”หมอ” โพสต์ข้อความแบ่งปันประสบการณ์ จากแพทย์กลายเป็นผู้ป่วยมะเร็ง แต่มองทุกอย่างในแง่ดี หวังผู้อ่านได้ข้อคิดจากโพสต์นี้
เมื่อวันที่ 18 ก.ย. ผู้ใช้เฟซบุ๊ก “Somros MD phonglamai” ได้ออกมาโพสต์แบ่งปันประสบการณ์เป็นผู้ป่วยมะเร็ง แต่ผู้โพสต์กลับมองทุกอย่างในแง่ดี จึงหวัวว่าโพสต์ดังกล่าวจะมีประโยชน์ต่อผู้ที่เข้ามาอ่าน โดยเจ้าตัวได้ระบุข้อความว่า
“ผมโชคดี ถูกรางวัลมากกว่ารางวัลที่หนึ่ง 17 ใบ 102 ล้านบาทอีกครับ
โพสต์นี้ได้รับพลังใจจากเพจ สู้ดิวะ ในฐานะที่เป็นหมอและคนไข้มะเร็งเหมือนกัน หวังว่าอ่านจบแล้ว เพื่อนๆ จะได้ข้อคิดไปแบ่งปันให้คนที่เรารักต่อนะครับ
1- ผมชื่อ สมรส เริ่มจากผมเป็นหมอเฉพาะทางด้านฟื้นฟูและรักษาคนไข้อัมพาตเยอะอายุน้อยมาก เลยกลัวว่าจะมีอะไรในหัวมั้ย ยิ่งไปเห็นพี่อิท Ittichai Sakarunchai คุณหมอผ่าตัดสมองโพสต์เรื่องเส้นเลือดโป่งพองในหัวแตก เลยตั้งใจจะไปตรวจสแกนสมอง MRI MRA ว่ามีระเบิดเวลาซ่อนในหัวเรามั้ยนะ?
โชคดีครั้งที่ 1 ถ้าไม่เห็นโพสต์พี่อิทคงไม่คิดจะตรวจ
2- ผมไปติดต่ออาจารย์เดชา คุณหมอผ่าตัดสมองที่ รพ.กรุงเทพพัทยา เลยแนะนำให้ทำเป็นแพกเกจ stroke screening program ไปเลยคุ้มกว่า เพราะดูเส้นเลือดแดงที่คอด้วย ก็เลยได้ทำอัลตราซาวนด์ที่คอ
โชคดีครั้งที่ 2 ถ้าอาจารย์เดชาไม่แนะนำ package ก็ไม่ได้ตรวจ
3- อาจารย์ดิว Wittawat Takong Interventionist อัลตราซาวนด์ที่คอให้ เส้นเลือดดีมาก แต่เอ๊ะ มีก้อนที่คอ ผมมองหน้าอาจารย์ดิวที่กำลังวัดขนาดก้อนอยู่ด้วยสายตาจริงจัง
“มีโอกาสเป็นมะเร็งกี่ % ครับ” ผมยิ้มถาม ตอนนี้หัวใจเริ่มเต้นเร็ว
“มีโอกาสสูงครับอาจารย์ มากกว่า 90% คงต้องเจาะชิ้นเนื้อต่อครับ”
ในทางการแพทย์ เราเรียนการบอกข่าวร้ายกับคนไข้ (Breaking Bad News) ไม่คิดว่าจะต้องเจอกับตัวเองเพราะก่อนหน้านี้แข็งแรงมากๆ โดยคนไข้จะมีกลไก 5 อย่างหลักๆ 1. ปฏิเสธความจริง 2. โกรธ 3. ต่อรอง 4. ซึมเศร้า 5. ยอมรับ
“ครับ เดี๋ยวผมนัดเลยให้เร็วที่สุด” ผมข้ามไปขั้นยอมรับข่าวร้ายเลยใน 1 วินาที อาจเพราะเป็นลิ่มเลือดอุดตันในปอดมาก่อน เจ็บหน้าอกทรมานอย่างมาก เป็นมะเร็งอีกก็เลยเข้าใจได้
โชคดีครั้งที่ 3 ถ้าอาจารย์ดิวไม่ใช่คนละเอียด ไม่ได้ตั้งใจดูให้ อาจจะไม่ทราบ
4- ผลชิ้นเนื้อเป็นมะเร็งไทรอยด์สองประเภทรวมกัน พอเกิดในผู้ชายมันมีโอกาสรุกรานมากกว่าที่เกิดในผู้หญิง ตอนนั้นรีบหาหมอผ่าตัดว่าจะให้อาจารย์ท่านไหนผ่าดี ต้องผ่าเร็วที่สุดที่ทำได้ อาจารย์ก้อย endocrine แนะนำอย่างละเอียดและขู่ว่ารีบผ่านะคะ! ห้ามรอ ห้ามประมาท! Koy Karnsiree, พี่เอฟ พี่ป้อม พี่ปูดมยา อาจารย์ก้อยไปคุย (บลัฟ) กับป๋าไพบูลย์ว่าผ่าให้ผมหน่อย ซึ่งท่านก็คิวแน่นมากๆ อายุก็เริ่มมาก แต่ก็รับผ่าให้ผมภายในสองสัปดาห์ และโรงพยาบาลก็ช่วยดูแลอย่างดี Bhakhaporn Bhirommai Napaporn Ketvatanawes
โชคดีครั้งที่ 4 ถ้าไม่ได้พี่ๆ คุยกับป๋าให้ อาจไม่ได้ผ่าเร็วขนาดนี้ ถ้าไม่ได้ทำงานที่ รพ.กรุงเทพพัทยา ก็คงไม่เร็ว และพี่ๆ น้องๆดูแลดีขนาดนี้
สาเหตุของมะเร็งไทรอยด์ เช่น
- การสัมผัสรังสี เช่น คนไข้มะเร็งฝังแร่ กลืนแร่มา แล้วเราเดินผ่าน, หมอที่ทำงานกับสารทึบสี, กินอาหารปนเปื้อนกัมมันตภาพรังสี, สารกัมมันตภาพรังสีรั่วไหลหรือถูกเผา
- ได้รับไอโอดีนมากเกินไป (เช่น เกลือเสริมไอโอดีน) หรือการขาดไอโอดีน
- การได้รับฮอร์โมนที่มากเกินไป
- ความอ้วน
- เนื้อแดง อาหารโปรเซส (ไส้กรอก กุนเชียง แหนม แฮม)
- การดื่มแอลกอฮอล์ และสูบบุหรี่
5- ตอนผ่าตัด พบว่าตัวมะเร็งกำลังไปแตะกล้ามเนื้อด้านหลังแล้ว ดูเกรี้ยวกราดรุกรานจริงๆ ไม่ได้ดูง่ายเหมือนมะเร็งไทรอยด์คนอื่นๆ ถ้าผ่าช้าไปอีกเดือน อาจจะกินลึกและผ่ายากกว่านี้มาก ได้พี่จิมมี่เข้าเคสช่วยป๋า ไม่โดนเส้นประสาทใดๆ เสียงไม่แหบลง แคลเซียมไม่ตกเลยแม้แต่ 0.1 และเย็บแผลให้งดงาม Jim Parithan
ตอนป๋าไพบูลย์ดึงสายระบายออกจากอก “ปรี๊ด!” เข้าใจคนที่โดนปาดคอเลยจริงๆ จำฝังใจ
โชคดีครั้งที่ 5 ถ้าไม่รีบผ่า มะเร็งน่าจะรุกรานไปลึก อาจกินหลอดลมหรือหลอดอาหาร ยากขึ้นมาก
6- ผมต้องหาที่กลืนแร่ไอโอดีน 131 ซึ่งเป็นแร่กัมมันตภาพรังสี (ผมถึงอินกับเรื่องที่ซีเซียมหลุดมากๆ เพราะตอนนั้นเป็นมะเร็งแล้ว) โดยพี่เบิร์ด คมวุฒิช่วยติดต่ออาจารย์กุ้ง Nuclear Med ที่รามาฯ ช่วยดูแลผม ทำให้ได้กลืนแร่เร็วที่สุดเท่าที่เร็วได้ Bird Komwudh
โชคดีครั้งที่ 6 ถ้าพี่เบิร์ดไม่แนะนำให้ คงกลืนแร่ช้ากว่านี้มาก
7- ผมใช้ได้แต่สิทธิ 30 บาท เนื่องจากประกันไม่รับทำจากโรคลิ่มเลือดอุดตันในปอดเมื่อ 4 ปีก่อน ผมติดต่อไปตามสิทธิโรงพยาบาลต้นสังกัด … ต้องเดินเรื่องหลายต่อและเอกสารเยอะมากๆ บังเอิญปรึกษาพี่ๆ น้องๆ เพื่อนๆ หมอสงขลานครินทร์ จนไปโทร.คุยกับพี่แกน Sx พี่แกนแนะนำว่าตอนนี้เพิ่งเริ่มมีโครงการ Cancer Anywhere และผมก็สามารถใช้สิทธิได้ จึงได้ไปรักษากับอาจารย์กุ้งได้โดยไม่สะดุด
โชคดีครั้งที่ 7 ถ้าไม่มีพี่ๆ น้องๆ สงขลานครินทร์ช่วยแนะนำจนได้โทร.คุยกับพี่แกน คงเสียเวลาอีกนาน
8- จากนั้นก็ไปแอดมิตเพื่อกลืนแร่ไอโอดีน 131 เป็นแคปซูลขนาดใหญ่นิดหนึ่ง ชิ้นเดียว แต่ถูกใส่มาในกล่องตะกั่วหนัก 10 กิโลกรัม หลังกินมีคลื่นไส้ มึนหัว นอนไม่หลับอยากจะอาเจียน ช่วงนั้นมี PM 2.5 เต็มไปหมด ทรมานมากๆ
ห้ามเจอใครเลย 2 สัปดาห์ ตอนนั้นภูมิคุ้มกันตก และมีติดเชื้อในทางเดินปัสสาวะ ฉี่เป็นเลือดสีชมพูแสบสุดๆ กลั้นปัสสาวะไม่ได้ โทร.ไปปรึกษาพี่จิมมี่ยูโร กินยาอยู่สองสัปดาห์จนหายขาด ไม่คิดเลยว่าตัวเองจะเป็นติดเชื้อในทางเดินปัสสาวะ UTI
สแกนหามะเร็งหลังกลืนแร่ พบการแพร่กระจายไปต่อมน้ำเหลืองใกล้ๆ แต่ยังไม่แพร่ไปอวัยวะอื่นๆ
โชคที่ครั้งที่ 8 ถ้าพี่จิมมี่ไปอยู่วัดในป่า (พี่เป็นสายธรรมะ) ก็คงทรมานกว่านี้มาก
9- ระหว่างที่เป็นมะเร็ง ผ่าตัด และกลืนแร่หลายเดือนนั้น ผมโดนหมอปลอมและบริษัทอาหารเสริมโอ้อวดโฆษณาเกินจริง ฟ้องว่าผมไปหมิ่นประมาทเขา ยิ่งเพิ่มความเครียดและทำให้สุขภาพกายสุขภาพใจแย่มากๆ ต้องรวบรวมหลักฐานทุกอย่างทั้งๆ ที่ยังผ่าตัดมะเร็ง ติดต่อเพื่อนตำรวจ ทนาย อัยการ ต้องติดต่อขอเอกสารจากแพทยสภา ติดต่อศาล เพื่อให้กระทบร่างกายน้อยที่สุด ขณะนั้นไม่มีต่อมไทรอยด์แล้ว ร่างกายมีภาวะไทรอยด์ต่ำมากๆ ท้องอืด ปวดหัว ทรมานสุดๆ
โชคดีครั้งที่ 9 มีกัลยาณมิตรตำรวจ ทนาย อัยการ ทำให้ชนะคดี จริงๆ ฟ้องอาญาและแพ่งกลับได้ หมอปลอมจะติดคุก บริษัทอาหารเสริมจะล้มละลาย แต่เนื่องจากยังอยู่ในช่วงรักษามะเร็ง ก็เลยหยุดพักร่างกายจิตใจไปก่อน เจริญเมตตาเยอะๆ
ผมโคตรโชคดีมากๆ โชคดี 9 เด้ง ผมว่าโชคดีกว่าถูกรางวัลที่หนึ่ง 17 ใบ 102 ล้านอีกนะครับ ผมควรจะตายไป 2 รอบแล้ว
10- ทุกสิ่งทุกอย่างที่เขียนมา เกิดขึ้นตั้งแต่ต้นปีจนถึงตอนนี้เลย มีเรื่องเจ็บปวดต้องฝ่าฟันอีกมากมายที่ไม่ได้เขียนถึง ภาวะไทรอยด์ต่ำ TSH 86 ซึมเศร้าบ้าง ขยับตัวช้าเป็นสล็อต จนมาถึงตอนนี้ที่ภายนอกผมอาจดูแข็งแรง สูงใหญ่ สดใส ทันสมัย พลังงานล้น ไปบรรยายดูเท่ๆ เป็นหมอที่เก็บรายละเอียดเยอะ แต่ภายใน …. ผ่านอะไรมาเยอะเลยครับ
11- จากเรื่องราวเหล่านี้ จึงเป็นเหตุผลที่ทำไมผมถึง
- พูดถึงความตายบ่อยๆ เตรียมตัวตายทุกวัน ผมเป็นลิ่มเลือดอุดตันในปอดตั้งแต่ 4 ปีก่อน ต้องกินยาละลายลิ่มเลือดทุกวัน
- ใช้รถคันเดิม 12 ปี อยู่แบบสมถะๆ
- แต่งตัวชุดขาวห่มขาวทำงาน ได้เตือนใจตัวเอง
- เต็ม 100 กับคนไข้ อธิบายเยอะจนเสียงแหบ
- เต็ม 100 กับคุณหมอที่มาปรึกษา
- เต็ม 100 กับงานวิชาการ เพราะอยากรีบถ่ายทอดก่อนจะตาย
- ไปเรียนรู้ความรู้ใหม่ๆ จากยุโรป แล้วนำมาช่วยคนไทย มาสอนหมอไทย
- ไม่ชอบการโฆษณาเกินจริง (จาก บ.อาหารเสริมที่มาฟ้องผม)
- ไม่ชอบคนขี้โม้หรือโกหก (จากหมอปลอมที่มาฟ้องผม)
- จริงใจ ตรงไปตรงมา อะไรไม่เก่งก็บอกเลย ไม่ต้องมาเสียเวลากับเรา มีอะไรอยากเตือนก็เตือนเลย จนอาจจะดูดุดันเกินไปสำหรับวัฒนธรรมไทยบางคน
- ลดค่ารักษาลง (กันยายน) เพราะอยากช่วยคนได้มากขึ้น ฟื้นฟูได้นานพอที่จะได้ผลชัดเจน และเปลี่ยนชีวิตคนไข้ได้
- ชอบไปคอมเมนต์ในเพจอื่นๆ บ้าง โดยเฉพาะเรื่องการเมือง เพราะอยากให้คนไทยมีชีวิตที่ดีกว่านี้ เคยคิดอยากลง ส.ส.ด้วยนะ แต่น่าจะเครียดกว่าเดิมมาก
12- ผมมีความฝันก่อนตาย 3 อย่าง
1) สนับสนุนทางวิชาการ ช่วยทำงานวิจัย เพื่อพัฒนา TMS, PMS, TPS หรือ innovation อื่นๆ ได้ถูกบรรจุเป็นมาตรฐานการรักษาที่ช่วยคนไข้ได้จริง บนหลักฐานทางการแพทย์จริงๆ ไม่ใช่แฟชั่นความหวือหวาหรือการตลาดโฆษณาเกินจริง
2) ทำองค์กรในฝันที่มี DNA แบบเรา เน้นงานนวัตกรรมวิชาการ เน้น DNA transform digital, Ai, global citizen, ikigai-rinen ยั่งยืนอยู่ต่อไปแม้ไม่มีผมแล้ว
3) อนัตตาโสดาบัน, พุทธวิทยาศาสตร์ Scientific Buddhism, อาจไปบวชหรืออยู่เป็นฆราวาส
ขอบคุณนะครับที่อ่านมาจนถึงบรรทัดนี้ โชคดีจังที่มีเพื่อนดีๆ แบบทุกคน หวังว่าเพื่อนๆ จะได้ประโยชน์จากเรื่องราวความเจ็บปวดของผมบ้างนะครับ และเตือนใจคนที่เรารัก ^^
#สู้ดิวะ #โชคดีจังที่เป็นมะเร็ง #DrSomros
นพ.สมรส พงศ์ละไม (ก้อนอิฐ)”