"อ.เจษฎา" ร่ายยาว "บริษัท ไฮเปอร์ลูป วัน" แค่ล้มเหลวธุรกิจ ชี้โครงการวิจัยพัฒนายังไม่จบ ทีมอื่นยังคงพัฒนาต่อไป
จากกรณีหลายเพจแห่ขยี้ "ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ" หลังเจ้าตัวเคยชูระบบขนส่งไฮเปอร์ลูป ชี้เป็นระบบขนส่งล้ำแห่งอนาคต ล่าสุด บริษัทไฮเปอร์ลูป วัน ผู้พัฒนาระบบขนส่งไฮเปอร์ลูป ปิดกิจการและเลิกจ้างพนักงานสิ้นปีนี้ รวมถึงโพสต์หนึ่งของ รศ.ดร.เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ อาจารย์ประจำภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ที่บอกว่าในปี 2565 ระบบไฮเปอร์ลูปจะประสบความสำเร็จ
ล่าสุดเมื่อวันที่ 23 ธ.ค. อาจารย์เจษฎาได้ออกมาโพสต์ข้อความในประเด็น บริษัทไฮเปอร์ลูปวัน ล้มเหลวทางธุรกิจ โดยระบุว่า
"น่าเสียดายว่าบริษัทไฮเปอร์ลูปวันล้มเหลวทางธุรกิจ .. แต่โครงการวิจัยพัฒนาระบบไฮเปอร์ลูปของทีมอื่นๆ ยังดำเนินต่อไปครับ"
สำหรับท่านที่สนใจติดตามข่าวความคืบหน้าของการพัฒนาระบบ "ไฮเปอร์ลูป hyperloop" ที่จะเป็นนวัตกรรมใหม่ในการใช้ยานขนส่งระบบลอยตัวด้วยแม่เหล็ก ที่วิ่งด้วยความเร็วสูงมากๆ ในท่อลดความดันให้ใกล้สุญญากาศ ซึ่งจะช่วยลดกระแสลมต้านทานทางอากาศพลศาสตร์ลง และทำให้รถมีความเร็วสูงขึ้นมาก ..
.. วันนี้มีข่าวน่าเสียดายที่หนึ่งในบริษัทที่แข่งขันกันพัฒนาระบบนี้ กำลังจะปิดตัวเองลงครับ ด้วยความล้มเหลวทางธุรกิจ (แต่ทีมวิจัยอื่นๆ ทั่วโลกก็ยังคงแข่งขันกันทำอยู่ต่อไปครับ)
บริษัทดังกล่าวคือ บริษัท Hyperloop One ไฮเปอร์ลูป ซึ่งครั้งหนึ่งเคยอยู่ในการสนับสนุนของเครือ เวอร์จิ้นกรุ๊ป Virgin Group ของมหาเศรษฐี Richard Branson กำลังจะหยุดประกอบการในวันที่ 31 ธันวาคมนี้ ตามรายงานของสำนักข่าว Bloomberg (ดู https://www.bloomberg.com/news/articles/2023-12-21/hyperloop-one-to-shut-down-after-raising-millions-to-reinvent-transit) โดยรายงานข่าวระบุว่าทางบริษัท Hyperloop One ซึ่งตั้งอยู่ที่เมือง Los Angeles จะปลดคนงานทั้งหมดออก และขายทรัพย์สินทั้งหมดที่มี
ระบบไฮเปอร์ลูป เป็นไอเดียที่มหาเศรษฐี Elon Musk ซีอีโอของบริษัท Tesla และ SpaceX ได้เคยเสนอแนวทางเอาไว้ตั้งแต่ปี ค.ศ. 2013 และหลังจากนั้นบริษัท Hyperloop One ก็ได้ถูกก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ. 2014 และระดมทุนได้ถึง 450 ล้านเหรียญสหรัฐ และลงทุนไปแล้วหลายร้อยล้านดอลลาร์สหรัฐ
บริษัทนี้เป็นหนึ่งในอีกหลายบริษัทและองค์กรของรัฐบาลทั่วโลกที่พยายามพัฒนาระบบขนส่งคนและสินค้าที่อาศัยยานขนส่งซึ่งอยู่ในท่อลดความดันจนใกล้สุญญากาศ และจะทำความเร็วได้ถึง 700 กิโลเมตร/ชั่วโมง
ในปลายปี ค.ศ. 2020 บริษัท Hyperloop One ประสบความสำเร็จในการวิ่งทดสอบครั้งแรกพร้อมกับมีผู้โดยสารอยู่ในรางทดสอบด้วย และทำความเร็วได้ที่ 172 กม./ชม. แต่หลังจากนั้นสาธารณชนเริ่มเห็นปัญหาทางธุรกิจของบริษัท เมื่อบริษัทได้ลดจำนวนคนงานลงในเดือนกุมภาพันธ์ 2022 และประกาศเปลี่ยนเป้าหมายจากการขนส่งคนไปเน้นที่ขนส่งสินค้าแทน และในปลายปี 2022 ก็มีข่าวว่าชื่อ “Virgin” ได้ถูกนำออกจากชื่อของบริษัท
จริงๆ แล้วมีการเปลี่ยนแปลงวุ่นวายเกิดขึ้นหลายต่อหลายครั้งแล้วกับบริษัท Hyperloop One เช่น การฟ้องร้องกันเองระหว่างเหล่าผู้ก่อตั้งบริษัท จนบริษัทมาอยู่ในมือของ Richard Branson ในปี ค.ศ. 2017 และเปลี่ยนชื่อเป็น Virgin Hyperloop One
และเมื่อ Richard Branson ไปวิพากษ์วิจารณ์ประเทศซาอุดีอาระเบียจากกรณีการฆาตกรรมนาย Jamal Khashoggi ในปี ค.ศ. 2018 ทางราชวงศ์ของซาอุดีอาระเบียก็ได้แสดงความไม่พอใจโดยออกมายื้อโครงการเอาไว้ และทำให้ Richard Branson ต้องออกจากตำแหน่งประธานบริษัทไป
ผลที่ตามมาคือ ในช่วงต้นปี ค.ศ. 2022 บริษัท DP World ที่เป็นบริษัทบริหารจัดการท่าเรือดูไบ ได้เข้ามาควบคุมดูแลบริษัท Virgin Hyperloop One นี้แทน และเปลี่ยนทิศทางการพัฒนาโครงการไฮเปอร์ลูป จากที่จะใช้ขนส่งคน มาเป็นขนส่งสินค้าแทน พร้อมกับลดจำนวนสตาฟลงครึ่งหนึ่งและเอาชื่อ Virgin ออกจากชื่อบริษัท
สำนักข่าว Bloomberg รายงานว่า บริษัท DP World จะรวบรวมเอาทรัพย์สินทางปัญญาของบริษัท Hyperloop One ไปดูแลเอง ขณะที่ทรัพย์สินที่เหลือที่เป็นวัสดุสิ่งของที่เหลือ ซึ่งรวมถึง "รางทดสอบ" ที่เมือง Las Vegas และเครื่องจักรอื่นๆ ก็จะถูกขายทิ้งไป
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าความฝันของบริษัท Hyperloop One จะจบลงพร้อมกับความล้มเหลวทางธุรกิจ แต่ก็ยังมีอีกหลายบริษัทที่กำลังพัฒนาระบบไฮเปอร์ลูปเพื่อพิสูจน์ถึงความเป็นไปได้ของแนวคิดนี้
ดังเช่นที่ผมเคยโพสต์เรื่อง "ความคืบหน้าล่าสุดของระบบ hyperloop ไฮเปอร์ลูป ของประเทศจีน" ไว้แล้ว โดยทวีตของ China Science ได้ระบุว่า ประเทศจีนกำลังเข้าใกล้สู่ความสำเร็จในการพัฒนาระบบขนส่งมวลชนแบบล้ำยุค ที่ประกอบไปด้วยรถไฟฟ้าแบบลอยตัวด้วยแม่เหล็ก (หรือแม็กเลฟ) ที่มีความเร็วสูงถึง 1,000 กิโลเมตรต่อชั่วโมง โดยวิ่งอยู่ในอุโมงค์ความดันต่ำใกล้สุญญากาศ ล่าสุดได้สร้างท่ออุโมงค์ทดสอบขนาดเท่าของจริง (full scale) ที่มีความยาวถึง 2 กิโลเมตรสำเร็จแล้ว ที่มณฑลส่านซี (Shanxi) และถือว่ามีขนาดยาวที่สุดตั้งแต่ที่เคยมีการสร้างกันมาทั่วโลก (ดูภาพและข้อมูลจาก https://twitter.com/ChinaScience/status/1727552557793620192)
นอกจากนี้ อีกบริษัทหนึ่งที่ค่อนข้างมีความคืบหน้าไปมาก คือ บริษัท TransPod ของประเทศแคนาดา ตั้งอยู่ที่เมือง Toronto ซึ่งเมื่อต้นปี 2023 บริษัท TransPod ได้กลายเป็นบริษัทไฮเปอร์ลูปรายแรกของโลกที่ยืนยันถึงการก่อสร้างอินฟราสตรักเจอร์ของโครงการขนส่งมวลชนทั้งหมดด้วยงบประมาณรวมกว่า 1.8 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งในนั้นมีการยืนยันที่จะใช้เงินกว่า 550 ล้านเหรียญสหรัฐในการสร้างระบบไฮเปอร์ลูประหว่างเมือง Edmonton กับเมือง Calgary และจะทำให้การเดินทางระหว่างสองเมืองนี้ ใช้เวลาเพียง 45 นาทีเท่านั้น
ตามที่บริษัท TransPod แถลงไว้ เทคโนโลยีไฮเปอร์ลูปของพวกเขาถูกออกแบบมาให้มีความเร็วสูงถึง 1,000 กม/ชม. และเคลมว่าระบบขนส่งมวลชนในท่อของพวกเขานั้นจะมีค่าใช้จ่ายในการปฏิบัตการต่ำกว่ารถไฟความเร็วสูง และสามารถรองรับการขนส่งได้เท่าเทียมหรือยิ่งกว่ารถไฟความเร็วสูงด้วย (ดู https://dailyhive.com/calgary/transpod-tube-edmonton-calgary-five-stops )
ความเห็นทิ้งท้าย ก็เข้าใจนะครับว่าหลายคนมองเรื่อง "ไฮเปอร์ลูป" เป็นเรื่องการเมือง เป็นเรื่องความเกลียดชังหมั่นไส้ธนาธรและอนาคตใหม่ (ผมก็ไม่คิดว่าเราจะสร้างไฮเปอร์ลูปในประเทศไทยเราได้หรอก ... เอาแค่รถไฟความเร็วสูงให้สำเร็จกันก่อนเถอะ) แต่ผมไม่สนใจประเด็นพวกนี้นะ ผมสนใจในประเด็นความท้าทายเชิงวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีที่จะพัฒนาสิ่งที่ดูเหมือนความฝันเหล่านี้ให้มันสำเร็จ ซึ่งอาจจะไม่ใช่ปีนี้ปีหน้า หรือสิบปียี่สิบปีหน้า แต่สักวันหนึ่ง ผมว่าไฮเปอร์ลูปน่าจะทำได้จริง และจะกลายเป็นเรื่องปรกติธรรมของลูกหลานเราในอนาคตครับ
ต่อมาเจ้าตัวได้ออกมาโพสต์ข้อความชี้แจงอีกครั้งในประเด็น “ไฮเปอร์ลูป” โดยได้ระบุข้อความว่า
“เผื่อใครไม่เข้าใจว่าเรื่องอะไรนะครับ.. คือเมื่อหลายปีก่อน ตอนที่ธนาธร และคุณช่อ เขาไปดูงานเรื่อง Hyperloop แล้วหลายคนก็บอกว่าเป็นเรื่องเพ้อฝัน เป็นไปไม่ได้ .. หลังจากนั้น 2 ปี (คือเมื่อ 3 ปีก่อน) ผมก็มาคอมเมนต์บอกว่า เครื่องต้นแบบทำสำเร็จแล้ว โดยบริษัท Virgin Hyperloop One สามารถส่งคนไปในระบบไฮเปอร์ลูปได้จริงแล้ว
เพียงแต่ว่าล่าสุดบริษัทนี้เขาล้มเหลวทางธุรกิจ มีปัญหากับเรื่องของอดีตประธานบริษัท (มหาเศรษฐี Richard Branson) กับผู้ลงทุนชาวอาหรับ จนต้องล้มเลิกโครงการไปในที่สุดในปลายปีนี้
แต่โครงการวิจัยพัฒนา Hyperloop ของบริษัทและประเทศอื่นๆ ก็ยังคงเดินหน้าต่อไปครับ ซึ่งผมก็ยังยืนยันว่าเทคโนโลยีนี้มันไม่ใช่เรื่องเพ้อฝัน แต่ก็ต้องใช้เวลาและทรัพยากรในการพัฒนาครับ อาจจะอีก 10-20 ปีข้างหน้าก็ได้ .. เหมือนเราอยู่ในยุคของเครื่องบินใบพัด ที่หลายคนไม่เชื่อว่า วันนี้คนจะบินด้วยเครื่องบินเจ็ตได้คุ้มค่าและปลอดภัย
#ความเห็นทิ้งท้าย ก็เข้าใจนะครับว่าหลายคนมองเรื่อง "ไฮเปอร์ลูป" เป็นเรื่องการเมือง เป็นเรื่องความเกลียดชังหมั่นไส้ธนาธรและอนาคตใหม่ (ผมก็ไม่คิดว่าเราจะสร้างไฮเปอร์ลูปในประเทศไทยเราได้หรอก ... เอาแค่รถไฟความเร็วสูง ให้สำเร็จกันก่อนเถอะ) แต่ผมไม่สนใจประเด็นพวกนี้นะ
ผมสนใจในประเด็นความท้าทายเชิงวิทยาศาสตร์เทคโนโลยี ที่จะพัฒนาสิ่งที่ดูเหมือนความฝันเหล่านี้ให้มันสำเร็จ ซึ่งอาจจะไม่ใช่ปีนี้ปีหน้า หรือสิบปียี่สิบปีหน้า แต่สักวันหนึ่ง ผมว่าไฮเปอร์ลูปน่าจะทำได้จริง และจะกลายเป็นเรื่องปรกติธรรมดาของลูกหลานเราในอนาคตครับ”