xs
xsm
sm
md
lg

"รสนา" ชี้รัฐลดราคาดีเซลควักกระเป๋าประชาชน ไม่กล้าแตะเอกชนเหมือนเดิม

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



"รสนา" ชี้รัฐลดราคาดีเซลด้วยการลดภาษี แล้วล้วงกองทุนน้ำมันเอามาโปะภาษีที่ตัวเองลด แบบนี้ไม่ยั่งยืน เพราะในที่สุดก็ล้วงกระเป๋าประชาชน แนะรัฐบาลกล้าแตะ ปตท. ควบคุมราคาหน้าโรงกลั่น-ค่าการตลาด ลั่นน้ำมันเป็นสาธารณูปโภคพื้นฐาน จะปล่อยให้หากำไรสูงสุดตามกลไกตลาดเสรีไม่ได้



วันที่ 7 ก.ย. 2566 รสนา โตสิตระกูล คณะอนุกรรมการด้านบริการสาธารณะ พลังงาน และสิ่งแวดล้อม สภาองค์กรของผู้บริโภค ร่วมสนทนาในรายการ "คนเคาะข่าว" ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม ช่อง "นิวส์วัน" ในหัวข้อ "ลดราคาดีเซล รัฐควักกระเป๋า ไม่แตะเอกชน"

รสนากล่าวในช่วงหนึ่งว่า รัฐถือหุ้นใน ปตท.เกิน 51% ปตท.มีโรงกลั่น 40-50% เวลาส่งออกก็ได้ 18 บาท แต่ขายคนไทย 24 บาท ฉะนั้นหากรัฐขอให้ ปตท.ขายน้ำมันที่หน้าโรงกลั่นในราคาส่งออกบวกให้ 10 สตางค์ ก็ทำได้ นายกฯ เป็นประธาน กพช. (คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ) ควบ รมว.คลัง มีกระทรวงพลังงานแท็กทีม ถ้ามีความเห็นร่วมกันจะทำให้ราคาพลังงานลดลง ถ้าตั้งใจทำจริงทำไมจะทำไม่ได้ ไม่ใช่แค่ลดภาษีตัวเอง ล้วงกองทุนน้ำมัน เอามาโปะภาษีที่ตัวเองลด แบบนี้ไม่ยั่งยืน เพราะในที่สุดก็ล้วงกระเป๋าประชาชน

ปัญหาคืออ้างอิงราคาสิงคโปร์ เวลาขึ้นราคาขึ้นเร็วมาก เวลาลดสมมติ 80 สตางค์ เอกชนไม่ต้องการลด อาจลดแค่ 40 สตางค์ อีก 40 สตางค์โยกไปที่ค่าการตลาด

ค่าการตลาดเบนซิน กำหนดให้ไม่เกิน 2 บาทต่อลิตร เป็นสิ่งที่เหมาะสมที่คุยกันมาตั้งแต่ปี 63 เวลาเขาดูค่าการตลาด เขามองว่าประมาณ 4-5 ปี แล้วมาว่ากันอีกที และปีนี้ นายสุพัฒนพงษ์ รมว.พลังงาน ประกาศว่าค่าการตลาดเบนซินและแก๊สโซฮอล์ ให้อยู่ที่ 2 บาท แต่ว่าไม่เคยเลย ตั้งแต่ปลายปี 65 มาแล้ว ค่าการตลาดสูงขึ้นไปเรื่อยๆ จนทะลุ 5 บาท

สภาองค์กรผู้บริโภคไปร้องผู้ตรวจการแผ่นดิน ว่าการที่ค่าการตลาดเกิน 1 บาท เท่ากับเอกชนได้กำไรเกินมาวันละ 30 ล้านบาท เพราะเราใช้น้ำมันกลุ่มเบนซินและแก๊สโซฮอล์วันละ 30 ล้านลิตร นี่แค่ขั้นต่ำ แต่ความเป็นจริงไม่ได้เกินแค่ 1 บาท

รสนากล่าวอีกว่า กระทรวงพลังงานต้องคุม เพราะรัฐถือหุ้นใน ปตท. ซึ่งมีส่วนแบ่งทางการตลาดอยู่ 40% คุณไม่สามารถกำหนดให้ ปตท.ต้องทำตามกระทรวงพลังงานหรือ

น้ำมันไม่ใช่ของฟุ่มเฟือย เป็นสาธารณูปโภคพื้นฐาน จะปล่อยให้หากำไรสูงสุดตามกลไกตลาดเสรีไม่ได้ เราเข้าใจว่าผู้ค้าก็ต้องได้กำไร แต่ก็ต้องสมน้ำสมเนื้อ ไม่ใช่เอาเปรียบผู้บริโภค

รสนากล่าวต่ออีกว่า กองทุนน้ำมัน กฎหมายกำหนดไว้ว่าให้เอามาใช้รักษาเสถียรภาพราคาหน้าปั๊ม เวลาราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกแกว่งตัวแล้วคุมไม่ได้ แต่ตอนนี้ตั้งแต่ ก.ค.เห็นชัดเจนสุด ขึ้นราคาน้ำมันวันเว้นสองวัน ถึงวันนี้ขึ้นมาจะ 4 บาทต่อลิตรแล้ว

โดยหลักการ การที่มีกองทุนน้ำมันเพื่อไม่ทำให้น้ำมันหน้าปั๊มขึ้นลงถี่เร็วเกินไป เพราะพอขึ้นแล้วทำให้ราคาสินค้าขึ้น แล้วราคาสินค้าขึ้นแล้วไม่ลง แต่เมื่อไม่ได้ทำหน้าที่ มีความจำเป็นอะไรที่ต้องมีกองทุนฯ

รสนายังกล่าวถึงราคาไฟฟ้าว่า ถ้ารัฐบาลมีความกล้า นายกฯ เป็นประธาน กพช. สามารถแก้ค่าไฟได้ เนื่องจากก๊าซในอ่าวไทยเป็นแหล่งถูกที่สุด เชื้อเพลิงในโรงไฟฟ้าส่วนใหญ่เป็นก๊าซธรรมชาติ เมื่อในอ่าวไทยมีน้อยลง เพราะปิโตรเคมีของ ปตท.เอาไปใช้ ในราคาซื้อถูกกว่าคนอื่นเขา ถ้างั้นเอามาเฉลี่ยทุกข์เฉลี่ยสุข ให้ ปตท.ขายก๊าซธรรมชาติให้บริษัทลูกในราคาพูลก๊าซได้หรือไม่ เราจะได้เงินมาลดค่า FT ได้ปีละ 4 หมื่นล้าน สามารถลดค่าไฟได้หน่วยละ 20 สตางค์ แต่ถ้าหากเป็นเอกชนอยู่แล้วไปซื้อราคาตลาดโลกเลย เราจะได้ลดค่าไฟ 40 สตางค์ต่อหน่วย รัฐกล้าไหม


กำลังโหลดความคิดเห็น