xs
xsm
sm
md
lg

อเมริกา-อิสราเอลรวมหัวสมคบคิด? เบื้องหลังศึกฮามาส-ยิว

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“สนธิ” เจาะเบื้องหลังศึกอิสราเอล-ฮามาส สหรัฐฯ สมคบคิดรัฐยิวปล่อยนักรบปาเลสไตน์บุกสายฟ้าแลบเมื่อ 7 ต.ค.เพื่อใช้เป็นข้ออ้างบุกฉนวนกาซาเข้าปราบฮามาส เมื่อสงครามขยายวงก็ถือโอกาสเล่นงานอิหร่านที่เป็นก้างขวางคอมานาน ขณะอเมริกา ต้องการให้เกิดสงครามในตะวันออกกลาง เพื่อฟื้นฟูสถานภาพของตัวเองในภูมิรัฐศาสตร์การเมืองโลก หลังพ่ายแพ้ในภูมิภาคอื่นมาหมด และเพื่อให้ “โจ ไบเดน” มีโอกาสกลับมาเป็นประธานาธิบดีอีกครั้งในการเลือกตั้งปี 2567



ในรายการ  “คุยทุกเรื่องกับสนธิ” หรือ “สนธิทอล์ก”เมื่อวันศุกร์ที่ 20 ตุลาคมที่ผ่านมา นายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์เครือผู้จัดการ ได้วิเคราะห์เบื้องหลังเหตุการณ์ที่นักรบปาเลสไตน์กลุ่มฮามาสบุกโจมตีอิสราเอลแบบสายฟ้าแลบเมื่อวันที่ 7 ต.ค.ที่ผ่านมา และอิสราเอลได้เปิดปฏิบัติการตอบโต้ด้วยการยิงถล่มฉนวนกาซาพร้อมเตรียมบุกทางภาคพื้นดิน โดยระบุว่า เมื่อนำทุกๆ เรื่อง ทุกๆ มิติ เข้ามาวิเคราะห์แล้ว สามารถอนุมานได้ว่า

1.สหรัฐอเมริกาต้องการให้เกิดสงครามในตะวันออกกลาง โดยใช้อิสราเอลเป็นหัวหอกในการป่วนตะวันออกกลางให้หมด การโจมตีของกลุ่มฮามาส เป็นสิ่งที่ไม่ได้คาดคิดมาก่อน แต่ก็อาจจะเป็นไปได้ที่หน่วยข่าวกรองของสหรัฐอเมริกานั้นรู้ล่วงหน้าอยู่แล้ว ส่วนอิสราเอลนั้น ไม่น่าจะคาดคิดได้ หรืออาจจะรู้ แต่ตกลงใจว่าจะให้ตัวเองยอมเสียหาย แล้วใช้เหตุนี้เป็นข้ออ้างในการตอบโต้อย่างรุนแรง และพยายามจะขยายความขัดแย้งออกไปให้หมดทั้งภูมิภาคตะวันออกกลาง โดยเป้าหมายต้องการที่จะล้มล้างอิหร่าน ซึ่งเป็นก้างขวางคอ


2.ข้อที่น่าสังเกตที่สุด คือ หน่วยสืบราชการลับมอสสาดซึ่งถูกยอมรับกันทั่วโลกว่าเก่งที่สุดไม่น่าที่จะไม่รู้เรื่องการบุกโจมตีของฮามาสซึ่งคำถามนี้ผู้เชี่ยวชาญทั่วโลกสงสัยว่ามอสสาดพลาดได้อย่างไร ?ถ้าเป็นในความคิดผมคือมอสสาดคือส่วนหนึ่งของการปล่อยให้กลุ่มฮามาสปฏิบัติการข้ามแดนมา

3.การส่งเรือบรรทุกเครื่องบิน 2 ลำ คือ ยูเอสเอส ไอเซนฮาวด์ กับยูเอสเอส เจอรัลด์ ฟอร์ด ซึ่งทั้ง 2 ลำ มีเครื่องบินขับไล่เกือบ 80 ลำเข้ามาในระยะทางที่สามารถจะใช้เวลาบินไม่เกิน 20 นาที ก็สามารถบินถึงตะวันออกกลางได้ บางคนก็บอกว่า เอามาเพื่อคุมไม่ให้อิหร่านขยับ หรือป้องกันไม่ให้รัสเซีย ซึ่งมีฐานทัพอยู่ที่อิรัก เข้ามาช่วย


4.การทิ้งระเบิดที่โรงพยาบาลในชนวนกาซ่า ทำให้เด็ก คนไข้ หมอ และพยาบาล เสียชีวิตถึง 500 คนนั้น พิสูจน์ได้ชัดจากหลักฐานว่า ระเบิดที่ทิ้งนั้นเป็นระเบิดชนิด MK-84 เป็นระเบิดที่อิสราเอลได้จากสหรัฐฯ เป็นที่น่าประหลาดใจว่า ประธานาธิบดี โจ ไบเดน ทุ่มเทตัวเองมากในการไปตะวันออกกลาง และใช้เวลามากที่สุด กับนายกรัฐมนตรีอิสราเอล คือนายเบนจามิน เนทันยาฮู อาจจะถูกมองในรูปแบบไปให้กำลังใจ และยืนยันว่า สหรัฐอเมริกาจะยืนอยู่ข้างอิสราเอล

แต่ก็เป็นไปได้ว่า ทั้ง 2 ผู้นำ มีข้อตกลงลับๆ เพื่อให้ขยายความขัดแย้งออกไป เชื่อได้ว่า สหรัฐอเมริกามีความมั่นใจในกองกำลัง และความแข็งแกร่งของกองทัพอิสราเอล แต่การที่มีเรือบรรทุกเครื่องบินประกบอยู่ใกล้ๆ จุดที่เกิดสงครามนั้น มันแปลได้ว่า นอกจากจะไม่ให้มหาอำนาจอย่างรัสเซียเข้ามายุ่มย่าม ก็จะเป็นเครื่องป้องกัน ในกรณีที่อิสราเอลเพลี่ยงพล้ำจากการต่อสู้ ซึ่งหลักๆ น่าจะเป็นกับอิหร่านที่ให้การสนับสนุนกลุ่มฮามาส จะได้ถือโอกาสจัดการกับอิหร่าน ซึ่งเป็นก้างขวางคอต่อบทบาทของสหรัฐอเมริกาในตะวันออกกลางมาโดยตลอด เป็นเวลาหลายสิบปีที่ผ่านมา


5.ถ้าเรามาดูหลายๆ มิติ ในภูมิรัฐศาสตร์ ที่เกิดขึ้นตั้งแต่ปลายปีที่แล้วมาจนถึงปลายปีนี้ เกือบ 1 ปีที่ผ่านมา ได้เกิดความเปลี่ยนแปลงอย่างมหาศาลซึ่งกระทบกับอำนาจ และอิทธิพลของสหรัฐอเมริกา ทำให้โลกทั้งโลก เริ่มเห็นได้ชัดแล้วว่า สหรัฐอเมริกากำลังเสื่อมและถดถอย

6.สหรัฐอเมริกาชอบก่อสงคราม เพื่อให้ทุกอย่างมันวุ่นวาย เหตุการณ์ต่างๆ ในโลกนี้ ไม่ว่าจะเป็น การบุกอิรัก การไปยึดอัฟกานิสถาน การสร้างความขัดแย้งในทะเลจีนใต้ การหนุนหลังไต้หวัน เพื่อให้เป็นอุปสรรคในการรวมประเทศของจีน การใช้นาโตเป็นหัวหอกในการรุกรัสเซีย ฯลฯ

7.ประจวบกับพื้นฐานความเข้มแข็งของเงินดอลลาร์ มีรากฐานมาจากระบบเปโตรดอลลาร์ คือการบังคับให้ซาอุดิอาระเบียและประเทศในตะวันออกกลางต้องขายน้ำมัน โดยใช้เงินดอลลาร์ เป็นเงินในการซื้อขาย ซึ่งอิทธิพลของเปโตรดอลลาร์นั้น วันนี้แทบจะไม่เหลือแล้ว โดยมีซาอุฯ เป็นหัวหอกในการทำลายอิทธิพลของเปโตรดอลลาร์

8.โจ ไบเดน กำลังจะก้าวสู่การเลือกตั้งในปีหน้า การสร้างเรื่องให้เกิดสงครามนั้น อาจจะเป็นส่วนหนึ่งที่จะเพิ่มคะแนนเสียงให้กับโจไปเด้นได้ หลังจากที่ผลโพล ของโจไบเด้นนั้น ตกอยู่ที่ 26% ในแง่คะแนนนิยมของคนอเมริกา ซึ่งเป็นเปอร์เซ็นที่ ตกต่ำที่สุดในประวัติศาสตร์ประธานาธิบดีของสหรัฐฯ ที่เคยมีมา

9.การก่อชนวนสงครามแล้วอ้างว่า เพื่อต่อสู้กับผู้ก่อการร้าย ตลอดจนเข้าไปร่วมทำสงครามกับอิสราเอล เพื่อจัดการกับอิหร่าน ซึ่งเป็นประเทศที่รัฐบาลสหรัฐอเมริกา ทุกยุคทุกสมัย รวมทั้งหน่วยข่าวกรองของสหรัฐฯ และอิสราเอล ตลอดจนสื่อมวลชนหลักของทางตะวันตก ออกข่าวปั่นหัวคนอเมริกา ให้จงเกลียดจงชังอิหร่าน ซึ่งไม่ได้ต่างกว่าการลงข่าวเท็จ และปั่นหัวให้คนอเมริกา และคนทั่วโลกเกลียดชัง เกาหลีเหนือ เช่นกัน

ในสมรภูมิภูมิรัฐศาสตร์ที่เกิดขึ้นในรอบ 18 เดือนที่ผ่านมา เราจะเห็นว่า สหรัฐอเมริกาพ่ายแพ้ทุกสมรภูมิ ไม่ว่าจะเป็นสงครามยูเครน กับรัสเซีย ที่ภาพออกมาว่า เป็นนาโตกับรัสเซียนั้น ในข้อเท็จจริง ก็คือ สหรัฐอเมริกา ใช้นาโต และตัวเองผลักดันอยู่ข้างหลัง ให้หาทางทำลายรัสเซีย


ส่วนสมรภูมิ ภูมิรัฐศาสตร์ของอเมริกาใต้ วันนี้อเมริกาก็พ่ายแพ้อย่างยับเยิน แอฟริกา ก็ตกเป็นของรัสเซีย และจีน เกือบจะทั้งทวีปแอฟริกา ในทวีปเอเชีย อเมริกาก็มีแค่ อินเดียเท่านั้น ที่อาจจะพึ่งพาได้ แต่อินเดียก็เป็นประเทศที่เอาแต่ประโยชน์เข้ามาหาตัวเอง ในเอเชียนั้นอเมริกาจะเหลือเกาหลีใต้ และญี่ปุ่น ซึ่งก็ทำอะไรไม่ได้ เพราะมีพลานุภาพทางทหารของเกาหลีเหนือสะกดเอาไว้

ทั้งหมดนี้เหลือแต่ตะวันออกกลางที่แนวโน้มการรบจะถูกขยายตัวออกไป และนั่นอาจจะเป็นคำตอบว่า ทำไมต้องมีเรือบรรทุกเครื่องบินถึง 2 ลำมาจอด

เพราะถ้าเกิดรบขึ้นมาแล้ว สหรัฐอเมริกาเชื่อมั่นว่า ด้วยศักยภาพของสหรัฐฯ และอิสราเอล จะไม่เพลี่ยงพล้ำ และถือโอกาสเป็นการสั่งสอนซาอุฯ ไปด้วย อย่าลืมว่า สหรัฐอเมริกา กำลังเป็นโต้โผ ในการจัดให้ซาอุฯ กับอิสราเอล เข้ามาพูดคุยกัน และตกลงในเรื่องสันติภาพ แต่สหรัฐฯ มีเงื่อนไขเพิ่มเติมว่า ซาอุฯ ต้องกลับมาอยู่ในอ้อมอกของสหรัฐอเมริกาอีกครั้ง และต้องกลับไปใช้เปโตรดอลลาร์เหมือนเดิม

ทั้งหมดนี้ อาจจะพอให้คำตอบได้ และอนุมานได้มากพอสมควรว่า สหรัฐอเมริกา ต้องการให้เกิดสงครามในตะวันออกกลาง เพื่อฟื้นฟูสถานภาพของตัวเองในด้านภูมิรัฐศาสตร์ และเพื่อทำให้โจ ไบเดน ได้รับการเลือกตั้งกลับมาอีกครั้งในการเลือกตั้งปลายปี 2567


“รวมทั้งถือโอกาสทำลายประเทศอิหร่านลงไปเลยซึ่งเป็นก้างขวางคอของเขาไม่รู้ว่าท่านผู้ชมจะเห็นด้วยกับผมหรือเปล่าทั้งหมดนี้เป็นการอนุมานของผมซึ่งผมไม่อยากให้มันเป็นความจริงเพราะจะมีคนล้มหายตายจากกันไปเยอะประเทศบ้านเรือนจะพังพินาศฉิบหายกันไปแต่ผมเกรงว่าคำอนุมานของผมนั้นน่าจะใกล้เคียงความจริงที่สุดครับ” นายสนธิกล่าว


กำลังโหลดความคิดเห็น