้าใจง่ายที่สุด พยายามมองในมุมของแต่ละฝ่ายว่าสิ่งที่ทำเป็นประโยชน์อะไรต่อประเทศชาติ ตนเห็นว่าทุกคนมีมุมคิดในการพัฒนาประเทศในแบบของตนเองอยู่แล้ว เพียงแต่ว่าจะเหมาะสมต่อเหตุการณ์หรือเหมาะสมต่อบ้านเมืองหรือเปล่าเท่านั้นเอง
"การจัดสร้างภาพยนตร์ใช้เวลารวบรวม เรียบเรียงข้อมูลประวัติศาสตร์ และการทำบทภาพยนตร์ใช้เวลานานหลายปี โดยผมเริ่มศึกษาประวัติศาสตร์มานาน 10 ปี ใช้เวลาจัดสร้างเป็นแอนิเมชันประมาณ 3 ปี ซึ่งเป็นช่วงโควิด-19 ทำให้การทำงานยากทุกอย่าง คิดว่าหลายคนที่ตั้งโปรเจกต์ทำอะไรแบบนี้แล้วล้ม ไปต่อไม่ได้นั้นมีจริง เมื่อภาพยนตร์จัดทำแล้วเสร็จ ก็ถือว่าประสบความสำเร็จแล้ว เป็นอะไรที่ยิ่งใหญ่สำหรับเราจริงๆ" นายวิวัธน์กล่าว
ส่วนกระแสที่แนวคิดทางการเมืองอีกฝั่งหนึ่งจะมองอีกอย่างนั้น นายวิวัธน์กล่าวว่า ภาพยนตร์เรื่องนี้ทุกฝ่ายดูได้ เพราะเราเล่าประวัติศาตร์ที่ไม่ได้แต่งข้อมูลอะไรขึ้นมา ไม่ใช่สิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นแล้วเราบิดเบือน ถามว่าประวัติศาสตร์ต้องเรียนตรงไปตรงมาหรือเปล่า ตลอด 92 ปีที่ผ่านมาการเล่าประวัติศาสตร์ 2475 ไม่เคยเล่าตรงไปตรงมาเลย ทำไมจึงเล่าอย่างตรงไปตรงมาไม่ได้ เราแค่เล่าตรงไปตรงมา คนจำเป็นต้องรู้ ถ้าไม่รู้ ถ้าประวัติศาสตร์ตรงนี้ไม่เคลียร์ เราไปต่อไม่ได้ เพราะจะเป็นความขัดแย้งต่อไปไม่จบสิ้น
ประวัติศาสตร์เป็นสิ่งที่เกิดขึ้น คุณสืบค้นได้หมด เรื่องไหนที่คุณคิดว่าเราแต่งขึ้น เราบิดเบือน เรามีหนังสือแนะนำและให้ไปหาอ่าน ตัวอย่างภาพยนตร์ (Teaser) ที่เผยแพร่ออกไปมีในประวัติศาสตร์หมดเลย แต่ก็มีคนบอกว่าเราบิดเบือน สร้างขึ้นมาเอง แสดงว่าคุณไม่ได้อ่านประวัติศาสตร์ ข้อมูลทางประวัติศาสตร์ในอดีตไม่มีฝั่ง อยู่ที่ว่าเราจะรับได้แค่ไหน
ด้านนายชวัส จำปาแสน หรือครูอะไหล่ ตัวแทนกลุ่มสตรีทอาร์ต คิง ภูมิพล หนึ่งในทีมงานที่ช่วยงานภาพ กล่าวว่า ภาพยนตร์เรื่องนี้ทางทีมงานฯ ได้มีโอกาสมีส่วนร่วมโดยเข้าไปสนับสนุนการวาดแอนิเมชันส่วนหนึ่ง โดยมีทีมงานหลักของผู้จัดสร้างภาพยนตร์อยู่ ความยากคนละแบบกับการทำสตรีทอาร์ต แต่เป็นการวาดรูปเหมือนกัน ซึ่งเราก็ทำได้ แต่ต้องใช้อุปกรณ์และกระบวนการแอนิเมชันต้องวาดแยกเพื่อเอาไปใช้งานต่อได้ และเมื่อทำงานกันเป็นทีม ลายเส้นแต่ละคนมีความแตกต่างกัน ส่วนเนื้อเรื่องทางผู้กำกับจะสรุปมาว่าฉากนี้ต้องการภาพแบบไหน เราก็ร่างขึ้นมาช่วยกันดูว่าดีไหม ต้องปรับตรงไหน
"รู้สึกยินดีมากๆ ที่ได้เกิดภาพยนตร์แอนิเมชันแบบนี้ เพราะว่าค่อนข้างหายากและจะเกิดขึ้นยากมาก สำหรับภาพยนตร์เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ ในแง่มุมที่ค่อนข้างละเอียดอ่อน ฝ่ายทำข้อมูลต้องจริงจังและหาหลักฐานชัดเจนว่าจะสรุปเรื่องออกมาอย่างไร และเล่าเรื่องอย่างไร แค่นี้ก็ยากแล้ว และยังเป็นภาพวาดการ์ตูนแอนิเมชัน ซึ่งถือเป็นความก้าวหน้าอย่างหนึ่งในการเริ่มหยิบจับประวัติศาสตร์ที่คลุมเครือออกมาให้ชัดเจนผ่านแอนิเมนชัน มีความทันสมัย ร่วมสมัย และสามารถเข้าถึงเด็กได้ ตรงนี้จะเป็นข้อมูลที่เป็นหลักฐานชัดเจน ซึ่งสำคัญต่ออนาคตของชาติที่จะสามารถดูได้ จะได้เข้าใจในมุมนี้ และสืบค้นประวัติศาสตร์ในมุมนี้ต่อไปว่าปี 2475 มีอะไรเกิดขึ้นบ้าง ทำให้เราอยากจะร่วมงานตรงนี้ ทางผู้จัดฯ ติดต่อมา ก็ตกปากรับคำเลย" นายชวัสกล่าว
น.ส.ณัฏฐา มหัทธนา พิธีกรรายการข่าว และอดีตนักเคลื่อนไหวทางการเมือง กล่าวหลังชมภาพยนตร์ว่า เรื่องนี้ไม่ได้น่าเบื่ออย่างที่หลายคนอาจจะคิดว่า ประวัติศาสตร์ 2 ชั่วโมงน่าเบื่อหรือไม่ ความรู้สึกหนึ่งเหมือนได้กลับเข้าไปห้องเรียนอีกครั้งหนึ่ง ฟังบรรยายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่เป็นการฟังที่มีโปรดักชัน ทำให้น่าติดตาม ทั้งนี้ ประวัติศาสตร์ 2475 มีหลายมุมของการเล่า วันนี้ถือว่าได้มาฟังอีกมุมหนึ่ง คิดว่าสำหรับคนที่สนใจประวัติศาสตร์ก็จะฟังทุกมุมที่รับฟังได้อยู่แล้ว เรื่องนี้น่าสนใจตรงที่บอกเล่าช่วงตอนของประวัติศาสตร์ที่เราไม่ค่อยได้ฟัง ส่วนใหญ่เมื่อพูดถึง 2475 มักจบลงที่เปลี่ยนแปลงการปกครอง หลังจากนี้ก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น อันนี้เราได้รู้เหตุการณ์ที่ทุ่งดอนเมือง กบฏวรเดช และความสูญเสียในช่วงนั้น ซึ่งเราลืมไปแล้วหรือไม่ค่อยได้เรียนด้วยซ้ำ คิดว่าเรื่องนี้มีประโยชน์
"ถ้าคนสนใจประวัติศาสตร์คงดูอยู่แล้ว แต่คนดูทั่วไป ส่วนตัวมองว่าอยากให้ดูแบบโอเพน (เปิดใจ) ไม่คาดหวังหรือมีอคติ หลายคนอาจวิจารณ์ตั้งแต่ก่อนเข้าชมว่า เป็นการผลิตของกลุ่มคนที่เรียกว่าอนุรักษนิยม ซึ่งโทนของภาพยนตร์ก็เป็นแบบนั้น แต่เขาก็ไม่ได้ทำให้กระทั่งหมดคุณค่าไป หรือเล่าเรื่องฝั่งเดียวหรือเปล่าก็ไม่ได้ขนาดนั้น เพราะฉะนั้นเราก็ดูโดยการรับรู้ว่าเป็นการเล่าเรื่องจากหนึ่งมุมมอง แต่มีประโยชน์ไหม มีประโยชน์ จะได้ข้อมูลใหม่ๆ ที่เราจะไม่เคยได้ฟัง ถ้าเกิดว่าใครสงสัยว่าใช่ไหม ก็ไปอ่านต่อได้อีก บางช่วงมีการลดทอน ตัดทอนไป เช่น ช่วงของประกาศคณะราษฎร เขาก็ตัดใจความสำคัญออกไป อาจจะรู้สึกไม่สบายใจที่จะอ่านออกมา คนที่มาดูถ้าสนใจอ่านฉบับเต็มก็ไปหาอ่านได้ ทำให้มีภาพจิ๊กซอว์ของประวัติศาสตร์ ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่จุดประกายให้คนสนใจประวัติศาสตร์ 2475 ได้" น.ส.ณัฏฐากล่าว
นายกฤษณพงศ์ เกียรติศักดิ์ อาจารย์ด้านสถาปัตยกรรมศาสตร์ และพิธีกรรายการข่าว กล่าวว่า อยากให้มีทุนทำภาพยนตร์ต่อ เพราะเมื่อจบแล้วจะได้ทราบถึงปัญหาที่สั่งสมมา ถึงรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล รัชกาลที่ ๘ เพราะเหตุการณ์มีปัญหามากมาย รัชกาลที่ ๘ ยังทรงพระเยาว์ ต้องขึ้นครองราชย์เป็นพระมหากษัตริย์ และนึกถึงหัวอกของพระมารดา คือ สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี หรือสมเด็จย่า ที่ต้องส่งพระราชโอรสกลับประเทศ ทั้งที่ประเทศไทยมีปัญหาความขัดแย้งมากมาย และอันตรายถึงแก่ชีวิต สมเด็จย่าต้องเสียสละอย่างมากที่ต้องให้พระราชโอรสเป็นพระมหากษัตริย์ ทั้งๆ ที่รู้ว่าอยู่ในอันตรายซึ่งอาจถึงแก่ชีวิต แล้วก็เป็นดังนั้น นี่คือตอนต่อไปที่อยากให้ทีมงานภาพยนตร์ 2475 ทำ เพราะเมื่อจบลงที่รัชกาลที่ ๗ ทรงสละราชสมบัติ ถือว่าภาพยนตร์เรื่องนี้ยังไม่จบถึงปัจจุบัน อย่างน้อยตัวแทนประชาชนต้องรู้ว่า ที่ยืนอยู่ในสภาแล้วเป็น ส.ส.ได้ มีคนหลายคนต้องตายด้วยความขัดแย้ง ถ้าเอาประโยชน์ของประชาชนเป็นที่ตั้ง จะรู้ว่าจะต้องตัดสินใจอย่างไร
สำหรับภาพยนตร์แอนิเมชัน 2475 Dawn of Revolution จะเผยแพร่ในวันที่ 13 มี.ค. 2567 ประชาชนสามารถรับชมได้ฟรีโดยไม่มีค่าใช้จ่าย ผ่านออนไลน์ 3 แพลตฟอร์ม ได้แก่ เฟซบุ๊ก "2475 Dawn of Revolution" ยูทูบ 2475 Animation และติ๊กต็อก @2475animation