"ทนง" คาดจีนอยู่เบื้องหลังเทขายพันธบัตรสหรัฐฯ ทำบอนด์ยีลด์พุ่งสูงเป็นประวัติการณ์ ส่งผลตลาดผันผวนหนัก เชื่อเตรียมโละให้หมดพอร์ตภายในสิ้นปีนี้ เพราะกลัวสหรัฐฯ จะหาเรื่องยึดเงินฝากแบบที่ทำกับรัสเซียก่อนหน้านี้
วันที่ 9 ต.ค. 2566 นายทนง ขันทอง ผู้เชี่ยวชาญข่าวต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์ในรายการ "คนเคาะข่าว" ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม ช่อง "นิวส์วัน" ในหัวข้อ "จีนอยู่เบื้องหลังบอนด์ยีลด์สหรัฐฯ พุ่งสูงเป็นประวัติการณ์?"
จากกรณีอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ยีลด์พุ่งสูงสุดตั้งแต่ปี 2007 โดยเมื่อ 3 ต.ค.ที่ผ่านมาบอนด์ยีลด์ของสหรัฐฯ อายุ 10 ปีขึ้นไปแตะที่ 4.8% ซึ่งส่งผลกระทบต่อการลงทุนในสินทรัพย์หลายประเภทที่ทำให้ผลตอบแทนนั้นปรับตัวลดลงอย่างหนัก
นายทนงกล่าวว่า การที่บอนด์ยีลด์สหรัฐฯ พุ่งขนาดนี้ CNBC ได้วิเคราะห์ไว้น่าสนใจ ว่าผู้ที่ขายพันธบัตรสหรัฐฯ ขณะนี้อาจเป็นประเทศใดประเทศหนึ่ง หรือสถาบันการเงินหลายแห่ง แต่ไม่ได้ระบุว่าประเทศใด แต่ตนอนุมานว่าน่าจะเป็นจีน เพราะจีนเป็นเจ้าหนี้รายใหญ่อันดับ 2 ของอเมริกา มีเรื่องระหองระแหงกันค่อนข้างมาก
สหรัฐฯ พยายามแยกเศรษฐกิจของตัวเองออกจากจีนเพื่อลดความเสี่ยง จีนก็ตอบโต้ด้วยการทยอยขายพันธบัตรสหรัฐฯ อย่างต่อเนื่อง
จีนเองถือครองพันธบัตรสหรัฐฯ ประมาณ 1.3 ล้านล้านเหรียญ หลังจากนั้นก็ทยอยขายออกไป พันธบัตรสหรัฐฯ ถือว่าเป็นทุนสํารองที่ประเทศต่างๆ ถือครองเพื่อเป็นหลักประกันความมั่งคั่ง เพราะดอลลาร์เป็นเงินสกุลหลักของโลก เป็นทรัพย์สินเกรดเอ แต่ตอนนี้ถูกลดอันดับแล้ว
"เชื่อว่าจีนน่าจะเป็นผู้ขายรายใหญ่ ทำให้ตลาดผันผวนอย่างหนัก บอนด์ยีลด์พุ่งสูงเป็นประวัติการณ์ เป็นไปได้ที่จีนจะเทขายไปแล้ว 4 แสนล้านเหรียญ จีนเองอาจเร่งเครื่องต้องการที่จะโละพันธบัตรสหรัฐฯ ให้หมดพอร์ตภายในสิ้นปีนี้ก็เป็นไปได้ เพราะกลัวว่าสหรัฐฯ จะหาเรื่องยึดเงินฝากแบบที่ทำกับรัสเซียก่อนหน้านี้ และหาทางเบี้ยวหนี้ นอกจากนี้หยวนเป็นหนึ่งในเงินสกุลหลักแล้ว เป็นที่ต้องการของตลาดโลก จีนอยู่ได้โดยไม่ต้องพึ่งดอลลาร์แบบที่ผ่านมา ก็ต้องดูว่ารายงานกระทรวงการคลังสหรัฐฯ ว่าจีนลดการถือครองพันธบัตรสหรัฐฯ มากเพียงใด" นายทนงระบุ