ความหวังที่จะเห็นการหยุดยิงสั้นๆ ในดินแดนกาซา เพื่อให้ผู้ถือหนังสือเดินทางต่างชาติสามารถออกจากดินแดนปาเลสไตน์ที่ถูกปิดล้อม และลำเลียงความช่วยเหลือเข้าสู่พื้นที่ดังกล่าว ต้องพังทลายลงในวันจันทร์ (16 ต.ค.) หลังอิสราเอลยืนยันว่า ไม่มีข้อตกลงหยุดยิง และยังคงถล่มกาซาหนักหน่วง พร้อมย้ำว่า เตรียมบุกภาคพื้นดินเพื่อกวาดล้างฮามาส ท่ามกลางคำเตือนจากนานาชาติว่า การรุกรานกาซาอาจนำไปสู่การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์และทำให้ตะวันออกกลางจมดิ่งสู่เหวลึก
ชาวบ้านชาวเมืองในดินแดนฉนวนกาซาที่อยู่ภายใต้การปกครองของฮามาส เผยว่า การโจมตีของอิสราเอลเมื่อคืนวันอาทิตย์ (15) ถือว่ารุนแรงที่สุดในรอบ 9 วัน ขณะที่นานาชาติยังคงผลักดันความพยายามทางการทูตเพื่อเปิดทางส่งความช่วยเหลือเข้าสู่กาซาที่ถูกอิสราเอลปูพรมทิ้งระเบิดอย่างหนักนับจากวันที่ 7 ต.ค. ซึ่งนักรบฮามาสบุกข้ามแดนเข้าไปสังหารเหยื่อ 1,300 คน และถือเป็นการโจมตีนองเลือดที่สุดในประวัติศาสตร์ 75 ปีของอิสราเอล
นอกจากนั้น อิสราเอลยังประกาศปิดล้อมกาซาแบบเบ็ดเสร็จ ห้ามส่งอาหารเข้าไป รวมทั้งตัดน้ำตัดไฟ และกำลังเตรียมบุกภาคพื้นดินเข้าสู่ดินแดนดังกล่าว โดยอ้างว่าเพื่อกวาดล้างทำลายลุ่มฮามาสที่ยังคงยิงจรวดใส่อิสราเอลนับจากสุดสัปดาห์ที่แล้ว
เจ้าหน้าที่ในกาซาเผยเมื่อวันจันทร์ว่า มีผู้เสียชีวิตจากการโจมตีของอิสราเอลอย่างน้อย 2,750 คน โดย 1 ใน 4 เป็นเด็ก และบาดเจ็บเกือบ 10,000 คน รวมทั้งสูญหายหรือเชื่อว่า ติดอยู่ใต้ซากปรักหักพังอีก 1,000 คน
สถานการณ์วิกฤตมนุษยธรรมในกาซารุนแรงขึ้นทุกขณะ โดยสำนักงานเพื่อการประสานงานด้านมนุษยธรรมแห่งสหประชาชาติ (โอซีเอชเอ) คาดว่า เชื้อเพลิงสำรองสำหรับใช้กับเครื่องกำเนิดไฟฟ้าในโรงพยาบาลทุกแห่งในฉนวนกาซา จะเหลือใช้ได้อีกราว 24 ชั่วโมงเท่านั้น ทำให้ผู้ป่วยนับพันๆ ตกอยู่ในความเสี่ยง ขณะที่นับเป็นวันที่ 5 ที่ประชาชนในกาซาไม่มีไฟฟ้าใช้ ส่งผลให้บริการสำคัญต่างๆ ซึ่งรวมถึงระบบสาธารณสุข น้ำกินน้ำใช้ และระบบสุขาภิบาลใกล้ล่ม และความไม่มั่นคงทางอาหารทวีความรุนแรงขึ้นทุกที
ความช่วยเหลือหลายร้อยตันจากประเทศต่างๆ ถูกส่งไปรอที่อียิปต์ ซึ่งกำลังเร่งผลักดันข้อตกลงให้สามารถจัดส่งความช่วยเหลือเข้าสู่กาซาอย่างปลอดภัย รวมถึงอพยพผู้ถือหนังสือเดินทางต่างประเทศผ่านจุดผ่านแดนราฟาห์ ซึ่งเป็นด่านผ่านแดนเพียงแห่งเดียวในกาซาที่ไม่ได้อยู่ใต้การควบคุมของอิสราเอล
เช้าวันจันทร์ แหล่งข่าวด้านความมั่นคงของอียิปต์เผยว่า บรรลุข้อตกลงเปิดจุดผ่านแดนดังกล่าวเพื่อลำเลียงความช่วยเหลือเข้าสู่กาซาแล้ว
ทว่า สำนักนายกรัฐมนตรีอิสราเอลออกคำแถลงยืนยันว่า ไม่มีข้อตกลงหยุดยิงหรือข้อตกลงส่งความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมเข้าสู่กาซา เพื่อแลกเปลี่ยนกับการปล่อยพลเมืองต่างชาติ
อิซซาต เอล เรชิก เจ้าหน้าที่ฮามาสเปิดเผยเช่นเดียวกันว่า รายงานเกี่ยวกับการเปิดจุดผ่านแดนของอียิปต์ รวมทั้งข้อตกลงหยุดยิงชั่วคราวไม่เป็นความจริง
ทางด้านสหรัฐฯ ได้มีการแจ้งพลเมืองของตนในกาซาให้พยายามไปยังจุดผ่านแดนราฟาห์เพื่อเดินทางออกจากกาซา โดยรัฐบาลอเมริกาประเมินว่า มีพลเมืองปาเลสไตน์-อเมริกันในกาซา 500-600 คน
วอชิงตันบอกด้วยว่ายังพยายามช่วยเหลือตัวประกัน 199 คนที่อิสราเอลระบุว่า ถูกฮามาสจับไปคุมขังในกาซา ซึ่งมีทั้งเด็ก ผู้สูงวัย ผู้หญิง และชาวต่างชาติที่รวมถึงคนอเมริกัน
ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ส่งความช่วยเหลือให้อิสราเอล ซึ่งรวมถึงให้หมู่เรือบรรทุกเครื่องบินโจมตีรวม 2 หมู่ เคลื่อนไปยังด้านตะวันออกของทะเลเมดิเตอร์เรเนียน แต่ย้ำถึงความจำเป็นในการให้ความช่วยเหลือพลเรือนปาเลสไตน์ รวมถึงเรียกร้องให้อิสราเอลใช้กฎการทำสงครามตามหลักกฎหมายสากลในการตอบโต้ฮามาส
เมื่อวันอาทิตย์ ผู้นำสหรัฐฯ ยังให้สัมภาษณ์ในรายการ 60 มินิตของเครือข่ายซีบีเอสว่า แม้จำเป็นต้องบุกเข้าสู่กาซาและกวาดล้างกลุ่มหัวรุนแรง แต่หากอิสราเอลเข้ายึดครองกาซาจะถือเป็น “ความผิดพลาดใหญ่หลวง”
เวลาเดียวกันเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ เตือนว่า สงครามระหว่างอิสราเอลกับฮามาสอาจลุกลาม หลังจากมีการปะทะกันข้ามพรมแดนระหว่างอิสราเอลกับกลุ่มนักรบฮิซบอลเลาะห์ในเลบานอนที่ได้รับการสนับสนุนจากอิหร่านเช่นเดียวกับฮามาส
ในวันอาทิตย์ อิหร่านและฮิซบอลเลาะห์เตือนว่า การรุกรานกาซาจะต้องเผชิญการตอบโต้ โดย ฮอสเซน อามีร์-อับดอลลาเฮียน รัฐมนตรีต่างประเทศเตหะราน ระบุว่า ไม่มีใครสามารถรับประกันว่าสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ และความขัดแย้งจะไม่ลุกลามถ้าอิสราเอลส่งทหารเข้าสู่กาซา
ขณะเดียวกัน ทั้งกลุ่มสันนิบาตอาหรับและสหภาพแอฟริกา ต่างออกคำแถลงเตือนว่า การรุกรานกาซาอาจนำไปสู่การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ และอันโตนิโอ กูเตียร์เรส เลขาธิการสหประชาชาติ สำทับว่า ทั้งภูมิภาคตะวันออกกลางจวนเจียนจมดิ่งลงสู่เหวลึก
อย่างไรก็ตาม โจนาธาน คอนริคัส โฆษกกองทัพอิสราเอล ที่ใช้ชื่อเรียกว่ากองกำลังป้องกันอิสราเอล (ไอดีเอฟ) ประกาศกร้าวว่า กองทัพอิสราเอลจะโจมตีกาซาทั้งภาคพื้นดิน อากาศ และทะเลในปฏิบัติการภาคพื้นดินขนาดใหญ่ และขณะนี้กำลังอยู่ในช่วงเริ่มต้นปฏิบัติการทางทหารระดับเข้มข้นในกาซาซิตี้ จึงไม่ปลอดภัยที่พลเรือนจะยังคงอยู่ในพื้นที่ดังกล่าว
ทั้งนี้ อิสราเอลสั่งให้พลเมืองในกาซาซิตี้อพยพลงใต้ และมีรายงานว่า มีประชาชนอย่างน้อยหลายแสนคนจากจำนวนกว่าล้านคน พากันทิ้งบ้านเรือนหลบหนีไปหาที่ปลอดภัยเท่าที่สามารถหาได้ ซึ่งรวมถึงบนถนนและตามโรงเรียนที่บริหารโดยยูเอ็น